เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1634 มีคุณสมบัติอันใด
ตอนที่ 1,634 มีคุณสมบัติอันใด
ว่าไงนะ?
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ ทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับกลับไปเท่านั้น
พิธีมอบรางวัลดำเนินต่อไป
บรรยากาศอบอุ่นใจยิ่ง
เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของชาวเมืองยิ่งดังกึกก้องมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทางสภาขุนนางและทางกองทัพพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปลุกปลอบขวัญกำลังใจของผู้คน
การเชิดชูวีรบุรุษคือหนึ่งในหนทางที่ดีที่สุด
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่บนเวทีใหญ่และได้รับการสรรเสริญจากทุกทิศทาง
เขาได้แต่ฉีกยิ้มจนเมื่อยปาก
เมื่อเห็นว่าพิธีการกำลังจะจบลงแล้ว หลินเป่ยเฉินก็กำลังจะหาจังหวะเผ่นลงจากเวที แต่ทันใดนั้น เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ได้บังเกิดขึ้น
“ช้าก่อน”
เสียงร้องตะโกนด้วยความเศร้าดังออกมาจากกลุ่มที่นั่งของแขกระดับสูง
เป็นเสียงที่ดังกังวานกลบเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของชาวเมือง
ทุกคนหันหน้ามองไปยังทิศทางของเสียงนั้น
และพบเข้ากับชายชราผมขาว แต่งกายชุดขาว ในมือถือป้ายเคารพวิญญาณ เดินขึ้นมาบนเวทีสีหน้าเศร้าหมอง “เราผู้เฒ่าฮั่วหยงเหนียน เป็นตัวแทนจากหอการค้าตันเฉาขอคารวะท่านผู้กล้าหาญทั้งหลาย และขออภัยที่ต้องมาขัดจังหวะพิธีการของพวกท่าน แต่วันนี้ เราผู้เฒ่ามีบางสิ่งบางอย่างต้องการจะสอบถามท่านวีรบุรุษหลินเป่ยเฉิน…”
หอการค้าตันเฉาเป็นหอการค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลันจี๋ซิง
และก็เป็นหนึ่งในธุรกิจของตระกูลฮั่วเช่นกัน
หืม?
ตาเฒ่านี่จะทำอะไรอีกนะ?
หลินเป่ยเฉินยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เมื่อหันไปมองชายชรา มุมปากก็ยกตัวเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกันนี้
ท่านผู้คุมสภาเฟิงเสี่ยวไป๋และขุนนางใหญ่อีกหลายท่าน รวมไปถึงผู้บังคับบัญชาของสี่ทัพหลวงล้วนแต่มีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปในทันที
เห็นได้ชัดว่าบรรดาคนใหญ่คนโตเหล่านี้ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าฮั่วหยงเหนียนจะขึ้นมาก่อกวนความสงบบนเวที
“ท่านประมุขฮั่ว มีเรื่องราวใดเอาไว้พูดคุยกันทีหลังเถอะ”
ท่านผู้คุมสภาเฟิงเสี่ยวไป๋กล่าวอย่างแช่มช้า
“เราผู้เฒ่ารอไม่ได้แล้ว”
ฮั่วหยงเหนียนแทบจะร้องไห้ด้วยความเศร้าสลด “เราผู้เฒ่ามาที่นี่ในวันนี้ ไม่ได้มาในฐานะของคนตระกูลฮั่ว แต่เราผู้เฒ่ามาด้วยเรื่องราวของเราเอง เรามีบางอย่างอยากจะสอบถามหลินเป่ยเฉิน ตราบใดที่เขาตอบตามความเป็นจริง เราผู้เฒ่าก็จะยอมลงจากเวทีแต่โดยดี”
ทันใดนั้น เสียงอุทานฮือฮาก็ดังไปทั่วลานจัตุรัสอีกครั้ง
ชาวเมืองบางส่วนจดจำได้แล้วว่าฮั่วหยงเหนียนเป็นผู้ใด
“เมื่อสามวันที่แล้ว หอการค้าตันเฉาได้ทำการบริจาคเงินเป็นจำนวนมากให้แก่คลังหลวงของทางกองทัพ… แล้วนี่เขาแต่งชุดขาวมาไว้ทุกข์ให้แก่ผู้ใด? เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
“ได้ยินมาว่าบุตรชายของเขาถูกฆ่าตายนะ”
“บุตรชายคนไหน?”
