เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1630 การลอบสังหารระหว่างทาง
ตอนที่ 1,630 การลอบสังหารระหว่างทาง
ในอีกสองวันต่อมา ไม่มีเรื่องราวแปลกประหลาดเกิดขึ้น
ทางกองทัพไม่ได้ส่งคนมาสืบสวนว่าเกิดเรื่องราวใดกันแน่ในคืนนั้น
และดูเหมือนตระกูลฮั่วจะอยากสงบศึกกับหลินเป่ยเฉินจริง ๆ พวกเขาจึงไม่ได้ส่งผู้คนมาก่อกวนหลินเป่ยเฉินอีกแล้ว
ล่วงเข้าวันที่สี่
พิธีมอบรางวัลให้แก่วีรบุรุษแห่งแผ่นดินจะจัดขึ้นที่ลานจัตุรัสจักรพรรดิในเมืองหลันจี๋ซิง
ในกลุ่มผู้ที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงาน ย่อมต้องมีหลินเป่ยเฉินรวมอยู่ด้วย
ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ โดยสารเกวียนสี่ล้อของทางกองทัพภายใต้การอารักขาของอี้ซูหนานกับลู่เชา มุ่งหน้าไปยังลานจัตุรัสจักรพรรดิเพื่อเข้ารับรางวัล
ทำไมเขาถึงต้องไปเข้าร่วมงานนี้น่ะหรือ?
แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เพราะเงินรางวัลหนึ่งหมื่นตำลึงเงินเหล่านั้นหรอก!
เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ
สิ่งสำคัญคือการได้รับการเชิดชูเกียรติในฐานะวีรบุรุษ นี่คือเรื่องสำคัญต่อจิตใจของหลินเป่ยเฉินมากที่สุด
จริง ๆ นะ!
ทำไมถึงไม่มีใครเชื่อก็ไม่รู้!!
เกวียนสี่ล้อของทางกองทัพวิ่งไปบนท้องถนนอันกว้างใหญ่
บรรยากาศภายในเมืองหลันจี๋ซิงเต็มไปด้วยความคึกคักแจ่มใส
อาคารบ้านเรือนและร้านรวงสองข้างถนนนำผืนธงประจำอาณาจักรหลิวเยวียนออกมาประดับอยู่ด้านหน้า ผืนธงสีม่วงโบกสะบัดตามสายลมเรียงรายไปตลอดเส้นทางสู่ลานจัตุรัสจักรพรรดิ
“จัดงานใหญ่โตเหมือนกันนะเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
เมื่อเห็นการตกแต่งเช่นนี้ เขาก็นึกถึงการจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติที่ตนเองเคยเห็นผ่านหน้าจอโทรทัศน์ในชาติภพที่แล้วขึ้นมาทันที
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่โลกมนุษย์ใบเดิมอีกครั้ง
“มีข่าวดีรายงานมาจากสนามรบชั้นแนวหน้าเจ้าค่ะ กองทัพหลิวเยวียนสามารถยึดสมรภูมิรบที่แม่น้ำเทียนซุยกลับคืนมาจากเผ่าพันธุ์ปีศาจได้แล้ว…”
อี้ซูหนานผู้นั่งอยู่บนเบาะหน้าหันใบหน้าที่งดงามของนางมากล่าวด้วยความตื่นเต้น “และวันนี้ ก็เป็นวันครบรอบปีที่สิบสามของการก่อตั้งสภาขุนนางชุดปัจจุบัน ผู้คนกำลังมีความสุข และในงานมอบรางวัลครั้งนี้ คุณชายจะได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมากเชียวเจ้าค่ะ”
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย สีหน้ายังคงสงบสุขุม
นั่นมันก็เรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?
