เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1648 กระบี่ฆ่าวาฬ
ตอนที่ 1,648 กระบี่ฆ่าวาฬ
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังปราณแท้จริงในร่างกายของเขาเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ในเวลาเดียวกันนี้ เมื่อวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณควบคุมการไหลเวียนของมวลพลังโลหิตพิสุทธิ์ มวลกล้ามเนื้อของหลินเป่ยเฉินก็เพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้นเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่บนหัวกะโหลกมังกรเป็นเวลาถึงหนึ่งชั่วยามเต็ม ๆ
เสียงหัวใจของเด็กหนุ่มกลับมาเต้นเป็นจังหวะปกติอีกครั้ง
มันไม่ได้เต้นเร็วเหมือนกลองตีอีกแล้ว
เส้นเลือดที่ปูดนูนขึ้นมาใต้ผิวหนังก็กลับสู่ภาวะปกติ
ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบนิ่ง
ในที่สุด การหลอมรวมพลังก็เสร็จสิ้น
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนตายแล้วได้เกิดใหม่
“เราตัวสูงขึ้น แข็งแรงมากขึ้น มีพลังเพิ่มขึ้น…” หลินเป่ยเฉินรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังกระแสใหม่ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย “ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเราน่าจะเทียบกับพวกจอมจักรพรรดิระดับ 7 ได้แล้วมั้งเนี่ย”
เด็กหนุ่มไม่ได้คิดไปเอง
หากเขาได้พบเจอกับหัวหน้าฝูงอสูรสิงโตทองคำจินอู๋ซูอีกครั้ง หลินเป่ยเฉินก็ไม่จำเป็นต้องใช้ปืน AWM อีกแล้ว แค่เขาใช้กำปั้นของตนเอง ก็น่าจะสังหารหัวหน้าฝูงอสูรสิงโตได้ไม่มีปัญหา
พลังปราณแท้จริงในร่างกายของเขายังคงไหลเวียนอย่างร้อนระอุ
หลินเป่ยเฉินเลื่อนขอบเขตพลังขึ้นมาอยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 10
อีกเพียงก้าวเดียวก็จะขึ้นสู่ขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ
เมื่อมีพลังเพิ่มมากขึ้น หลินเป่ยเฉินก็แทบไม่ต้องกลัวสิ่งใดอีกต่อไป
“ถ้าเรามีเวลามากกว่านี้ น่าจะนั่งหลอมรวมพลังเลื่อนขึ้นสู่ขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้แน่ ๆ…”
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ แต่ทันใดนั้น สายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับกระบี่เงินเล่มหนึ่งที่ปักอยู่ข้างกาย
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด หลินเป่ยเฉินจึงรู้สึกถูกชะตากับกระบี่เล่มนี้เป็นพิเศษ
เขาเอื้อมมือออกไปหาด้ามจับกระบี่
ความรู้สึกคุ้นเคยไหลผ่านเข้าสู่ปลายนิ้วมือ
หรือจะเป็นเพราะว่าในร่างกายของหลินเป่ยเฉินมีโลหิตของชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีแดงไหลเวียนอยู่ กระบี่เล่มนี้จึงจดจำเจ้าของเดิมของมันได้?
แม้จะผ่านกาลเวลามายาวนานนับพันปี แต่กระบี่เงินเล่มนี้ก็ยังสะท้อนแสงเป็นประกายวิบวับ แสดงให้เห็นถึงความคมกริบ
หลินเป่ยเฉินลองตวัดกระบี่
วูบ!
คลื่นพลังพุ่งผ่านอากาศ
อานุภาพในการทำลายล้างของกระบี่เล่มนี้แทบจะสามารถตัดอากาศให้ขาดออกจากกัน
เป็นกระบี่ที่ประเสริฐนัก!
หลินเป่ยเฉินยิ้มด้วยความดีใจ
ในฐานะที่เคยได้รับตำแหน่งเป็นถึงเซียนกระบี่แห่งเมืองไป๋หยุน หลินเป่ยเฉินจึงชำนาญในการใช้กระบี่เป็นพิเศษ และเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น กระบี่เงินเล่มนี้ก็แทบจะกลายเป็นกระบี่ของเขาโดยสมบูรณ์
บนตัวกระบี่สลักอักษรเป็นภาษาของเผ่าพันธุ์มนุษย์ สามารถอ่านได้ความว่า ‘กระบี่ฆ่าวาฬ’
กระบี่ฆ่าวาฬ
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสสำหรับของขวัญขอรับ”
หลินเป่ยเฉินประสานมือคำนับขอบคุณอากาศธาตุ
ดวงวิญญาณของชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีแดงได้สลายหายไปหมดสิ้น
“อ้าว ลืมถามชื่อท่านผู้อาวุโสไปซะสนิทเลย”
หลินเป่ยเฉินยกมือตบหน้าผากตนเอง
แล้วดวงตาของเขาก็ก้มมองภูเขาโครงกระดูกที่อยู่ใต้เท้า
โครงกระดูกเหล่านี้คือขุมทรัพย์ของเขาชัด ๆ
เมื่อมีกระบี่เล่มใหม่อยู่ในมือ หลินเป่ยเฉินจึงสามารถฟันกระดูกเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ แม้แต่กระสุนปืน AWM ก็ยังสร้างรอยขีดข่วนให้แก่โครงกระดูกเหล่านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
หากหลินเป่ยเฉินสามารถใช้กระดูกเหล่านี้ล่อหลอกให้พวกวิญญาณปีศาจแห่งสนามรบทำงานให้กับตนเองได้ เขาก็จะมีลูกสมุนที่ซื่อสัตย์ให้ใช้งานแล้วไม่ใช่หรือ?
หลินเป่ยเฉินคิดได้ดังนี้ก็ตื่นเต้นยิ่งนัก
เด็กหนุ่มเก็บโครงกระดูกทั้งหมดเข้าไปในพื้นที่ฝากไฟล์ของแอปสวิ่นเล่ย
ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออีกต่อไป
แม้แต่หมอกขาวรอบบริเวณก็กระจายตัวหายไปหมดสิ้น
ได้เวลาไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินเปลี่ยนรูปลักษณ์กลับมาเป็น ‘สายลับโครงกระดูกผี’ ดังเดิม ก่อนจะกระโดดขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์และไต่ผนังกลับขึ้นมาจากหลุมใต้ดิน
เพียงเท่านี้ เขาก็สามารถออกสำรวจบริเวณอื่น ๆ ของสุสานได้ด้วยความสบายใจแล้ว
…
เบื้องหน้ามีแต่ศพคนตายยาวไกลสุดลูกหูลูกตา
ไม่ต่างจากทะเลทรายที่มีแต่โครงกระดูกขาว
เพียงชำเลืองมอง ก็ดูออกว่าโครงกระดูกแต่ละชนิด มาจากสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์แตกต่างกันไป
ร่างของมนุษย์สิบคนลอยตัวในอากาศ
พวกเขาเคลื่อนผ่านทะเลทรายโครงกระดูกอย่างเชื่องช้า
วูบ!
ทันใดนั้น บังเกิดลำแสงพุ่งขึ้นมาจากกองกระดูกบนพื้นดิน
“อะเฮือก…”
หนึ่งในกลุ่มมนุษย์ร้องอุทานออกมาขณะถูกกระดูกชิ้นหนึ่งปักเข้าใส่ช่วงท้อง ก่อนที่ตัวคนจะร่วงหล่นลงจากกลางอากาศ
“ผู้อาวุโสฟาง ระวัง!”