“ฮั่วหานซาน”
“จริงด้วยสิ ข้าได้ยินมาว่าฮั่วหานซานเป็นนายทหารที่มีชื่อเสียงมากในสนามรบ เขาฆ่าปีศาจเป็นจำนวนมากจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นวีรบุรุษ แต่ทำไมวันนี้ถึงไม่ขึ้นมารับรางวัลกันนะ?”
“ข้าได้ยินข่าวมาว่าฮั่วหยงเหนียนบริจาคเงินให้กับทางกองทัพเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว”
การพูดคุยในกลุ่มชาวเมืองดำเนินต่อไป
เรื่องราวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อชาวเมืองพบเห็นสีหน้าเศร้าสลดของฮั่วหยงเหนียน พวกเขาก็อดรู้สึกสงสารขึ้นมาไม่ได้
ในดวงตาของเฟิงเสี่ยวไป๋ปรากฏความขุ่นเคืองใจอยู่หลายส่วน
เขาพอจะคาดเดาได้แล้วว่าฮั่วหยงเหนียนตั้งใจจะทำสิ่งใด
เฟิงเสี่ยวไป๋จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตระกูลฮั่วพยายามทำสิ่งใดบ้างในหลายวันที่ผ่านมา?
การพยายามปล่อยข่าวลือเพื่อใส่ร้ายป้ายสีหลินเป่ยเฉิน ย่อมเป็นฝีมือของฮั่วหยงเหนียนผู้นี้เอง
แต่ทางสภาขุนนางก็รับหน้าที่กำจัดข่าวลือเหล่านั้นไปทั้งหมด
เพราะในขณะนี้ ขวัญกำลังใจของผู้คนคือสิ่งสำคัญที่สุด
และต้องอย่าลืมว่าฮั่วหานซานเป็นฝ่ายเข้าไปหาเรื่องหลินเป่ยเฉินก่อน การถูกฆ่าตายเช่นนั้นก็นับว่าสมควรแล้ว
เมื่อเห็นท่าทีตอบรับของทางสภาขุนนางไม่ได้เป็นไปตามที่คิด เฟิงเสี่ยวไป๋ก็หลงเข้าใจว่าฮั่วหยงเหนียนคงจะยอมแพ้แล้ว แต่ที่ไหนได้ จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์กลับไม่เห็นแก่หน้าผู้ใดทั้งสิ้น บัดนี้ ถึงกับเดินขึ้นมาก่อกวนความสงบถึงบนเวที
ฮั่วหยงเหนียนเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?
“ท่านประมุขฮั่ว ได้โปรดลงจากเวทีไปก่อนเถอะ”
แม้ว่าท่านผู้คุมสภาเฟิงเสี่ยวไป๋จะมีลักษณะเหมือนคนหยาบคายไร้มารยาท แต่เขาก็มีความสงบสุขุมเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้น้ำเสียงยังคงเป็นปกติ แต่แววตาก็เริ่มคุกคามผู้คนบ้างแล้ว
ถึงกระนั้น ฮั่วหยงเหนียนกลับไม่สนใจสายตาของท่านผู้คุมสภาเฟิงเสี่ยวไป๋แม้แต่น้อย ชายชราหันมาจ้องหน้าหลินเป่ยเฉินและกล่าวถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “คุณชายหลิน เราผู้เฒ่าขอถามท่าน เมื่อสามวันที่แล้ว ในโรงเตี๊ยมต้าเฟิง เพียงเพราะเรื่องราวหึงหวงสตรีผู้หนึ่ง ท่านถึงกับสังหารฮั่วหานซานบุตรชายของเราผู้เฒ่าจริงหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่จริง”
ฮั่วหยงเหนียนหยุดชะงัก
ท่านผู้คุมสภาเฟิงเสี่ยวไป๋ไปจนถึงผู้บังคับบัญชาสี่ทัพหลวงและท่านขุนนางคนอื่น ๆ ต่างก็คิดไม่ถึงว่าหลินเป่ยเฉินไม่ได้ให้เหตุผลในการปฏิเสธใด ๆ เลย นอกจากบอกปัดอย่างกำปั้นทุบดินเท่านั้น
การกระทำเช่นนี้… ถือว่าไม่ชาญฉลาดสักเท่าไหร่
ฮั่วหยงเหนียนหัวเราะในลำคอ กัดฟันกรอดและถามว่า “และเพราะหึงหวงสตรีนางนั้น ท่านถึงกับฆ่าฮั่วหานช่วนผู้เป็นหนึ่งในแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพชิงเหยียนอีกคนใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่”
หลินเป่ยเฉินยังคงส่ายศีรษะต่อไป
เฟิงเสี่ยวไป๋และพรรคพวกเริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาแล้ว
การปฏิเสธห้วนสั้นเช่นนี้ไม่ใช่คำตอบที่ดีเช่นกัน
สิ่งที่ฮั่วหยงเหนียนพูดออกมาย่อมมีหลักฐานคอยรองรับ…และอันที่จริงนั้น การค้นหาหลักฐานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเตี๊ยมต้าเฟิงเมื่อสามวันก่อน ก็ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ยากเย็นอันใด
“และเพียงเพราะอยากระบายอารมณ์ ท่านก็ถึงกับสังหารผู้อาวุโสฮั่วชิงจากหอการค้าตันเฉาใช่หรือไม่?”
