เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1673 จงเชื่อฟังแต่โดยดี
ตอนที่ 1,673 จงเชื่อฟังแต่โดยดี
“ข้างหน้ามีการต่อสู้กันขอรับ”
หมิงเซวี่ยเฟิงหยุดชะงัก จากนั้นจึงรีบสั่งให้กะลาสีเตรียมตัวพร้อมและในเวลาเดียวกันนั้น พวกเขาก็เตรียมหลีกเลี่ยงที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้เช่นกัน
อากวงกับเสี่ยวหูกระโดดเกาะกราบเรือเหาะเฝ้ามองสถานการณ์ด้วยความสงสัย
หลินเป่ยเฉินอ้าปากหาวด้วยความเบื่อหน่าย กำลังจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องพักของตนเอง
“เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถอะ พวกเรามาที่นี่เพื่อตามหาไผ่สามกษัตริย์ เราไม่มีเวลาแล้ว อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้เหล่านี้เลย”
หลินเป่ยเฉินเป็นผู้ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน
ความขัดแย้งในอาณาจักรซือเว่ยไม่มีสิ่งใดข้องเกี่ยวกับเขา
หวังจงยกมือขึ้นป้องดวงตา ก่อนจะอุทานออกมาว่า “นายน้อยขอรับ บนเรือเหาะสีแดงลำที่กำลังหลบหนี มีสตรีชุดแดงผู้หนึ่งยืนอยู่บนนั้น นางมีผิวขาวราวหิมะ หน้าตาหมดจดงดงามไร้ที่ติ…”
“อยู่ที่ไหน!?”
หลินเป่ยเฉินกระโดดกลับไปยืนที่กราบเรือเหาะพร้อมกล้องส่องทางไกลที่อยู่ในมือ ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “นางงดงามถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
เพียงพริบตาเดียว
เรือเหาะสีแดงลำนั้นก็แล่นเข้ามาใกล้
เป็นการเข้ามาใกล้เรือเหาะหยางเว่ยโดยเจตนา
“นายน้อย สตรีผู้นั้นไม่น่าจะใช่คนดี”
หวังจงกระซิบ “นางดูเหมือนกำลังจะขึ้นมาที่เรือของเราแล้ว”
“ให้นางขึ้นมาเถอะ ให้นางขึ้นมา”
หลินเป่ยเฉินตบราวกั้นเรือเหาะด้วยความคึกคัก “เกิดการสังหารหมู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ บางทีนางอาจจะทราบเบาะแสบางอย่างก็เป็นได้ พวกเราลองสอบปากคำนางกันเถอะ”
นักพรตหญิงชินถามแทรกขึ้นมาว่า “ตอนแรกเจ้าบอกว่าเราไม่มีเวลาแล้วไม่ใช่หรือ?”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปหน้าตาเฉย “ถึงอย่างไร พวกเราก็เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกันขอรับ เห็นมนุษย์ด้วยกันต้องมานอนตายไร้แผ่นดินกลบฝังเช่นนี้ ข้ารู้สึกปวดใจยิ่งนัก”
หัวคิ้วของนักพรตหญิงชินขมวดมุ่น
นางมองออกว่าหลินเป่ยเฉินมีเจตนาอื่นแอบแฝง
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นี้
เรือเหาะสีแดงที่มีนามว่าเรือเหาะหลี่เซวี่ยก็แล่นเข้ามาใกล้เรือเหาะหยางเว่ย
วูบ! วูบ!
สายโซ่ตะขอถูกโยนข้ามกราบเรือเข้ามา
เงาคนเคลื่อนไหววูบ
ตุบ!
แล้วสตรีที่สวมใส่ชุดแดงผู้หนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นบนดาดฟ้าเรือเหาะของหลินเป่ยเฉิน
นางมีร่างกายสูงใหญ่มากกว่าสตรีทั่วไป หลินเป่ยเฉินยังสูงเพียงหัวไหล่ของนางเท่านั้น สตรีผู้นี้สวมใส่ชุดเกราะสีแดงโดดเด่นเป็นสง่า ยามที่เท้าสัมผัสพื้นดาดฟ้าเรือเหาะ ดาดฟ้าเรือเหาะก็ถึงกับสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
แล้วนายทหารร่างกำยำผู้สวมใส่ชุดเกราะสีแดงเต็มยศก็ทิ้งตัวลงมายืนเรียงรายอยู่เบื้องหน้าพวกของหลินเป่ยเฉินหลายสิบชีวิต
“ข้าเป็นแม่ทัพพิเศษจากกองทัพลูกศรโลหิตแห่งอาณาจักรซือเว่ย มีนามว่าสุยฮันเหยียน นับจากนี้ไป เรือเหาะของพวกเจ้าจะต้องถูกสอบสวน ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมืออย่าขัดขืน มิเช่นนั้น พวกเจ้าจะถูกประหารชีวิต”
สตรีในชุดเเดงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
นางมีใบหน้างดงามปราศจากอารมณ์ความรู้สึก มองดูก็รู้ว่าเป็นคนชั่วร้าย แตกต่างจากสตรีทั่วไปราวฟ้ากับเหว
สุยฮันเหยียนเป็นสตรีที่มีร่างกายสูงใหญ่กำยำ แขนขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อปูดโปน สามารถมองเห็นเส้นเลือดขึ้นอยู่ใต้ผิวหนังได้ด้วยตาเปล่า และน้ำเสียงของนางก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความอำมหิตไม่ปิดบัง…
อากวงขนลุกซู่ไปทั้งตัว
เสี่ยวหูส่งเสียงหอนออกมาตามสัญชาตญาณ
หมิงเซวี่ยเฟิงและกะลาสีผู้เป็นลูกเรือหันมามองที่หลินเป่ยเฉินเพื่อรอคอยคำสั่ง
หลินเป่ยเฉินส่งสัญญาณบอกให้ทุกคนไม่ต้องขัดขืน
ทุกคนจึงมารวมตัวกันที่ดาดฟ้าเรือ
ในไม่ช้า เรือเหาะทั้งสองลำก็มาลอยลำอยู่เคียงข้างกัน
บรรดานายทหารในชุดเกราะสีแดงถูกเปลี่ยนถ่ายขึ้นมาอยู่บนเรือเหาะหยางเว่ย
หลินเป่ยเฉินถูกควบคุมตัวอย่างรัดกุมและมีกระบี่กับหอกแหลมคอยชี้ใส่หน้าอยู่ตลอดเวลา
“หากยังไม่อยากตาย ก็จงเชื่อฟังแต่โดยดี”
ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ศีรษะล้านเลี่ยนผู้หนึ่ง ควงดาบใหญ่ที่ถืออยู่ในมือด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ ริมฝีปากแสยะยิ้มอย่างขู่ขวัญ
ดวงตาของมันจ้องมองมาที่นักพรตหญิงชินอยู่นานสองนาน ก่อนที่จะหันไปรอรับคำสั่งจากสตรีในชุดแดงอีกครั้ง พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ ทำเหมือนไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้นมาก่อน
ในเวลาเดียวกันนี้
เรือเหาะสีดำหลายสิบลำที่ไล่กวดเรือเหาะหลี่เซวี่ยมาก่อนหน้านี้ บัดนี้ พวกเขาก็ได้มาลอยลำล้อมรอบเรือเหาะหยางเว่ยเอาไว้ทุกด้านเรียบร้อยแล้ว
นี่คือการเผชิญหน้าอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“สุยฮันเหยียน ท่านไม่มีที่ให้หลบหนีอีกแล้ว ในฐานะที่ท่านเคยเป็นผู้บังคับบัญชาของข้า ข้าจะมอบโอกาสให้ท่านส่งทรัพย์สินของมีค่าที่ปล้นสะดมกลับคืนมาให้หมด มิฉะนั้นแล้ว พวกท่านจะต้องตายโดยไร้แผ่นดินกลบฝัง”
เสียงคำรามดังกังวานออกมาจากเรือเหาะสีดำลำหนึ่งที่ลอยอยู่ฝั่งตรงข้าม
ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าขึ้นไปสามารถส่งเสียงผ่านพลังปราณในเส้นทางดาราจักรได้โดยไม่มีปัญหา
สุยฮันเหยียนหัวเราะเยาะและส่งเสียงกลับไปว่า “หานเซียว ทรัพย์สินในฐานบัญชาการเซวียนเหยียนไม่ใช่ของเจ้าสักหน่อย ข้าจะบอกอะไรให้นะ บนเรือเหาะลำนี้มีชาวบ้านผู้บริสุทธิ์อยู่สามสิบชีวิต หากพวกเจ้าไม่ยอมถอยไป ข้าจะฆ่าพวกเขาทีละคนทุก ๆ การหนึ่งเค่อ ข้าจะทำเช่นนี้จนกว่าจะฆ่าให้ครบทั้งสามสิบคน …มาดูกันเถอะว่ากองทัพเซวียนเหยียนของเจ้าจะทำเช่นใด”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
หวังจงพูดถูกจริงด้วย
สตรีชุดแดงผู้นี้ไม่ใช่คนดีจริง ๆ
“ฮ่า ๆๆ คิดไม่ถึงเลยว่าแม่ทัพเลือดผู้โด่งดังอย่างสุยฮันเหยียนจากกองทัพลูกศรโลหิตกลับสามารถกล่าวเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ออกมาแล้ว”
บนเรือเหาะสีดำฝั่งตรงข้าม แม่ทัพนามหานเซียวโต้ตอบกลับมา
“ท่านเรียกตนเองว่าผู้ผดุงความยุติธรรมเสมอมาไม่ใช่หรือ? เก่งจริงก็ฆ่าคนเลยเถอะ ไม่ต้องรอให้ถึงหนึ่งเค่อก็ได้ เอาไว้ท่านฆ่าชาวบ้านทั้งสามสิบคนนั้นเสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่ พวกเราก็ค่อยฆ่าท่านอีกที เป็นเช่นนี้ดีหรือไม่?”
อ้าวเฮ้ย!
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับ
อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนดีเหมือนกันนี่หว่า
อาณาจักรซือเว่ยยังมีคนดีหลงเหลืออยู่บ้างไหมเนี่ย?
สุยฮันเหยียนพ่นลมทางจมูกอย่างเย็นชา ก่อนกล่าวว่า “จับสองคนไปที่หัวเรือ… ข้าอยากจะให้หานเซียวได้เห็นว่าชีวิตของผู้คนบริสุทธิ์ต้องตายอย่างไร”
ชายฉกรรจ์หัวล้านเดินตรงเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินพร้อมด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม
เขาสังเกตเห็นแล้วว่าสตรีผมเงินผู้งดงามในกลุ่มคนนั้นมีความสัมพันธ์กับเด็กหนุ่มหน้าขาวผู้นี้ไม่ธรรมดา เพราะฉะนั้น เขาจึงต้องรีบกำจัดเด็กหนุ่มหน้าขาวผู้นี้ทิ้งไปเสียก่อน
ชายฉกรรจ์หัวล้านอยากจะเห็นโฉมหน้าที่งดงามนั้นแสดงความหมดหวังออกมา
“สหายน้อย เป็นเจ้าโชคร้ายมากเกินไป…”
มือใหญ่ยักษ์ราวกับกังหันลมกำลังจะตะปบลงมาที่ศีรษะของหลินเป่ยเฉิน
“ไม่ เป็นเจ้าต่างหากที่โชคร้าย”
พลัน หลินเป่ยเฉินก้มตัวกระแทกหมัดลงไปที่หัวเข่าของชายฉกรรจ์หัวล้าน
“ฮ่า ๆๆ เจ้าหน้าขาว เจ้าคิดว่าหมัดเล็ก ๆ ของเจ้าจะทำอะไรข้าได้หรือ… อะจ๊ากกก”
เสียงหัวเราะเยาะในตอนต้นกลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวนในตอนท้าย
เพราะว่าขาของชายฉกรรจ์หัวล้านได้หายไปแล้ว
มันระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
สีหน้าของผู้คนจากกองทัพลูกศรโลหิตแปรเปลี่ยนไปทันที
“นี่มันอะไรกัน?”
สุยฮันเหยียนแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาแล้ว!!