เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1683 ความสามารถที่ซ่อนเร้น
ตอนที่ 1,683 ความสามารถที่ซ่อนเร้น
กองทัพเซียนกระบี่ที่มีเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินเป็นผู้นำนั้น แท้ที่จริงแล้วแม่ทัพในการออกรบกลับเป็นรองผู้บังคับการหน้าหยกหวังจง และ ณ จุดทิ้งสมอหมายเลขเก้าสิบสามประจำอาณาจักรซือเว่ย หวังจงก็นำทัพไปดักโจมตีคู่ต่อสู้อันนำมาสู่การกวาดล้างกลุ่มอสูรโลหิตแคระได้เป็นจำนวนมาก
กองทัพเซียนกระบี่ไม่เคยพ่ายแพ้
พวกเขาสามารถเอาชนะศัตรูและสังหารนักรบอสูรได้มากกว่าสามแสนตัว ซากศพของอสูรลอยคว้างอยู่เต็มท้องฟ้า เพียงเผ่าพันธุ์อสูรโลหิตแคระแค่เผ่าพันธุ์เดียว พวกมันก็ต้องถูกฆ่าตายไปถึงสามพันตัวแล้ว
นอกจากกลุ่มอสูรโลหิตแคระ เผ่าพันธุ์อสูรชื่อดังอีกหลายชนิดก็ต้องเสียชีวิตด้วยน้ำมือของกองทัพเซียนกระบี่ ส่งผลให้ชื่อของหลินเป่ยเฉินกลายเป็นที่น่าเกรงขามไปทั่วเส้นทางดาราจักร
“ผู้ใดก็ตามที่มารังแกเผ่าพันธุ์มนุษย์จะต้องถูกลงทัณฑ์!”
นี่คือประกาศิตจากเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉิน
นี่คือถ้อยคำที่ปลุกเร้าจิตใจของนายทหารในกองทัพเซียนกระบี่
ชื่อเสียงของกองทัพเซียนกระบี่โด่งดังไปทั่วอาณาจักรซือเว่ยราวกับติดปีกบิน ส่งผลให้ขวัญกำลังใจของผู้คนเพิ่มมากขึ้น
กองทัพเซียนกระบี่คือหนึ่งในสามกลุ่มกองกำลังหลักประจำอาณาจักรซือเว่ย แต่พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มผู้มีอำนาจกลุ่มเดียวที่ยืนหยัดลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องผู้คนบริสุทธิ์
นอกจากนี้ กองทัพเซียนกระบี่ยังมีฝีมือการต่อสู้อันร้ายกาจ
จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าชื่อของกองทัพเซียนกระบี่ เซียนกระบี่หลินเป่ยเฉิน รองผู้บังคับการหน้าหยกหวังจง สุยหลิวกวง เฉาตงเซิน หานเซียว สุยฮันเหยียนและคนอื่น ๆ อีกมากมายจะกลายเป็นผู้โด่งดังที่มีผู้คนให้ความเคารพอยู่ทั่วทุกหัวเมืองในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน
ใช้เวลาเพียงไม่นาน เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็กลับมามีขวัญกำลังใจแข็งแกร่งดังเดิม
และเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากเผ่าพันธุ์อสูร กองทัพอีกาดำซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของท่านผู้คุมสภาขุนนางจึงหลับตาข้างเดียวเสแสร้งแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นการเข่นฆ่ามนุษย์ของเผ่าพันธุ์อสูรที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ
มิหนำซ้ำ กองทัพอีกาดำยังได้ส่งมอบสามเมืองใหญ่ให้แก่เผ่าพันธุ์อสูรเพื่อแลกกับการสนับสนุนทางกองกำลังทหาร และในสัญญาการเป็นพันธมิตร ก็ยังระบุให้เผ่าพันธุ์อสูรสามารถสังหารหรือจับมนุษย์มาเป็นทาสรับใช้ได้ตามใจชอบ
ด้วยเหตุนี้ ภายในระยะเวลาเพียงไม่นาน เผ่าพันธุ์มนุษย์ในสามเมืองใหญ่เหล่านั้น ก็ต้องถูกฆ่าตายด้วยไฟสงครามเป็นจำนวนหลายร้อยล้านคน...
นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือบอกว่า ‘กองทัพมังกรวายุ’ ก็ได้แอบทำข้อตกลงกับกลุ่มเผ่าพันธุ์อสูรเช่นกัน นอกจากคอยจับมนุษย์ไปขายให้แก่เผ่าพันธุ์อสูรแล้ว พวกเขายังขายเรือเหาะจำนวนมากในราคาถูกแสนถูกให้กับพวกมัน เช่นเดียวกับชุดเกราะและอาวุธเล่นแร่แปรธาตุอีกมากมาย…
ดังนั้น เมื่อมีข่าวลือเหล่านี้หลุดลอดออกมา กองทัพเซียนกระบี่จึงกลายเป็นเพียงความหวังเดียวของมวลมนุษยชาติ
ผู้คนต่างก็กราบไหว้บูชาพวกเขา
ชื่อเสียงของเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง นอกจากมีหน้าตาหล่อเหลาแล้ว ฝีมือการต่อสู้ของเขายังไม่เป็นรองผู้ใดอีกด้วย
หลังจากนั้น เวลาก็ผ่านไปอีกครึ่งเดือน
กองทัพเซียนกระบี่ยังคงออกโจมตีอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาต่อสู้กับเผ่าพันธุ์อสูรใหญ่ทั้งสามสายพันธุ์ที่เป็นภัยคุกคามต่ออาณาจักรซือเว่ย และทุกครั้งในการต่อสู้ กองทัพเซียนกระบี่ก็จะได้รับชัยชนะเสมอ
นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกองทัพเซียนกระบี่อย่างแท้จริง
การต่อสู้ในทุก ๆ ครั้ง กองทัพเซียนกระบี่จะเป็นฝ่ายได้เปรียบคู่ต่อสู้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกลยุทธ์หรือการวางกำลังพล เผ่าพันธุ์อสูรทั้งสามสายพันธุ์นั้นต่างก็ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับพวกเขาได้เลย
สุดท้าย เผ่าพันธุ์อสูรทั้งสามก็ถูกบังคับให้ต้องยอมแพ้ พวกมันจำเป็นต้องยินยอมลงนามในสัญญาการถอนทัพออกจากอาณาจักรซือเว่ย โดยยืนยันว่าจะไม่กลับมาโจมตีอีกเป็นระยะเวลาห้าสิบปี นอกจากนี้ พวกมันยังได้เจรจาขอลงนามในสัญญาสงบศึกต่อกองทัพเซียนกระบี่อีกด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฝันร้ายที่ไม่รู้จบของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในอาณาจักรซือเว่ยก็ยุติลงโดยสมบูรณ์
ชัยชนะในการสู้รบกับเผ่าพันธุ์อสูรในครั้งนี้ ทำให้ชื่อเสียงของกองทัพเซียนกระบี่โด่งดังมากกว่าเดิมหลายเท่า และนั่นก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเขาสูงส่งมากกว่ากองทัพอีกาดำเช่นเดียวกับกองทัพมังกรวายุไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
บัดนี้ กองทัพอีกาดำและกองทัพมังกรวายุต่างก็ลงความเห็นเป็นหนึ่งเดียวกันว่า พวกตนเองไม่สมควรมีเรื่องขัดแย้งกับกองทัพเซียนกระบี่โดยเด็ดขาด
และชื่อเสียงของเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินก็แทบจะกลายเป็นตำนานเล่าขานถึงผู้กล้าแห่งอาณาจักรซือเว่ยไปโดยปริยาย
…
เรือเหาะเซียนกระบี่
ห้องนอนขนาดใหญ่ของผู้บังคับการเรือมีเตียงหลังใหญ่ที่เพียงพอให้ผู้คนนอนพร้อมกันได้นับสิบชีวิต
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินเซียนกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่กำลังนับเงินอย่างอารมณ์ดี
หรือหากจะอธิบายให้ถูกต้อง ก็ต้องบอกว่าเขากำลังนอนอยู่บนกองเงินกองทองต่างหาก
ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเงิน แผ่นทอง หรืออัญมณีของมีค่าชิ้นอื่น ๆ พวกมันต่างก็กองอยู่บนเตียงนอนของเขา ไม่ต่างจากภูเขาลูกเล็ก ๆ ลูกหนึ่ง
และนี่เป็นเพียงทรัพย์สินบางส่วนเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินแค่อยากจะนำพวกมันออกมายลโฉมเพื่อสนองความต้องการของตนเอง
หลินเป่ยเฉินนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนกองเงินกองทองอย่างมีความสุข
รวยแล้วโว้ย!
นี่สินะรสชาติของความร่ำรวย
“อิอิอิอิ นายน้อย เห็นแล้วหรือไม่ว่าบ่าวไม่ได้ล้อเล่น? คำสัญญาที่บ่าวกล่าวเอาไว้เมื่อเดือนที่แล้ว บัดนี้เป็นจริงแล้วใช่หรือไม่?”
หวังจงยิ้มประจบประแจงและขอรับความดีความชอบ
หากมีคนนอกมาเห็นว่ารองผู้บังคับการหน้าหยกหวังจง ซึ่งเป็นนายทหารเลือดเย็นในตำนาน สามารถวางกลยุทธ์ทางการทหารได้อย่างแยบยล บัดนี้กำลังแสดงสีหน้าประจบประแจงเอาใจเด็กหนุ่มราวกับเป็นสุนัขตัวหนึ่ง คนผู้นั้นก็คงแทบเสียสติไปเลยทีเดียว…
“ฮ่า ๆๆ”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะเหมือนคนโรคจิต
ก่อนจะยิ้มมุมปากด้วยความเหยียดหยาม “หากไม่ใช่เพราะว่าข้าว่าจ้างผู้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรามาช่วยเหลือพวกเจ้าระหว่างสู้รบ กองทัพของเราจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?”
“จริงด้วยขอรับ จริงที่สุดเลย นายน้อยกล่าวได้ถูกต้อง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะนายน้อย บ่าวก็แค่ทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น”
หวังจงก้มหน้าต่ำ หัวเราะในลำคอด้วยความรื่นเริง
แต่ปฏิกิริยาของพ่อบ้านชราทำให้หลินเป่ยเฉินรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย
เพราะว่ากันตามความเป็นจริง การที่กองทัพเซียนกระบี่ยิ่งใหญ่ได้ถึงขนาดนี้ในระยะเวลาอันสั้น ผู้ที่สมควรได้รับความดีความชอบไปเต็ม ๆ ก็คือหวังจง ไม่สมควรเป็นผู้อื่นอีกแล้ว
ด้วยการจะควบคุมกองทัพใหญ่ได้นั้นจะอาศัยความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวไม่ได้ หวังจงจำเป็นต้องมีทักษะในการฝึกทหาร มีความรอบรู้ในการวางกลยุทธ์ รู้วิธีตั้งค่ายกลทหาร รู้วิธีการจัดกระบวนทัพ
เช่นเดียวกับที่หวังจงต้องรู้กลยุทธ์ของศัตรู เช่นเดียวกับเส้นทางการเดินทัพ และเส้นทางการขนส่งเสบียง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกหลายอย่างที่อยู่ภายใต้การจัดการของหวังจงอย่างไรที่ติ
หวังจงสามารถทำงานเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
เรียกว่าทำได้ประเสริฐยิ่ง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สิ่งเดียวที่หลินเป่ยเฉินเหนื่อยแรงก็คือการโยนหน้าที่ทุกอย่างไปให้แก่พ่อบ้านหวังจง และเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปต่อสู้ หากเห็นว่ากองทัพเซียนกระบี่เริ่มตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หลินเป่ยเฉินก็จะเข้าไปในแอป UU เพื่อว่าจ้างยอดฝีมือระดับจอมเทพจักราสักหนึ่งหรือสองคนมาแก้ไขสถานการณ์
แผนการทุกอย่างยังคงเป็นไปด้วยดี
ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของหวังจง
และด้วยภาพลักษณ์อันสูงส่งของหลินเป่ยเฉิน ไม่ว่ากองทัพเซียนกระบี่จะเดินทางไปที่หัวเมืองใด ผู้คนก็จะออกมาต้อนรับพวกเขาราวกับเป็นคณะเดินทางขององค์จักรพรรดิก็ไม่ปาน
ว่ากันว่าแม้แต่อาณาจักรอื่น ๆ ในเส้นทางดาราจักรก็ต้องเคยได้ยินชื่อกองทัพเซียนกระบี่มาบ้างแล้ว
“ทำไมข้าถึงมองไม่ออกมาก่อนเลยนะว่าเจ้ามีพรสวรรค์ในเรื่องการทหารถึงเพียงนี้”
หลินเป่ยเฉินว่า
หวังจงยิ้มและก้มหน้าตอบ “นายน้อยคงลืมไปแล้วกระมัง ตอนที่นายน้อยยังไม่เกิด บ่าวติดตามนายท่านออกไปร่วมรบในสงครามของจักรวรรดิเป่ยไห่นับครั้งไม่ถ้วน… บ่าวเรียนรู้กลยุทธ์และทักษะต่าง ๆ มาจากนายท่านนั่นแหละขอรับ แม้ว่ารูปแบบของสงครามจะต่างกันออกไป แต่เป้าหมายก็เหมือนกันเสมอ… บัดนี้ บ่าวจึงได้ใช้ความสามารถที่ซ่อนเร้นเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือนายน้อยไงล่ะขอรับ!”