เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1642 หลบหนีด้วยความรวดเร็ว
ตอนที่ 1,642 หลบหนีด้วยความรวดเร็ว
ปรากฏว่าโครงกระดูกเหล่านี้บางตัวมีความแข็งแกร่งอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ แม้ไม่ต้องมีเลือดเนื้อ แต่โครงกระดูกของพวกมันก็สามารถระเบิดพลังปราณออกมาได้อย่างน่าสะพรึงกลัว
โครงกระดูกพังทลายลงเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
หัวกระโหลกกลิ้งกระเด็นไปบนพื้นดิน เช่นเดียวกับกระดูกส่วนต่าง ๆ ที่กระจัดกระจาย ไม่ว่าจะเป็นกระดูกส่วนแขน กระดูกส่วนขา หรือกระดูกส่วนอื่น ๆ…
สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง
กลุ่มโครงกระดูกวิ่งเข้าไปแย่งชิงชิ้นส่วนของกันและกัน
“นี่มันหัวกะโหลกของข้านะ…”
“คืนกระดูกขาของข้ามาเดี๋ยวนี้”
“นั่นมันหางของข้า ย้ากกก!”
โครงกระดูกระเบิดเสียงคำรามต่อกันด้วยความดุร้าย พวกมันถึงกับต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงชิ้นส่วนกระดูกที่ตกอยู่บนพื้นดิน และบางส่วนก็นำกระดูกบนพื้นดินเหล่านั้นขึ้นมาฟาดฟันเป็นอาวุธ
เคร้ง! เคร้ง!
ได้ยินเหมือนเสียงโลหะปะทะกัน
ประกายไฟสาดกระจาย
กระดูกเหล่านี้มีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ พวกมันแทบไม่ต่างไปจากเหล็กกล้าหรือทองคำ กลุ่มผู้อาวุโสชุดดำของตระกูลฮั่วฟันกระบี่เข้าใส่โครงกระดูกเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง แต่บรรดาโครงกระดูกกลับไม่เกิดรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย…
“นี่มันอะไรกันวะเนี่ย…”
หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
โครงกระดูกผีพวกนี้คือตัวอะไรกันแน่?
พวกมันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
ในไม่ช้า ความเปลี่ยนแปลงที่น่าสะพรึงกลัวก็บังเกิดขึ้น
อยู่ดี ๆ บรรดาโครงกระดูกที่กำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับกลุ่มชายชราชุดดำก็มีพลังเพิ่มมากขึ้น ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสี่จากตระกูลฮั่วจึงไม่อาจต้านทานได้อีกแล้ว…
ทันใดนั้น โครงกระดูกยักษ์ที่มีความใหญ่โตมากกว่าโครงกระดูกทั่วไปสี่เท่าพลันปรากฏตัวขึ้น
รอบกายของมันรายล้อมด้วยดวงไฟปริศนาสีม่วงเข้ม พลังที่แผ่ออกมานั้นอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิ สองมือของมันถือกระดูกขาวเป็นอาวุธ เจ้าโครงกระดูกยักษ์ตัวนี้ระเบิดเสียงร้องคำราม ดวงตาจับจ้องมองไปที่กลุ่มชายชราชุดดำจากตระกูลฮั่วทั้งสี่คน
เมื่อถูกโครงกระดูกยักษ์จับจ้องเช่นนั้น ชายชราทั้งสี่ก็สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกาย พวกเขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีกแล้ว
ตึง! ตึง! ตึง!
โครงกระดูกยักษ์ย่างสามขุมเข้าไปหากลุ่มชายชรา
แล้วหลังจากนั้น หนึ่งในกลุ่มชายชราก็ไม่ต่างไปจากมดแมลงตัวน้อยที่ถูกฝ่าเท้าขนาดใหญ่ยักษ์เหยียบย่ำจนร่างกายแหลกเละเป็นกองเนื้อกองหนึ่ง
ดูเหมือนว่าโครงกระดูกยักษ์ตัวนี้จะได้รับพลังพิเศษบางประการ เมื่อมันสังหารชายชราชุดดำได้สำเร็จหนึ่งคน ร่างกายของมันก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นจนน่าหวาดกลัว…
และที่น่าพิศวงก็คือบรรดาโครงกระดูกที่อยู่โดยรอบก็ได้รับการแบ่งปันพลังด้วยเช่นกัน
พวกมันเริ่มกลับมามีเลือดเนื้อและผิวหนัง ราวกับว่ากำลังจะกลับคืนสู่ร่างเดิมอีกครั้ง
“นี่มันอะไรกัน…”
ผู้อาวุโสใหญ่จากตระกูลฮั่วคนที่สองร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก
แต่หลังจากนั้น ศีรษะของเขาก็ถูกกระดูกในมือโครงกระดูกยักษ์ฟาดเข้าใส่อย่างแรง ศีรษะจึงจมหายลงไปในหน้าอก แขนขาชักกระตุกอย่างน่าสยดสยอง
หลินเป่ยเฉินเองก็ใช่ว่าจะปลอดภัย
เขาเกือบถูกเหยียบตายแล้วเช่นกัน
โชคดีที่ร่างกายมีความแข็งแกร่งมากกว่าคนทั่วไป แม้ตนเองจะถูกโครงกระดูกยักษ์เหยียบย่ำโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้มีสภาพกลายเป็นกองเนื้อ ทว่าหลินเป่ยเฉินก็ยังต้องปีนกลับขึ้นมาจากหลุมลึกรูปทรงมนุษย์บนพื้นดินด้วยความทุลักทุเลยิ่งนัก
นี่มันน่ากลัวเกินไป
ทนอยู่ต่อไม่ไหวแล้วโว้ย!
