เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1668 แผนการอันยิ่งใหญ่
ตอนที่ 1,668 แผนการอันยิ่งใหญ่
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงชำเลืองมองไปที่ปีศาจหญิงร่างใหญ่และถามแผ่วเบาว่า “เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าการที่หลินเป่ยเฉินอาละวาดในงานเลี้ยงครั้งนี้ ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจเสียหายใหญ่หลวงอย่างนั้นหรือ?”
ปีศาจหญิงเฉาคงหัวใจกระตุกวูบ รีบพยักหน้าและอธิบายว่า “กราบทูลองค์หญิง สายเลือดของหลินเป่ยเฉินมีความมหัศจรรย์มาก เขาสามารถเลื่อนขั้นพลังได้รวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีวิชาการต่อสู้ไม่เหมือนใคร เขามีวิชาปราณกระบี่คงกระพัน แล้วก็ยังมีวิญญาณปีศาจแห่งสนามรบอยู่รอบกายอีกถึงเก้าตัว ซึ่งพวกมันสามารถปลอมตัวได้อย่างแนบเนียนยิ่งนัก”
“และพวกมันก็มีพลังทำลายล้างน่าหวาดกลัว กำแพงฐานบัญชาการชิงเหยียนที่แข็งแกร่งก็ยังถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย นับประสาอะไรกับชีวิตของผู้คนบริสุทธิ์… ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้อง หากเราไม่รีบกำจัดคนกลุ่มนี้ทิ้งไป เกรงว่าอีกไม่นาน พวกเขาจะต้องกลายเป็นตัวปัญหาใหญ่ในแผนการของพวกเราแน่นอนเจ้าค่ะ”
“ใช่ เขาเป็นตัวปัญหา”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเหม่อมองเมืองใหญ่ยามราตรีและระเบิดเสียงหัวเราะ
รอยยิ้มของนางมีความสดใสไม่ต่างไปจากดวงจันทร์บนท้องฟ้า
เจ้าเด็กคนนี้ไปที่ไหนก็มีแต่ต้องก่อปัญหาจริง ๆ
ถึงกับลงนามเรียกตัวเองว่าเซียนกระบี่เชียวหรือ?
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงอดนึกถึงค่ำคืนที่นางและหลินเป่ยเฉินดื่มสุราใต้แสงจันทร์บนยอดเขาคืนที่มีฝนโปรยปรายไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องราวที่นางกับเขาสนทนากันในคืนนั้น
เขายังคงทำตามคำสัญญาเสมอ
เมื่อเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงนึกถึงข้อความที่หลินเป่ยเฉินสลักทิ้งเอาไว้บนป้ายศิลา นางก็ต้องถอนหายใจออกมาช้า ๆ
ผ่านไปเนิ่นนาน เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจึงหันหน้ากลับมาจ้องมองที่ปีศาจหญิงเฉาคงและออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “จำเอาไว้นะ เฉาคง นับจากนี้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนหรือเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เจ้าห้ามเป็นศัตรูกับหลินเป่ยเฉินเด็ดขาด… เข้าใจหรือไม่?”
“แต่ว่า…”
“เข้าใจหรือไม่?”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ได้โปรดจำเอาไว้ว่าอย่าทำตัวฉลาดมากเกินไป มิฉะนั้น เจ้าจะไม่เป็นตัวของตนเอง… เพราะความฉลาดของเจ้า มันอาจจะกลายเป็นความโง่เขลาในสายตาของผู้อื่นก็เป็นได้”
“รับทราบเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะจำให้ขึ้นใจ”
ปีศาจหญิงเฉาคงก้มหน้ารับคำด้วยความเชื่อฟังเป็นอย่างดี
นางทำงานรับใช้สำนักอัสนีมืดในอาณาจักรหลิวเยวียนมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว ปีศาจหญิงเฉาคงถือเป็นแกนนำสำคัญในสำนัก นางมีเสน่ห์และอันตราย ชื่อของนางสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนมาอย่างยาวนาน แม้แต่เด็กทารกเมื่อได้ยินชื่อของนางยามราตรีก็ยังต้องหยุดร้องไห้โดยทันที…
แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง ปีศาจหญิงเฉาคงกลับไม่กล้าตั้งข้อสงสัยแม้แต่คำเดียว
นางปฏิบัติตามคำสั่งด้วยความเชื่อฟังทุกถ้อยคำ
เพราะในอดีต ปีศาจหญิงเฉาคงเป็นเพียงหญิงรับใช้ข้างกายเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเท่านั้น
ในยุคสมัยแห่งการล่มสลาย ทั่วทุกดินแดนมีแต่ไฟสงคราม หากไม่ใช่เพราะเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงช่วยเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ วันนี้สำนักอัสนีมืดคงจบสิ้นไปนานแล้ว
ในหัวใจของสมาชิกสำนักอัสนีมืดทุกคน เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงคือหัวหน้าภูตอเวจีผู้สูงส่ง
เปรียบเสมือนเทพเจ้าขั้นสูงสุด
และเมื่อท่านหัวหน้าภูตอเวจีปรากฏตัวขึ้นมา เมืองหลวงของอาณาจักรหลิวเยวียนอย่างเมืองหลันจี๋ซิงก็ตกเป็นของเผ่าพันธุ์ปีศาจแล้วจริง ๆ
เมืองใหญ่แห่งนี้จะกลายเป็นที่ตั้งรกรากอย่างเป็นทางการของพวกเขา
“หากสำนักอัสนีมืดอยากจะขยายอิทธิพลและเสริมสร้างความแข็งแกร่ง เราก็ต้องดึงมนุษย์มาเป็นพวกให้ได้มากกว่านี้ และสถานการณ์ปัจจุบัน ในกลุ่มเจ็ดสิบสองเมืองแห่งอาณาจักรหลิวเยวียนที่พวกเราได้มาครอบครองแล้วนั้น ประกอบไปด้วยเมืองชิงอวี้ เมืองซือเยวียน เมืองรั่วเหยียน เมืองเมี่ยวอิน เมืองล่ายเทียน เมืองซือเฉิน เมืองเฟยอี้ เมืองฟู่ตง เมืองอู๋เหนียน แม้จะรวมเมืองหลันจี๋ซิงเข้าไปด้วย… แต่มันก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี”
ดวงตาของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเริ่มเป็นประกายเคร่งขรึมจริงจังมากขึ้น
นางเงยหน้ามองท้องฟ้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นว่า
“จำนวนกำลังพลของพวกเรายังมีน้อยเกินไป ไม่เหมาะสมกับการทำสงครามใหญ่ในเวลานี้ เฉาคง เจ้าส่งเทียบเชิญออกไปให้แก่นักรบของฝ่ายมนุษย์ สำรวจดูว่าพวกเขาอยากจะเข้าร่วมเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจกับพวกเราหรือไม่ จงส่งเทียบเชิญแต่เฉพาะกับผู้ที่มีพรสวรรค์หรือนายทหารระดับสูงที่มีประวัติดีงามเท่านั้น อย่าได้ส่งเทียบเชิญให้แก่พวกหน้าไหว้หลังหลอกหรือจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เช่นคนตระกูลฮั่ว ตระกูลคง หรือตระกูลเซินอีกเป็นอันขาด”
“หากพวกเราสามารถดึงพวกเขามาเป็นพรรคพวกได้สำเร็จ เราก็จะให้พวกเขาตั้งกองทัพครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ ข้าจะตั้งชื่อกองทัพนี้ว่ากองทัพหมอกขาว เราจะมอบอำนาจทางทหารให้พวกเขาบริหารตามสมควร และภายในหนึ่งเดือน ข้าอยากจะให้กองทัพหมอกขาวเข้าร่วมการสำรวจเส้นทางดาราจักร เราจะใช้เมืองหลันจี๋ซิงเป็นทางลัดในการบุกยึดเมืองอื่น ๆ ให้ครบเจ็ดสิบสองเมือง หากพวกเราสามารถทำเรื่องนี้ได้สำเร็จเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้น เราจึงจะมีคุณสมบัติในการยกทัพบุกไปก่อสงครามกับอาณาจักรซือเว่ยต่อไป”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
ปีศาจหญิงเฉาคงก้มหน้ารับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง
แผนการบุกยึดเมืองหลันจี๋ซิงของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อหลอกล่อให้พวกคนใหญ่คนโตจากสภาขุนนางลงไปอยู่ในสุสานใต้ดินได้สำเร็จ เมืองหลวงแห่งอาณาจักรหลิวเยวียนก็แทบจะตกมาอยู่ในกำมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจโดยทันที
นี่คือโอกาสที่เผ่าพันธุ์ปีศาจรอคอยมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี
หลังจากเป็นฝ่ายถูกไล่ฆ่ามาหลายชั่วอายุคน ในที่สุด เผ่าพันธุ์ปีศาจก็จะได้มีพื้นที่ตั้งรกรากเป็นของตนเองแล้ว
ประวัติศาสตร์กำลังจะถูกเขียนขึ้นใหม่หลังจากนี้
เผ่าพันธุ์ปีศาจจะเจริญรุ่งเรือง ทุกคนจะจารึกชื่อของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงในฐานะของภูตอเวจีผู้ศักดิ์สิทธิ์หาสิ่งใดเปรียบ เช่นเดียวกับปีศาจหญิงเฉาคงจากสำนักอัสนีมืด ก็จะได้รับความเคารพโดยไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
ปีศาจหญิงร่างกำยำล่าถอยออกไปด้วยความเคารพ
สายลมยามราตรีโชยพัด
เส้นผมของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงปลิวไสว
อวี้เหวินซิวเซียนยืนอยู่ด้านข้าง ดวงตาเป็นประกายวูบวาบ
เห็นได้ชัดว่าเขาหลงใหลในตัวเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเป็นอย่างยิ่ง
แต่ก็เห็นได้ชัดอีกเช่นกันว่าเมื่อเทียบกันแล้ว อวี้เหวินซิวเซียนก็มีสถานะไม่ต่างไปจากเม็ดทรายที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของนางแม้แต่นิดเดียว
เพราะฉะนั้น อวี้เหวินซิวเซียนจึงเก็บความรู้สึกไว้ในใจตลอดมา
“มีเรื่องสำคัญที่เจ้าต้องไปกระทำ”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงมองเมืองใหญ่แห่งยามราตรีที่อยู่ใต้เท้าและกล่าวว่า “ในอาณาจักรซือเว่ย ราชวงศ์เทียนหลางเซินที่มนุษย์ก่อตั้งขึ้นได้ล่มสลายลง เต้าหมิงซื่อผู้เป็นองค์ราชาได้ถึงแก่ความตาย ทำให้ราชวงศ์เต้าอ่อนแอ บ้านเมืองตกอยู่ในความปั่นป่วนโกลาหล บรรดาขุนนางและนายทหารผู้มีอำนาจต่างก็หยิบจับอาวุธแย่งชิงเขตแดนเป็นของตนเอง และในเวลาเดียวกันนี้ เผ่าพันธุ์อสูรก็เริ่มเข้าไปแทรกซึมเพื่อก่อความวุ่นวายบ้างแล้ว…”
“แต่สถานการณ์มักสร้างวีรบุรุษเสมอ เจ้ารีบเดินทางไปที่อาณาจักรซือเว่ย และหาวิธีสร้างชื่อเสียงให้ตนเองโด่งดังโดยเร็วที่สุด จากนั้นจงเข้าไปตีสนิทองค์ชายใหญ่ผู้มีนามว่าเต้าเจี๋ยนเซียว ไม่ว่าต้องทำอย่างไร เจ้าก็ต้องกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่เขาไว้ใจที่สุดให้จงได้ เพราะคนผู้นี้ครอบครองคัมภีร์สำหรับเปิดประตูสู่สุสานโบราณของราชวงศ์เต้า เจ้าต้องหาทางแย่งชิงคัมภีร์เล่มนั้นมาให้ได้”
“แต่จงระวังมารดาของเขาให้ดี ขอเตือนก่อนว่ามารดาของเขาร้ายกาจไม่ใช่เล่น นอกจากนี้ ยังมีวิญญาณราชาหมาป่าที่น่าเกรงขามอีกตนคอยช่วยเหลือเขาอยู่ ทว่านี่คืออีกหนึ่งภารกิจที่จะแสดงให้เห็นว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจของพวกเราจะเจริญรุ่งเรืองได้หรือไม่ รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จะมองข้ามไปไม่ได้เป็นอันขาด”
อวี้เหวินซิวเซียนรับฟังคำสั่งอย่างตั้งอกตั้งใจและพยักหน้าตอบรับโดยไม่ลังเล
“ผู้ต่ำต้อยจะตั้งใจปฏิบัติภารกิจด้วยชีวิตด้วยขอรับ”
…
ท้องฟ้าอันดำมืด
ความเวิ้งว้าง
เรือเหาะหยางเว่ยเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วราวกับฉลามแหวกว่ายอยู่กลางมหาสมุทรสีดำทมิฬ
ผู้บังคับการเรือหมิงเซวี่ยเฟิงและกะลาสีทั้งยี่สิบหกคนในเวลานี้อยู่ในอาการหวาดกลัวสุดขีด ไม่มีผู้ใดไม่กล้าปฏิบัติตามคำสั่งของหลินเป่ยเฉินอีกแล้ว
เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าหลินเป่ยเฉินยังจะมีวิธีทรมานผู้คนชนิดใดอีกบ้าง?
ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับการเรือตลอดไปจนถึงกะลาสีทั้งยี่สิบหกคน ทั้งหมดต่างก็ถูกหวังจงและอากวงกรอกหูถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงเลือดแทบตลอดเวลา
บัดนี้ สายตาเวลาที่บรรดาลูกเรือจ้องมองหลินเป่ยเฉินที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือนั้นจึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
และในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินก็กำลังพยายามดูดซับพลังปราณจากชั้นบรรยากาศด้านนอกเรือเหาะตลอดเวลา
เพราะเขารู้สึกว่าตนเองกำลังจะเลื่อนขั้นขึ้นสู่ขอบเขตจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จแล้ว!