เกวียนสี่ล้อเเล่นไปบนท้องถนน
ผู้คนสองข้างทางเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ธงสีม่วงผืนเล็ก ๆ ปรากฏอยู่ในมือของผู้คน พวกเขากำลังโบกสะบัดผืนธงอย่างมีความสุข นับเป็นภาพที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร
หลินเป่ยเฉินเองก็พลอยรู้สึกมีความสุขไปด้วย
ในฐานะที่ตนเองก็เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้แต่หวังว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะแข็งแกร่งมากกว่านี้ยิ่งขึ้นอีกเรื่อย ๆ หลินเป่ยเฉินภาวนาให้สงครามยุติลงโดยเร็วที่สุด ชีวิตของประชาชนคนธรรมดาจะได้กลับมาดำรงอยู่ในความสงบสุขอีกครั้ง
แต่ทันใดนั้น หัวใจของหลินเป่ยเฉินก็พลันรู้สึกถึงลางร้ายขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เขารู้สึกเหมือนทางข้างหน้ามีอันตราย
“หยุดรถ”
หลินเป่ยเฉินพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
เกวียนสี่ล้อหยุดลงโดยทันที
ตู้ม!
บังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น
ปรากฏคลื่นพลังลำแสงถูกยิงออกมาจากกลุ่มคนข้างทางอย่างไม่มีสัญญาณเตือน และลำแสงนั้นก็กระแทกถูกห้องโดยสารของเกวียนสี่ล้อด้วยความหนักหน่วง
แรงกระแทกรุนแรงมหาศาล
แรงกระแทกนั้นทำให้เกวียนสี่ล้อพลิกคว่ำตีลังกาสามร้อยหกสิบองศากลิ้งไปตามท้องถนน
“คุณชายระวัง…”
เสียงของเจ้าหน้าที่สาวอี้ซูหนานดังขึ้นท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายทั้งหมดนี้
เกวียนสี่ล้อกลิ้งไปบนท้องถนนหลายตลบ เปลวไฟลุกโชนทั่วทุกหนทุกแห่ง
หลินเป่ยเฉินยังคงมีสีหน้าเย็นชา แต่ในหัวใจร้อนผ่าวด้วยความอาฆาต
หากไม่ใช่เพราะเขาร้องเตือนให้หยุดรถเมื่อสักครู่ เกรงว่าการโจมตีในครั้งนี้คงจู่โจมเข้าใส่แกนกลางของเกวียนสี่ล้อ และนั่นก็จะทำให้ค่ายอาคมควบคุมเกวียนสลายลง จนนำมาสู่การพังทลายของเกวียนในที่สุด
เสียงอุทานดังขึ้นจากสองข้างถนนไม่ขาดสาย
ผู้คนเริ่มเกิดความแตกตื่นโกลาหล ได้ยินเสียงร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวายด้วยความตกใจดังอื้ออึง
โชคดีที่ถนนเส้นนี้มีขนาดใหญ่และกว้างพอที่จะให้เกวียนเเล่นสวนกันได้หลายคัน บัดนี้ แม้จะเกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่อง แต่ชาวเมืองที่มารวมตัวกันอยู่สองข้างทางก็ไม่มีผู้ใดได้รับลูกหลงจนถึงแก่ชีวิตแม้แต่คนเดียว
ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ…
ตึง!
เกวียนสี่ล้อของกองทัพที่ครึ่งหน้าพังยับเยินพลันกลับมาตั้งตรงบนพื้นดินได้อีกครั้ง
เปลวไฟลุกไหม้ท่วมห้องโดยสาร
ยังคงได้ยินเสียงการระเบิดตัวของค่ายอาคมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผัวะ!
ทันใดนั้น ประตูห้องโดยสารถูกเตะเปิดออก
อี้ซูหนานซึ่งมีโลหิตไหลทะลักออกมาจากหน้าผากรีบก้าวเท้าออกมาเป็นคนแรกและร้องตะโกนว่า “คุณชายหลิน คุณชายหลิน…”
“ข้าไม่เป็นไร”
เสียงของหลินเป่ยเฉินดังขึ้นด้านหลังหญิงสาว
“คุณชายไม่เป็นไรแน่นะเจ้าคะ ท่าน...”
