เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1690 เขามีฝีมือร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ตอนที่ 1,690 เขามีฝีมือร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
“คุณชายขึ้นมาทำไมขอรับ?”
เย่เทียนหลิงตื่นตกใจ ขมวดคิ้วนิ่วหน้า กล่าวเสียงดังว่า “พื้นที่แห่งนี้อันตราย คุณชายรีบหนีไปเถอะ… ยิ่งท่านไปจากเมืองแห่งนี้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งปลอดภัยเท่านั้น”
“ใช่แล้วขอรับ พี่สาวได้โปรดหนีไปเถอะ”
เซี่ยถิงอวี่พยายามโน้มน้าวนักพรตหญิงชินที่ปรากฏตัวขึ้นบนกำแพงเมืองเช่นกัน
นายทหารหนุ่มขี้อายตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว แต่เขาก็ยืนหยัดอยู่บนกำแพงเมือง ถืออาวุธในมือแนบแน่น ไม่มีเจตนาหลบหนีเลยแม้แต่นิดเดียว
หวาดกลัว
แต่ยังคงพร้อมที่จะต่อสู้
เพราะเซี่ยถิงอวี่มีเหตุผลที่จำเป็นต้องต่อสู้
นักพรตหญิงชินกระซิบว่า “ไม่ต้องกลัว”
จากนั้นนางก็มองไปที่หลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ เดินไปที่ขอบกำแพงเมืองชั้นใน
และภายใต้การเฝ้ามองของทุกคน หลินเป่ยเฉินก็หันหน้ากลับมามองที่พวกเขา หันหลังให้แก่ความมืดมิดที่อีกฝั่งหนึ่งของกำแพงเมือง ใบหน้าอันหล่อเหลาฉีกยิ้ม เด็กหนุ่มยกมือเสยผม ก่อนจะกางแขนออกกว้าง และทิ้งตัวลงไปนอกกำแพงเมืองไม่ต่างจากนักกีฬากระโดดน้ำ…
หลายคนส่งเสียงอุทานออกมา
“คุณชายเสียสติไปแล้วหรือ…”
เย่เทียนหลิงหยุดชะงัก แต่ก็สายเกินไปที่จะห้ามปราม
หลินเป่ยเฉินหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศากลางอากาศและทิ้งตัวลงไปยืนอยู่บนพื้นดินได้อย่างสง่างาม
ไม่ต่างจากเทพบุตรเดินดิน
“กรร...”
เสียงคำรามแหบต่ำดังขึ้น
กลุ่มอสูรกิ้งก่าดำพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าฟาดและความเร็วของพวกมันนั้นก็มองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น เพียงพริบตาเดียว ฟันอันแหลมคมและกรงเล็บที่ไม่ต่างไปจากใบมีดก็มาถึงเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินแล้ว
“หัวหน้าฝูงของพวกมันเป็นจอมอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับ 5”
เย่เทียนหลิงร้องอุทานเสียงหลง “เร็วเข้า หากคุณชายยังไม่อยากตาย ได้โปรดรีบกลับขึ้นมา…”
แต่เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก็ดังขึ้น
ปรากฏว่าหัวหน้าฝูงกิ้งก่าดำถูกฝ่ามือของหลินเป่ยเฉินกระแทกเข้าใส่อย่างแรง
แล้วเด็กหนุ่มก็ใช้มือจับศีรษะของมันแน่น
หัวหน้าฝูงกิ้งก่าดำพยายามดิ้นรนให้หลุดออกจากมือของหลินเป่ยเฉิน แต่ทำอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด มิหนำซ้ำ มันยังเจ็บปวดมากกว่าเดิมอีกด้วย
“แข็งแกร่งเหลือเกิน”
เย่เทียนหลิงอุทานออกมาเมื่อได้เห็นเช่นนั้น
นายทหารร่างใหญ่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มหน้าขาวที่ไม่เหมือนยอดฝีมือเลยแม้แต่น้อย กลับมีความแข็งแกร่งในชนิดที่สามารถจัดการหัวหน้าฝูงอสูรกิ้งก่าดำได้ด้วยมือเปล่า
บริเวณด้านล่างกำแพงเมือง
หลินเป่ยเฉินเอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อสำรวจรูปร่างหน้าตาของหัวหน้าฝูงอสูรกิ้งก่าดำ
มันมีลักษณะเหมือนกิ้งก่าทั่วไป เพียงแต่ไม่มีเกล็ด ผิวหนังมีลักษณะเรียบลื่นเป็นสีดำ ห่อหุ้มด้วยเมือกเหนียวเหนอะหนะ กรงเล็บแหลมคม ปากเหมือนปากจระเข้ ในปากเต็มไปด้วยฟันเลื่อยไม่ต่างจากใบมีด ลิ้นสีดำปกคลุมด้วยหนามแหลมสามารถใช้เป็นอาวุธได้ หางยาวของมันก็มีลักษณะเป็นลูกตุ้มอยู่บริเวณส่วนท้าย พลังทำลายล้างในการฟาดน่าจะมากมายมหาศาล…
แต่อสูรกิ้งก่าดำเป็นสัตว์อสูรที่หน้าตาอัปลักษณ์และโง่เขลา
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความขยะแขยงก่อนจะโยนมันทิ้งไป
พลั่ก!
ได้ยินเสียงการกระแทกพื้นอย่างแรงดังขึ้น
แล้วหัวหน้าฝูงอสูรกิ้งก่าดำก็กลิ้งกระเด็นไปกระแทกกับเหล่าบริวารของมันอีกกลุ่มใหญ่ ไม่ทราบเลยว่าการกระแทกครั้งนี้ทำให้พวกมันเสียชีวิตไปทั้งหมดกี่ตัว
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้บรรดาอสูรกิ้งก่าดำหวาดกลัวแม้แต่น้อย ซ้ำพวกมันยังวิ่งเข้ามาหากำแพงเมืองด้วยความดุร้ายมากกว่าเดิมอีกด้วย
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะ
เขาบิดลำคอและหักนิ้วมือ ยืดเส้นยืดสาย อบอุ่นร่างกายด้วยความเยือกเย็น
ก่อนจะชักกระบี่ออกมา
กระบี่อยู่ในมือ
วูบ!
ลำแสงกระบี่พุ่งผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง มวลอากาศรอบกายของหลินเป่ยเฉินเกิดความปั่นป่วนขึ้นทันที
หนึ่งคนหนึ่งกระบี่พุ่งเข้าไปหาฝูงอสูรกิ้งก่าดำที่กระโจนเข้ามาหาเขาด้วยความดุร้าย
ลมหายใจต่อมา
การต่อสู้ก็เกิดขึ้น
เด็กหนุ่มรูปงามในชุดขาวพร้อมด้วยกระบี่คู่กายพลันถูกกลืนหายเข้าไปในฝูงอสูรกิ้งก่าดำ
“จบสิ้นกัน…”
เย่เทียนหลิงหลับตาลงด้วยความอนาถใจ
เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำมีพลังเพียงขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ก็นึกว่าตนเองแข็งแกร่งที่สุดในปฐพีแล้วหรือ?
ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ เพียงเพราะต้องการสร้างความประทับใจให้แก่สตรีที่อยู่ข้างกาย เด็กหนุ่มรูปงามก็ต้องถึงแก่ความตายเสียแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม หูของเย่เทียนหลิงก็ได้ยินเสียงอุทานดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เย่เทียนหลิงสะดุ้งโหยง
และเมื่อลืมตากลับขึ้นมาอีกครั้ง
ต่อจากนั้น เขาก็ได้พบเห็นภาพที่ตนเองจะไม่มีวันลืมเลือน
บริเวณด้านล่างกำแพงเมืองห่างออกไปไม่ไกล ภายใต้ความมืดมิดแห่งราตรีกาล เด็กหนุ่มรูปงามในชุดขาวควงกระบี่ฟาดฟันด้วยความคล่องแคล่วว่องไว การเคลื่อนไหวของเขาสง่างามราวกับกำลังเดินชมสวนดอกไม้ก็ไม่ปาน
ไม่ว่าเด็กหนุ่มจะเคลื่อนผ่านไปที่บริเวณใด เสียงร้องโหยหวนของบรรดาอสูรกิ้งก่าดำก็จะดังกังวานขึ้นมา พวกมันล้มตายดั่งใบไม้ร่วง ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเด็กหนุ่มได้แม้แต่ตัวเดียว
เสียงกรีดร้องโหยหวนของสัตว์อสูรดังกังวานทั่วแผ่นฟ้าอันมืดมิด
เย่เทียนหลิงหัวใจเต้นเร็วแรงด้วยความลุ้นระทึก
เขาอ้าปากเหวอด้วยความเหลือเชื่อ
เพราะนี่เป็นฝีมือการต่อสู้ที่ร้ายกาจเหลือเกิน
เด็กหนุ่มหน้าขาวมีฝีมือร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
แม้ว่าทักษะกระบี่ที่ใช้ออกมาจะอยู่ในขั้นธรรมดาสามัญ ไม่มีการใช้ลวดลายที่สลับซับซ้อนใด ๆ มันเป็นเพียงการตวัดกระบี่ขึ้นลงเท่านั้น
แต่ทุกครั้งที่คมกระบี่สาดประกาย เศษอวัยวะชิ้นส่วนของพวกอสูรกิ้งก่าดำก็จะลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศ…
ทุกกระบวนท่า ทุกการเคลื่อนไหว ผู้คนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เย่เทียนหลิงแทบจะรู้สึกว่ากระบวนท่าเช่นนี้ตนเองก็สามารถกระทำได้เช่นกัน
แต่กระบวนท่าธรรมดาสามัญที่เด็กหนุ่มใช้ออกมา กลับมีพลังทำลายล้างรุนแรงมากกว่ากระบวนท่าทั่วไป
พื้นที่ในรัศมีรอบกายประมาณห้าวาของเด็กหนุ่มไม่ต่างจากพื้นที่มรณะ อสูรกิ้งก่าดำทุกตัวที่เข้าไปอยู่ในรัศมีนั้นต่างก็ถึงแก่ความตายหมดสิ้น ขาของพวกมันขาดกระเด็น อวัยวะภายในแหลกละเอียดโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าไม่ต่างจากสายฝนโลหิต
บรรดาทหารยามที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองถึงกับตกตะลึงไปแล้ว
พวกเขารู้สึกไม่เหมือนตนเองกำลังรับชมการต่อสู้
พวกเขารู้สึกเหมือนตนเองกำลังรับชมการแสดงมากกว่า
เด็กหนุ่มรูปงามในชุดขาวพร้อมด้วยกระบี่คู่กายยืนหยัดอย่างมั่นคงไม่ต่างจากหินผา เขาเพียงตัวคนเดียวก็สามารถหยุดยั้งกองทัพอสูรกิ้งก่าดำนับพันตัวได้อย่างปาฏิหาริย์
เด็กหนุ่มมีสง่าราศีราวกับวีรบุรุษในตำนาน
กองทัพอสูรกิ้งก่าดำไม่สามารถบุกเข้ามาได้อีกแล้ว
สุดท้าย พวกมันก็ถูกตัดหัว บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนจากเผ่าพันธุ์อสูรกิ้งก่าดำ
ผู้คนที่อยู่บนกำแพงเมืองต่างก็พบเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยตาของตนเอง
กลิ่นของการฆ่าฟันยังคงหลงเหลืออยู่ในอากาศ
บริเวณด้านล่างกำแพงเมืองตรงที่หลินเป่ยเฉินยืนอยู่นั้น ปรากฏภาพสองสิ่งที่ตัดความรู้สึกกันอย่างชัดเจน
เบื้องหน้าของเด็กหนุ่มเป็นกองภูเขาซากศพของเผ่าพันธุ์อสูรกิ้งก่าดำ
ด้านหลังเป็นพื้นที่วัชพืชรกร้างไร้การบุกรุก
บรรดาชาวเมืองที่อาศัยอยู่บริเวณท่าเทียบเรือไม่ได้รับอันตรายจากการบุกโจมตีของฝูงอสูรกิ้งก่าดำในครั้งนี้
ในความมืด เด็กหนุ่มชุดขาวยืนตระหง่านอย่างมีสง่าราศี
เบื้องหน้าเขาคือความตาย
เบื้องหลังเขาคือความปลอดภัย
เสียงกรีดร้องโหยหวนของอสูรกิ้งก่าดำจางหายไปแล้ว
สายลมยามราตรีโชยพัด
ความเงียบปกคลุมในบรรยากาศ เย่เทียนหลิงและเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองรู้สึกว่าตนเองกำลังฝันไป พวกเขาไม่กล้าส่งเสียงออกมาด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าตนเองจะตื่นขึ้นมาจากความฝันในครั้งนี้