เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1700 คำตอบที่คาดเดาไม่ได้
ตอนที่ 1,700 คำตอบที่คาดเดาไม่ได้
ให้เดาว่าผู้ใดเป็นคนค้นพบอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินใช้เวลานึกทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ให้คำตอบว่า “คงต้องเป็นสวีเสี่ยวฉีกระมัง?”
ทุกคนล้วนเข้าใจว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ถูกไล่ล่าเพราะมีป้ายหยกนกเพลิงอยู่ในการครอบครอง แต่ในความเป็นจริงนั้น เขาถูกตามล่าเพราะรู้ที่ตั้งของเหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ต่างหาก
นักพรตหญิงชินส่ายศีรษะและตอบว่า “สวีเสี่ยวฉีถูกตามล่าจากทุกฝ่ายเพราะป้ายหยกนกเพลิงจริง ๆ แต่ผู้ที่ค้นพบที่ตั้งของเหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เป็นขุนนางชั้นสูงผู้มีนามว่าหวังป้าตัน ซึ่งบุตรสาวของเขาก็คือสตรีสูงศักดิ์ที่ตกหลุมรักสวีเสี่ยวฉีนั่นเอง”
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก นึกทบทวนความทรงจำ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น… ตามข้อมูลที่เย่เทียนหลิงบอกเล่ามา ครอบครัวของหญิงสูงศักดิ์ผู้นั้นถูกฆ่าตายไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ถูกต้อง เหตุผลที่พวกเขาถูกฆ่าตายยกตระกูลเพราะการคุ้มครองสวีเสี่ยวฉีนั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เหตุผลที่แท้จริงซึ่งทำให้หวังป้าตันและครอบครัวต้องถูกฆ่าตายนั้น เป็นเพราะเขาไม่ยอมบอกที่ตั้งของเหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ให้ท่านรองผู้คุมสภาหลินซิงเฉิงรู้ต่างหาก ท่านรองผู้คุมสภาจึงจัดการฆ่ายกตระกูลในที่สุด”
นักพรตหญิงชินกล่าว
“หมายความว่าหลงเซวียนเป็นคนของหลินซิงเฉิงอย่างนั้นสินะ?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง
นักพรตหญิงชินพยักหน้า “ไม่ใช่แค่หลงเซวียนเท่านั้น แต่ในเจ็ดเขตการปกครอง หลินซิงเฉิงยังมีผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่อีกมากมาย หลงเซวียนถือเป็นเพียงลูกสมุนชั้นปลายแถวเท่านั้น”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นและกล่าวอย่างใช้ความคิด “ถ้าอย่างนั้นการที่เขตหลานเหนี่ยวเกิดความวุ่นวายโกลาหล ฝูงสัตว์อสูรโจมตีอย่างต่อเนื่อง ล้วนแต่เป็นกลุ่มคนของหลินซิงเฉิงอยู่เบื้องหลังในการสร้างสถานการณ์ เพื่อพยายามตามหาเหมืองแร่ทองคำใช่ไหมขอรับ?”
“ก็ประมาณนั้น”
นักพรตหญิงชินตอบ “จากคำสารภาพของหลงเซวียน พวกเขาได้รับคำสั่งให้ออกตามหาเหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ให้เจอโดยใช้ทุกวิถีทาง ส่วนพวกสัตว์อสูรเหล่านั้นก็เป็นหลินซิงเฉิงส่งตัวเข้ามาเองหมายจะกวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้พังพินาศย่อยยับ”
“หืม? เขาจะทำเช่นนั้นไปทำไม?”
นักพรตหญิงชินกล่าวว่า “หากข้าคาดเดาไม่ผิด เมื่อพบเจอเหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ตั้งใจจะใช้เผ่าพันธุ์อสูรเหล่านี้เก็บกวาดหลักฐานทุกอย่างให้หมดสิ้น เพื่อที่ในอนาคตข้างหน้าหากมีกลุ่มกองกำลังอื่นยกพลเข้ามาสืบสวน พวกเขาก็จะได้ไม่ต้องพบเจอหลักฐานใด ๆ หลงเหลืออยู่อีก”
“เชี่ย เลวบัดซบกันจริง ๆ…”
หลินเป่ยเฉินเผลอตัวสบถคำหยาบออกมา
พวกของหลินซิงเฉิงไม่นับว่าเป็นมนุษย์อีกแล้ว
หลินซิงเฉิงถึงกับยอมสังเวยชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมากเพื่อเงินทองและความร่ำรวยของตนเอง… นี่ไม่ใช่เลวร้ายยิ่งกว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจอีกหรือ?
หลินซิงเฉิงยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความร่ำรวย
“ข้าส่งข่าวกลับไปหาหวังจงแล้ว อีกไม่นานเขาคงส่งกำลังเสริมมาสนับสนุนพวกเรา เมื่อสามารถปราบกลุ่มกองกำลังของหลินซิงเฉิงได้ราบคาบ เขตหลานเหนี่ยวแห่งนี้ก็จะกลายเป็นฐานที่มั่นของกองทัพเซียนกระบี่ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น”
“ดังนั้น มีสามสิ่งที่เจ้าควรรีบทำให้สำเร็จ”
“อย่างแรก เอาชนะกลุ่มกองกำลังของหลินซิงเฉิงให้ได้”
“อย่างที่สอง ต่อต้านและโต้กลับการโจมตีของหลินซิงเฉิงให้หนักหน่วง…”
“อย่างที่สาม ค้นหาเหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ให้เจอ และสังหารเผ่าพันธุ์อสูรที่ถูกนำตัวเข้ามาเพื่อทำลายล้างเมืองแห่งนี้ให้สิ้นซาก ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของถิ่นที่อยู่อาศัยให้แก่เผ่าพันธุ์มนุษย์และทำให้ชาวเมืองสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง”
นักพรตหญิงชินกล่าวข้อความทั้งหมดนี้จบในประโยคเดียว
หลินเป่ยเฉินถามด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกว่า “ทำไมถึงต้องเป็นข้า? ทำไมถึงไม่เป็นเรา?”
นักพรตหญิงชินกล่าวต่อไปโดยไม่สนใจคำถามของเด็กหนุ่ม “อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจที่ข้าเค้นความลับได้มาก็คือ สตรีผู้สวมใส่หน้ากากวิหคนั้นเป็นนักฆ่าระดับเหรียญเงินจากหอสลายวิญญาณ นางถูกส่งมาที่นี่เพื่อลอบสังหารคนผู้หนึ่งที่เจ้าและข้าก็สนใจในตัวเขาอยู่เช่นกัน”
“ท่านผู้กล้าแซ่โจว?”
หลินเป่ยเฉินอุทานด้วยความประหลาดใจ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุไฉนหลินเป่ยเฉินจึงรู้สึกคุ้นเคยกับพลังปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายของสตรีผู้สวมใส่หน้ากากผู้นั้น ปรากฏว่านางเป็นศัตรูเก่าของเขานี่เอง
เพียงแต่ว่าทำไมองค์กรนักฆ่าอย่างหอสลายวิญญาณถึงต้องส่งมือสังหารมาจัดการท่านผู้กล้าแซ่โจวถึงที่ท่าเทียบเรือแห่งนี้ด้วย?
“จากคำสารภาพของมือสังหารหญิงผู้นั้น ดูเหมือนว่าจะมีผู้คนว่าจ้างให้หอสลายวิญญาณทำการสังหารท่านผู้กล้าแซ่โจว เงินค่าหัวของเขาเป็นจำนวนที่สูงมาก นอกจากนักฆ่าระดับเหรียญเงินอย่างนางแล้ว ก็ยังมีมือสังหารระดับเหรียญทองอีกสามคนแฝงตัวเข้ามาอยู่ในเมืองนี้เป็นที่เรียบร้อย เพียงแต่ว่าพวกเขากำลังรอคอยโอกาสลงมืออยู่เท่านั้น”
นักพรตหญิงชินตอบ
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ
ตามความเข้าใจของเขา นักฆ่าระดับเหรียญทองของหอสลายวิญญาณ ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีฝีมือในการลอบสังหารสูงส่งทั้งสิ้น สำหรับมือสังหารที่มีพลังต่ำต้อยที่สุดในระดับเหรียญทองก็มีพลังไม่ต่ำกว่าขั้นจอมเทพจักรพรรดิแล้ว
ซึ่งจัดได้ว่าเป็นมือสังหารชั้นยอดของหอสลายวิญญาณ
และพวกเขาก็ถูกส่งตัวมาถึงสามคน?