อี้ซูหนานร้องอุทานด้วยความดีใจ
ตราบใดที่หลินเป่ยเฉินยังปลอดภัยดี ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวลอีกแล้ว
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่สาวจึงเพิ่งจะรู้สึกเจ็บปวดบริเวณศีรษะ ดวงตาของนางมองเห็นแต่สีโลหิต แต่อี้ซูหนานก็ไม่สนใจ นางรีบยกมือขึ้นส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ และในเวลาเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่สาวก็ใช้วัตถุเล่นแร่แปรธาตุสร้างเป็นเกราะกำบังเกวียนสี่ล้อที่ชำรุดเสียหายรอบทิศทาง
เกราะป้องกันของนางคือม่านพลังที่สูงเท่ากับตึกหลายชั้น
น่าจะสามารถคุ้มครองความปลอดภัยได้ชั่วคราว
หลินเป่ยเฉินรีบสำรวจดูร่างกายของตนเอง และพบรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อย เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ระหว่างที่เกวียนสี่ล้อพลิกคว่ำหลายตลบเมื่อสักครู่ ทว่าศีรษะของหลินเป่ยเฉินกระแทกเข้ากับเพดานห้องโดยสารอย่างแรง ส่งผลให้เพดานห้องโดยสารทะลุเป็นรูโหว่ และบัดนี้ ลู่เชาก็ยังติดอยู่ในห้องโดยสาร ไม่สามารถเคลื่อนกายออกมาได้
เมื่อเทียบกับอาการบาดเจ็บของอี้ซูหนาน ลู่เชามีอาการหนักหนาสาหัสมากกว่ากันหลายเท่า
ลู่เชาถูกเศษเหล็กทิ่มแทงใส่ช่วงอกและหน้าท้องไม่ต่ำกว่าสิบเอ็ดชิ้น บาดแผลฉกรรจ์มากที่สุดก็คือเศษเหล็กที่ทะลวงใส่หน้าอกฝั่งขวา ร่างกายของนายทหารหนุ่มสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว โลหิตไหลทะลักออกมาจากบาดแผลไม่หยุดยั้ง
และทันใดนั้น ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
ในกลุ่มชาวบ้านที่ยืนรวมตัวอยู่สองข้างทางพลันมีมือสังหารชุดดำสี่อัตราถือดาบฟันเลื่อยพุ่งตัวออกมาทะลวงผ่านม่านพลังของอี้ซูหนาน และเป้าหมายในการสังหารของพวกมันก็คือหลินเป่ยเฉิน
ภาพทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของลู่เชา
เขาพยายามยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
“รีบหลบหนีไป ไม่ต้องห่วงข้า… มือสังหารปรากฏตัวแล้ว” ลู่เชาร้องตะโกนออกมาเสียงดังอย่างไม่ห่วงความปลอดภัยของตนเองสักนิด “คุณชายหลิน ระวังด้านหลัง…”
“หยุดพูดได้แล้วน่า”
หลินเป่ยเฉินตอบรับกลับไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
เขาไม่ได้ชำเลืองมองกลับหลัง
ในมือของเด็กหนุ่มถือมีดพับสวิส มันเป็นอาวุธที่มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่มองเห็น หลินเป่ยเฉินโคจรพลังปราณลงไปในมีดพับ จากนั้นก็ใช้มีดพับกรีดลงไปบนผนังห้องโดยสารจนเกิดเป็นช่องว่างและฉุดลากตัวลู่เชาออกมาจากช่องว่างนั้นได้สำเร็จ
พลั่ก!
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็หมุนตัวเตะเกวียนสี่ล้อให้ลอยกระเด็นไปหามือสังหารทั้งสี่คนนั้น
วูบ!
กลุ่มมือสังหารยกดาบขึ้นฟันใส่เกวียนสี่ล้อ
แต่นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากเกินไป
มือสังหารที่อยู่ด้านหน้าสุดหลบไม่ทัน
โครม!
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังเหลือมือสังหารฝั่งซ้ายและฝั่งขวาที่เดินหน้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
มือสังหารที่มาด้วยกันสี่คน บัดนี้ สองคนถูกเกวียนสี่ล้อสกัดขัดขวาง หลงเหลืออีกสองคนที่ยังสามารถตวัดดาบโจมตีใส่ขมับข้างซ้ายและข้างขวาของหลินเป่ยเฉินด้วยความดุดันอำมหิต
“คุณชาย…”
อี้ซูหนานเห็นดังนั้นก็ได้แต่ร้องอุทานออกมาด้วยความหมดหวัง
นางคิดว่าตนเองกำลังจะได้เห็นศีรษะของหลินเป่ยเฉินขาดกระเด็น
ภารกิจคุ้มกันของนางล้มเหลว
แต่ทันใดนั้น…
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ศีรษะของมือสังหารทั้งสองคนกลับระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด!