เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1665 สหายของข้าได้ตายไปแล้ว
ตอนที่ 1,665 สหายของข้าได้ตายไปแล้ว
“หลินเป่ยเฉิน… ข้าจะคิดบัญชีแค้นกับเจ้า!”
ฮั่วเซวียนเซินโกรธแค้นจนตัวสั่นเทา
บุตรชายทั้งสองคนของเขาต้องตายด้วยน้ำมือของหลินเป่ยเฉิน
นี่คงเป็นศัตรูที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อีกแล้ว
โดยเฉพาะบุตรชายคนรองของเขาอย่างฮั่วเจี้ยนหลิน บุรุษหนุ่มผู้นี้คือความหวังของตระกูล กำลังจะมีอนาคตยาวไกลในเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่กลับต้องมาถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาเขาเช่นนี้เอง
จบสิ้นแล้ว!
ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว!!
ฮั่วเซวียนเซินร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดใจ
“น่าเบื่อเหลือเกิน เลิกคร่ำครวญได้แล้ว”
เด็กหนุ่มชุดขาวหัวเราะเยาะด้วยความอำมหิต
“พวกเรา ฆ่ามัน… ฆ่ามันให้ได้”
ฮั่วเซวียนเซินมีดวงตาเป็นสีแดงก่ำ ความโกรธแค้นกลืนกินจิตใจ ชายชราร้องลั่นก่อนจะโบกสะบัดมือ
บรรดาองครักษ์และยอดฝีมือของตระกูลฮั่วที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดพลันพุ่งตัวเป็นลำแสงโจมตีใส่หลินเป่ยเฉินอย่างพร้อมเพรียงกัน
มีแม้กระทั่งการยิงลูกธนู!
เมื่อค่ายอาคมในพื้นที่จัดงานเลี้ยงถูกเปิดใช้งาน พลังปราณปีศาจพลันไหลทะลักเข้าหาหลินเป่ยเฉินด้วยความรุนแรง
เพื่อสนับสนุนตระกูลฮั่ว สำนักอัสนีมืดจึงให้ความช่วยเหลือทุกวิถีทาง
แต่นี่ก็ยังนับเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์อยู่ดี
หลินเป่ยเฉินไม่ต้องลงมือเองด้วยซ้ำ
ประกายไฟในดวงตาของเจ้าแดง 1 ผู้ยืนอยู่ข้างหลินเป่ยเฉินลุกโชนสว่างไสวก่อนที่มันจะเดินย่ำเท้าก้าวออกไปข้างหน้า
ครืน!
พื้นดินสั่นสะเทือน
มวลอากาศปั่นป่วนเป็นรัศมีวงกลม สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
นี่คือการลงมือที่รวดเร็วมากเสียจนผู้คนไม่มีเวลาได้ตอบสนอง ร่างกายก็ระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือดทุกทิศทาง
ม่านโลหิตโปรยปรายลงมาจากกลางอากาศ
แขกเหรื่อที่เข้าร่วมงานเลี้ยงอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบถอยหนีไปพลางตอบโต้กลับมา
เจ้าหุ่นแดง 1 มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิระดับ 2
แต่ที่สำคัญก็คือ พวกมันยังมีวิธีการต่อสู้ที่สืบทอดมาจากครั้งโบราณ พลังทำลายล้างเกินจินตนาการ ในงานเลี้ยงแห่งนี้จึงไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานมันได้อีกแล้ว
ฮั่วเซวียนเซินเป็นถึงจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ตอนปลาย แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเจ้าหุ่นแดง 1 ชายชราก็ต้องถอยหลังไปด้วยความร้อนรน โลหิตไหลทะลักออกมาจากมุมปาก
“นี่มันขั้นจอมเทพจักรพรรดิ…”
ฮั่วเซวียนเซินระเบิดเสียงคำรามด้วยความเจ็บใจ
ยอดฝีมือระดับนี้ทำให้ชายชรารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี กลุ่มคนก็เริ่มหลบหนีไปคนละทิศละทาง
พวกเขาไม่กล้าหนีออกไปทางประตูหน้าที่หลินเป่ยเฉินยืนขวางเอาไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงหลบหนีออกไปทางประตูหลังแทน
แต่โลกแห่งความเป็นจริงช่างโหดร้าย
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
กลุ่มคนที่หลบหนีไปเมื่อสักครู่ลอยกระเด็นกลับมาด้วยความรวดเร็ว พวกเขากระแทกพื้นดินอย่างแรง ตัวคนระเบิดกระจาย ตายอย่างน่าอนาถ
ครืน!
พื้นดินสั่นสะเทือนอีกครั้ง
แล้วกำแพงทางประตูหลังก็พังถล่มลงมาราวกับเป็นเต้าหู้ก้อนหนึ่ง
เจ้าหุ่นประกอบสีแดงตัวที่ 2 ปรากฏกายขึ้น
มันมีลักษณะเหมือนอสุรกายตัวแรกที่สังหารฮั่วเจี้ยนหลินไม่มีผิด แค่มันดีดนิ้วเพียงนิดเดียว ก็มีพลังสามารถฆ่าคนตายได้แล้ว
ผิวที่เป็นเสมือนโลหะสาดแสงระยิบระยับ ทำให้พวกมันดูแตกต่างจากผู้คนปกติ และไม่น่าใช่สิ่งมีชีวิตใด ๆ
ทุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยงตกตะลึงจนหายใจแทบไม่ออก
แค่หุ่นตัวแรกก็ถือเป็นฝันร้ายของพวกเขาแล้ว
นี่ยังจะมีตัวใหม่ปรากฏออกมาอีกหรือ?
แต่แขกในงานเลี้ยงยังไม่ทันได้ทำสิ่งใด สิ่งที่น่ากลัวไปมากกว่านั้นก็บังเกิดขึ้น
ครืน!
ครืน!
กำแพงทางซ้ายและทางขวาของลานจัดงานเลี้ยงพังถล่มลงมาไม่ต่างไปจากกำแพงที่ก่อขึ้นจากดินทรายร่วนซุย
อสุรกายสีน้ำเงินสองตัวเดินเข้ามา
เว้นแต่เพียงสีสันและส่วนสูง โครงสร้างทางร่างกายของพวกมันไม่ได้แตกต่างอะไรจากหุ่นสีแดงทั้งสองตัวก่อนหน้านี้เลยสักนิด พวกมันปลดปล่อยพลังกดดันผู้คน ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนมีภูเขาทั้งลูกกดทับอยู่บนหน้าอก
ครืน!
เจ้าหุ่นยักษ์สีน้ำเงินเดินตรงเข้าไปหากลุ่มคน
คลื่นพลังในอากาศสั่นสะเทือน จนเกิดเป็นลมหมุนรุนแรง แขกเหรื่อตัวสั่นเทาล้มลุกคลุกคลานบนพื้นดิน ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความตื่นกลัวและพยายามตะเกียกตะกายหนีไป…
พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เจ้าสัตว์ประหลาดสีแดงกับสีน้ำเงินพวกนี้เป็นตัวอะไรกันแน่?
พลังของพวกมันไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้อีกแล้ว
ผู้ใดที่พยายามหลบหนี ก็จะถูกสัตว์ประหลาดทั้งสี่ตัวนั้นเข้าขัดขวางและฉีกกระชากร่างกายราวกับเป็นกระดาษแผ่นหนึ่ง
โลหิตโปรยปรายราวกับสายฝนพรำ
บนพื้นมีแต่อวัยวะมนุษย์เกลื่อนกลาด
ใบหน้าของฮั่วเซวียนเซินซีดขาวปราศจากสีเลือด
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตระกูลฮั่วจะต้องพบเจอกับวิกฤตการณ์รวดเร็วถึงเพียงนี้
แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดในงานเลี้ยงสามารถหยุดยั้งการล่าสังหารและการทรมานจากหลินเป่ยเฉินได้อีกแล้ว
ความหวังเดียวของพวกเขาคือบรรดาผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักอัสนีมืด เมื่อผู้อาวุโสเหล่านั้นได้รับทราบข่าว ก็จะต้องรีบนำกำลังเสริมมาช่วยเหลือแน่นอน
โดยเฉพาะท่านหัวหน้ากลุ่มภูตอเวจี
แม้แต่องค์ชายหลิงเยวียนหลงซึ่งมีค้อนคว่ำนภาอยู่ในมือก็ยังต้องพ่ายแพ้ในสามกระบวนท่า การรับมือกับหลินเป่ยเฉินและอสุรกายของเขาจึงไม่น่าเป็นเรื่องลำบากอันใด
ดังนั้น ทั้งหมดที่ฮั่วเซวียนเซินต้องทำก็คือการถ่วงเวลา
เขาเชื่อว่าท่านหัวหน้ากลุ่มภูตอเวจีจะต้องมาช่วยเหลือตนเองอย่างแน่นอน
ในเวลานี้ เสียงของหลินเป่ยเฉินก้องกังวานไปทั่วพื้นที่จัดงานเลี้ยง
“คุกเข่าลง ไม่งั้นตาย”
สายตาแห่งความโกรธแค้นจ้องมองไปที่กลุ่มคน
ตุบ! ตุบ!
ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ!
แขกผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงจำนวนมากไม่สามารถทนรับพลังกดดันได้ พวกเขาจึงคุกเข่าลงไปด้วยเนื้อตัวที่สั่นเสา
มีเพียงฮั่วเซวียนเซินผู้เดียวเท่านั้นที่ใบหน้าบิดเบี้ยว กัดฟัน ไม่ยอมคุกเข่า
“คุณชายหลิน ได้โปรดให้อภัยพวกเราด้วย”
“ตระกูลฮั่วเป็นผู้ทรยศอาณาจักรหลิวเยวียน พวกเราถูกบังคับให้เข้าร่วมงานเลี้ยงขอรับ”
“ข้าอยากจะขอติดตามคุณชายหลิน”
กลุ่มคนที่คุกเข่าส่งเสียงอ้อนวอน
หลินเป่ยเฉินเดินเข้ามาในงานเลี้ยงอย่างช้า ๆ
เขาไม่มองกลุ่มคนที่กำลังร้องขอความเมตตาแม้แต่หางตาด้วยซ้ำ
เด็กหนุ่มเพียงพูดว่า “น่ารำคาญเหลือเกิน”
หลังจากนั้น เสียงร้องขอความเมตตาก็หายไป
เพราะบุคคลที่ขอความเมตตาเหล่านั้นได้ตายหมดแล้ว
โพละ! โพละ! โพละ!
ม่านหมอกเลือดสาดกระจายในอากาศ
ยิ่งมีผู้ขอร้องอ้อนวอนมากเพียงใด พวกเขาก็จะถูกเจ้าแดง 1 กับเจ้าแดง 2 ตบตายราวกับยุงตัวหนึ่ง
หลินเป่ยเฉินเดินตรงเข้าไปเรื่อย ๆ
ทุกคนที่คุกเข่าก้มหน้ามองพื้นดิน
หลินเป่ยเฉินยกมือดีดนิ้วเบา ๆ
แล้วเจ้าเสืออสูรเสี่ยวหูซึ่งกลับมามีร่างกายเท่าเสือปกติก็ค่อย ๆ ก้าวเดินเข้ามาพร้อมกับแบกร่างที่ไร้วิญญาณของอี้ซูหนานกับลู่เชาอยู่บนแผ่นหลัง
ทันทีที่เห็นซากศพทั้งสอง ดวงตาของฮั่วเซวียนเซินก็แทบจะถลนออกมาจากเบ้า
ทันใดนั้น เขาก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว!
หลินเป่ยเฉินเดินช้า ๆ มาหยุดยืนที่ด้านหน้าเวทียกพื้นสูง
“สหายของข้าได้ตายไปแล้ว”
“พวกเขาต้องตายก็เพราะข้า”
“เช่นนั้น… ตระกูลฮั่วต้องชดใช้!!”