บุคคลที่ลอยตัวอยู่ด้านข้างคว้าแขนของเขาเอาไว้ได้ทัน และแม้ผู้ที่ถูกโจมตีจะมีโลหิตไหลทะลักออกมาจากหน้าท้อง แต่ผู้ที่ช่วยเหลือก็ยังสามารถโคจรพลังดึงดูดโลหิตทั้งหมดกลับเข้าสู่ร่างกายของผู้บาดเจ็บได้อีกครั้ง
ผู้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือย่อมต้องเป็นเฟิงเสี่ยวไป๋
คณะสำรวจทั้งสิบคนของเขารวมถึงอวี้เหวินซิวเซียนถูกจองจำอยู่ในค่ายอาคมปีศาจ
สถานการณ์อันตรายเป็นอย่างยิ่ง
ทะเลทรายโครงกระดูกเบื้องล่างมีวิญญาณที่พร้อมโจมตีผู้คนได้ทุกเมื่อ
การโจมตีที่รุนแรงสามารถสังหารพวกเขาได้ในพริบตาเดียว
หากมีคนตกลงไปสู่กองกระดูกเบื้องล่าง… หรือมีเลือดแม้แต่หยดเดียวหยดลงไป หายนะครั้งใหญ่ก็จะเกิดขึ้นทันที และโครงกระดูกเหล่านั้นก็จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“พวกเรามาถึงแล้ว”
ใครคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้นมา
‘เกาะ’ ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นในสายตา
มันเป็นซากกระดองเต่ายักษ์ที่ผ่านกาลเวลามายาวนานนับหมื่นปี แต่ลวดลายบนกระดองเต่ายังคงชัดเจน ดูสวยงามและน่าสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน
“ที่นี่คือเกาะกระดองเต่า”
เฟิงเสี่ยวไป๋เองก็ยิ้มออกแล้วเช่นกัน “ใช่แล้ว ที่นี่แหละ กระดูกอาถรรพ์อยู่บนเกาะแห่งนี้… ดูเหมือนพวกปีศาจจะยังมาไม่ถึงกันสินะ… พวกเรารีบไป เร็วเข้า”
วูบ! วูบ! วูบ!
ร่างของบุคคลทั้งสิบทิ้งตัวลงไปยืนอยู่บนเกาะกระดองเต่า
“ผู้อาวุโสฟาง อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
เฟิงเสี่ยวไป๋สอบถามด้วยความห่วงใย
บุคคลที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้มีนามว่าฟางเว่ยอ้าย เป็นประมุขตระกูลฟาง หนึ่งในเก้าสกุลใหญ่แห่งเมืองหลันจี๋ซิง เขาแต่งกายด้วยชุดเสื้อคลุมสีขาว ศีรษะโพกผ้าขาว ร่างกายผอมบาง ลักษณะน่าจะเป็นบัณฑิตเคร่งตำราผู้หนึ่ง
“ข้ารับประทานยาสมานแผลไปแล้ว… ไม่เป็นไร” ฟางเว่ยอ้ายตอบด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้คุมสภาไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก รีบไปหากระดูกอาถรรพ์กันดีกว่า เราจะให้ของชิ้นนี้ตกไปอยู่ในมือพวกเผ่าพันธุ์ปีศาจไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นแล้ว หายนะใหญ่หลวงคงต้องเกิดขึ้นแน่”
แต่ใบหน้าของฟางเว่ยอ้ายก็กลายเป็นสีขาวซีด ร่างกายเริ่มถูกปราณปีศาจแทรกซึม ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถขจัดออกไปได้ง่าย ๆ
“เจ้าปีศาจ เจ้านำทางดีหรือไม่?”
หนึ่งในคณะเดินทางยื่นมือเข้าไปตบหน้าอวี้เหวินซิวเซียน
อวี้เหวินซิวเซียนพ่นลมผ่านทางจมูกอย่างเย็นชา
ร่างกายของเขาเซถลาไปตามแรงตบ ตัวคนล้มลง ศีรษะกำลังจะกระแทกก้อนหินใหญ่