ฮั่วหยงเหนียนขยับเท้าก้าวออกมาข้างหน้าและถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ไม่ใช่”
หลินเป่ยเฉินยังคงตอบคำถามอย่างรวบรัดต่อไป
สีหน้าของเด็กหนุ่มเย็นชาปานทะเลสาบน้ำแข็ง
ฮั่วหยงเหนียนหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “เราผู้เฒ่าไม่มีสิ่งใดจะถามอีกแล้ว…”
กล่าวจบ ชายชราก็นำอุปกรณ์สำหรับการฉายภาพออกมาแสดงภาพของหลินเป่ยเฉินที่กำลังสังหารฮั่วหานซาน ฮั่วหานช่วนและฮั่วชิงในอากาศ
ทันใดนั้น
เสียงอุทานก็ดังขึ้นในลานจัตุรัส
ภาพที่กำลังถูกฉายบนท้องฟ้าเป็นภาพของหลินเป่ยเฉินที่ทางสภาขุนนางและทางกองทัพเพิ่งจะแต่งตั้งให้เป็นวีรบุรุษเมื่อสักครู่…
วีรบุรุษหนุ่มผู้มีหน้าตาหล่อเหลาสมบูรณ์แบบ
แต่ภาพที่กำลังปรากฏบนท้องฟ้าในขณะนี้ เป็นภาพที่ทำให้ชาวเมืองถึงกับตกตะลึง
บางคนแทบเป็นลมหมดสติ หลายคนสบถคำหยาบออกมาด้วยความโกรธแค้น...
“เราผู้เฒ่าคิดอยู่แล้วว่าทางสภาและทางกองทัพพยายามปกป้องเจ้า เพราะพวกเขาไม่อยากจะให้ภาพลักษณ์วีรบุรุษของเจ้าต้องเสื่อมเสีย พวกเขาพยายามสร้างข่าวลือมากลบเกลื่อนความผิดของเจ้า แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เราผู้เฒ่าจะขอสู้จนตัวตาย แม้วันนี้ตระกูลฮั่วอาจจะต้องถูกประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตร ข้าก็จะต้องกระชากหน้ากากที่แท้จริงของเจ้าออกมาให้ได้…”
“บุตรชายของเราผู้เฒ่าเสียสละเพื่อแผ่นดินไม่แพ้เจ้า และสร้างความดีความชอบให้แก่แผ่นดินไม่ได้น้อยไปกว่าเจ้า แต่เพียงเพราะสตรีนางเดียว เจ้าถึงกับฆ่าพวกเขาได้ลงคอ…”
“ฆาตกรใจโหดอย่างเจ้า ปีศาจร้ายอย่างเจ้า มีคุณสมบัติอันใดที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นวีรบุรุษ?”
“หากไม่กระชากหน้ากากของเจ้าออกมาในวันนี้ มีผู้ใดทราบบ้างว่าในอนาคตข้างหน้า เจ้าจะสังหารผู้คนอีกมากมายเพียงใด…”
ฮั่วหยงเหนียนระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด ก่อนปิดท้ายด้วยการตั้งคำถามว่า “เหตุไฉนเจ้าถึงไม่พูดอะไรอีก? คงสำนึกผิดแล้วใช่หรือไม่? จงตอบออกมา!”