รีบหนีดีกว่า
หลินเป่ยเฉินนำรถมอเตอร์ไซค์ Zongshen รุ่น 250 เรโทรออกมากระโดดขึ้นขี่โดยไม่ลังเล เมื่อเขาบิดคันเร่ง เสียงมอเตอร์ไซค์ก็แผดดังไปทั่วสุสานใต้ดินทันที
เจ้าโครงกระดูกยักษ์ยืนขวางทาง
หลินเป่ยเฉินชะลอความเร็วของมอเตอร์ไซค์เล็กน้อย ก่อนจะบิดคันเร่งเบนทิศทางไปทางอื่น แล้วพุ่งตัวเป็นลำแสงหายวับไปในอากาศ
สุสานใต้ดินก้องกังวานด้วยเสียงแห่งการฆ่าฟัน
ชายชราชุดดำจากตระกูลฮั่วยังเหลืออีกสองคน พวกเขาส่งเสียงคำรามตลอดเวลา แต่ก็ถูกกองทัพโครงกระดูกปิดล้อมจากรอบทิศทาง สุดท้ายชายชราทั้งสองก็ถูกฉีกกระชากร่างกายขาดออกจากกันทั้งเป็นโดยกลุ่มโครงกระดูกเหล่านั้นเอง
ห่างออกมาไม่ไกล
บนโขดหินที่สูงใหญ่ก้อนหนึ่ง
“บัดนี้ เจ้าคงแน่ใจได้แล้วกระมัง”
องค์ชายหลิงเยวียนหลงยืนอยู่บนโขดหินด้วยสีหน้าแปลกประหลาดพิกล
ข้างกายของเขาคือหลิงเฉิน
สองลุงหลานยืนอยู่ไม่ห่างจากจุดสังหาร แต่ดูเหมือนโครงกระดูกเหล่านั้นจะไม่สามารถสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของพวกเขาได้เลย
สายตาขององค์ชายหลิงเยวียนหลงจ้องมองไปยังทิศทางที่หลินเป่ยเฉินหายตัวไปอย่างใช้ความคิด
เด็กหนุ่มผู้นี้มีทักษะในการหลบหนีรวดเร็วมากเกินไป
ต่อให้อยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิ ก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วเช่นนี้ได้ด้วยซ้ำ
ในห้วงคิดขององค์ชายหลิงเยวียนหลง เขากำลังนึกถึงท่วงท่ายามที่หลินเป่ยเฉินหลบหนีไป เด็กหนุ่มมีลักษณะเหมือนกำลังขี่ม้าทั้ง ๆ ที่ไม่มีม้า ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ องค์ชายหลิงเยวียนหลงก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากเท่านั้น
แต่เหตุไฉนหลินเป่ยเฉินจึงสามารถหลบหนีด้วยความรวดเร็วถึงเพียงนี้?
เจ้าเด็กคนนี้ต้องปิดบังความจริงอะไรบางอย่างอยู่แน่ ๆ
หลินเป่ยเฉินย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดา
เมื่อรวบรวมสติกลับมาได้อีกครั้ง องค์ชายหลิงเยวียนหลงก็ยิ้มเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า “ในเมื่อเขาไม่มีองครักษ์คอยติดตาม นี่ก็หมายความว่าหลินเป่ยเฉินมั่นใจในความสามารถของตนเอง เจ้าน่าจะวางใจได้แล้วกระมัง? เขาสามารถดูแลตนเองได้ไม่มีปัญหา”
ในที่สุด หลิงเฉินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ก่อนหน้านี้ นางยังไม่ได้ไปที่ใด เพราะเด็กสาวขอร้องให้องค์ชายหลิงเยวียนหลงแอบอยู่ดูแลความปลอดภัยให้หลินเป่ยเฉินก่อน
บัดนี้ เด็กสาวสามารถโล่งใจได้แล้ว
“ไปกันเถอะ พวกเราจะเสียเวลาไม่ได้อีกแล้ว เราต้องหาค้อนคว่ำนภาให้เจอ ยิ่งเจอเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น อนาคตทั้งชีวิตของเจ้าขึ้นอยู่กับสามวันข้างหน้านี่เอง”
เมื่อกล่าวจบ
องค์ชายหลิงเยวียนหลงก็พาหลิงเฉินพุ่งตัวเป็นลำแสง หายวับไปจากโขดหินสูงใหญ่ก้อนนั้นทันที
…
“ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ต้องกลัวรถติด มันเป็นอย่างนี้นี่เองสินะ…”
หลินเป่ยเฉินกำลังบิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์
เขาได้รับรู้ถึงประสบการณ์ซิ่งทะลุนรกที่แท้จริง
มอเตอร์ไซค์ Zongshen รุ่น 250 เรโทรมีเสียงดังกังวานปานฟ้าผ่า ความเร็วของมันนั้นทำให้เส้นผมของหลินเป่ยเฉินปลิวไสวไปทางด้านหลัง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่มอเตอร์ไซค์ของเขาจะมีความรวดเร็วยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้
หากไม่ใช่เพราะว่ามือซ้ายของหลินเป่ยเฉินยังคงหลงเหลือพลังปราณจากตัวฮั่วหานช่วนอยู่อีกจำนวนหนึ่ง เกรงว่าบัดนี้มอเตอร์ไซค์ของเขาคงน้ำมันหมดถังไปนานแล้ว
แต่การใช้พลังปราณทดแทนน้ำมันคือสิ่งที่คุ้มค่า
เพราะมันช่วยเพิ่มความเร็วให้แก่มอเตอร์ไซค์ได้มากกว่าเดิมหลายเท่า
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น
อาณาเขตของโครงกระดูกผีก็ถูกทิ้งอยู่ด้านหลังห่างไกลออกไปหลายสิบลี้!