นี่แสดงให้เห็นว่าท่านผู้กล้าหาญแซ่โจวมีพลังแข็งแกร่งมากเลยสินะ
อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิ
ดีไม่ดีอาจจะอยู่ในขั้นจอมเทพจักราก็ได้
ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งน่ากลัวเท่านั้น
ภารกิจในการลอบสังหารท่านผู้กล้าแซ่โจวครั้งนี้ หอสลายวิญญาณถึงกับต้องใช้งานยอดนักฆ่าของตนเองถึงสามคน หากเปลี่ยนเป็นผู้คนธรรมดาไปต่อสู้กับเขา ก็คงมีแต่ตายกับตายเท่านั้นเอง
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับด้วยความปวดหัว
สถานการณ์ซับซ้อนมากกว่าที่คิดซะแล้วสิ
แต่ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง
เขาหันไปมองนักพรตหญิงชินด้วยความไม่อยากเชื่อและถามว่า “เดี๋ยวก่อนนะ นักฆ่าระดับเหรียญเงินของหอสลายวิญญาณยอมสารภาพความจริงกับท่านง่าย ๆ ได้อย่างไร?”
นักพรตหญิงชินตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ก็แค่ใช้กลอุบายบางอย่างเท่านั้น”
อาจารย์ ท่านชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงเลยว่านางจะยังมีมุมมืดที่เขาไม่เคยรู้อยู่อีกด้วย
นักพรตหญิงชินกล่าวต่อไปอีกครั้งว่า “จากคำสารภาพของกลุ่มคนที่ถูกสอบสวน แผนการลอบสังหารในครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงหอสลายวิญญาณลงมือเองเท่านั้น แต่พวกเขายังได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มคนของหลินซิงเฉิง ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะองค์กรนักฆ่าอย่างหอสลายวิญญาณแทบไม่เคยร่วมมือกับกลุ่มคนภายนอกเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่นานสองนาน ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “แต่ในทางกลับกัน ท่านผู้กล้าแซ่โจวอาจมีความแข็งแกร่งมากกว่าที่พวกเราคิดก็ได้นะขอรับ ดังนั้น แม้แต่หอสลายวิญญาณก็ยังไม่มั่นใจว่าจะลงมือได้สำเร็จ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงอาจจะยอมร่วมมือกับคนนอกก็เป็นได้กระมัง?”
นักพรตหญิงชินพยักหน้า “มีความเป็นไปได้ แต่เจ้าเคยนึกถึงอีกหนึ่งความเป็นไปได้หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักทันที
นักพรตหญิงชินกล่าว “บางทีหอสลายวิญญาณกับกลุ่มคนของหลินซิงเฉิงอาจจะเป็นพวกเดียวกันก็ได้”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วใช้ความคิดอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ตบต้นขาฉาดใหญ่และกล่าวว่า “จริงด้วยขอรับ ข้าไม่เคยนึกมาก่อน”
“มือเจ้าหนักไปหน่อยนะ”
นักพรตหญิงชินรู้สึกชาที่บริเวณต้นขา หันไปขมวดคิ้วนิ่วหน้าใส่หลินเป่ยเฉิน
“ขออภัยขอรับ ครั้งต่อไปข้าจะตบให้เบากว่านี้”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะแหะ ๆ
นักพรตหญิงชินพ่นลมผ่านทางจมูกอย่างเย็นชา “ไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินเพียงยิ้มและไม่พูดคำใดอีก
นักพรตหญิงชินกล่าวต่อไปว่า “นักฆ่าระดับเหรียญเงินผู้นี้มีนามว่าวิหคทมิฬ นางมาที่นี่เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับท่านผู้กล้าแซ่โจว และมีหน้าที่เป็นเพียงผู้ส่งข่าวเท่านั้น ความรับผิดชอบเดียวคือการคอยติดต่อกับหลงเซวียน แต่นางโชคร้ายที่ถูกจับตัวได้เสียก่อน นางไม่ทราบว่าหอสลายวิญญาณวางแผนอะไรเอาไว้บ้าง แต่ข้าสงสัยว่าป่านนี้มือสังหารคงแฝงตัวอยู่ในท่าเทียบเรือเรียบร้อยแล้ว และแผนการลอบสังหารท่านผู้กล้าแซ่โจวก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วเช่นกัน”