เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1714 เชิญตัวไปสอบปากคำ
ตอนที่ 1,714 เชิญตัวไปสอบปากคำ
ปี๋อวิ่นเถากล่าวว่า “จากข้อมูลที่หน่วยสืบสวนได้รับทราบมา บุคคลผู้นี้มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา หากเราสามารถนำตัวเขามาสอบปากคำได้…”
“พอได้แล้ว”
หลินเป่ยเฉินรีบขัดจังหวะด้วยสีหน้ารำคาญใจ “ท่านไม่จำเป็นต้องมาวิเคราะห์คดีร่วมกับข้าหรอก ข้าไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น เอาแค่คดีที่เกี่ยวข้องกับข้าก็พอ ข้าพูดทุกอย่างที่ควรพูดไปหมดสิ้น… หากไม่มีสิ่งใดอีก ก็ได้โปรดอย่ากลับมารบกวนข้าอีกเลย”
แน่นอนว่าปี๋อวิ่นเถาไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
เขาเมินเฉยต่ออารมณ์ขุ่นเคืองของหลินเป่ยเฉิน
“ข้าคงต้องขอเตือนแม่ทัพหลินสักหน่อยว่าทุกสิ่งที่ท่านพูดออกมาจะถูกใช้เป็นหลักฐานเอาผิดท่านในชั้นศาลได้”
ในมือของเจ้าหน้าที่หนุ่มมีป้ายเหล็กเวทมนตร์ ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของมันก็คือสามารถบันทึกภาพและเสียงระหว่างการสนทนาในขณะนี้ได้ตลอดเวลา
ปี๋อวิ่นเถากล่าวต่อไป “นอกจากนี้ แม่ทัพหลิน ท่านยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมในอาณาจักรซือเว่ย ผู้ตายมีนามว่าเหยียนอวี้หลง ข้าจึงอยากจะเชิญตัวท่านไปสอบปากคำที่หน่วยสืบสวนพิเศษ”
“สอบปากคำกับผีน่ะสิ”
หลินเป่ยเฉินเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ หัวเราะเยาะ สีหน้าไม่สบอารมณ์ “ข้าขอเตือนท่าน ข้าเป็นเพียงพลเมืองดีที่ชอบผดุงความยุติธรรม เป็นบุรุษหนุ่มรูปงามที่ไร้ตำหนิราคี ท่านอย่ามายุ่งกับข้าดีกว่า มิเช่นนั้น ข้าจะฟ้องกลับท่านในข้อหาหมิ่นประมาทและใส่ความผู้อื่นโดยมิชอบ”
“ข้าไม่ได้ใส่ความผู้ใด แต่เป็นเพราะหน่วยสืบสวนพิเศษรวบรวมหลักฐานได้ว่าท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมเหยียนอวี้หลงจริง ๆ เพราะฉะนั้น แม่ทัพหลินจึงสมควรตามข้าไปให้คำอธิบายที่ชัดเจนดีกว่า”
ปี๋อวิ่นเถายังคงยืนยันคำเดิม
“ข้าไม่มีอะไรต้องอธิบายทั้งนั้น”
หลินเป่ยเฉินปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
เขาหัวเราะเยาะและกล่าวต่อ “ข้าจะบอกอะไรให้นะ ข้าไม่กลัวหน่วยสืบสวนพิเศษของพวกท่านหรอก ในเขตเทียนหลางซิง มีเจ้าหน้าที่ฉ้อฉลในหน่วยสืบสวนพิเศษเจ็ดคนต้องตายด้วยน้ำมือคนของกองทัพเซียนกระบี่มาแล้ว ไม่ทราบว่าท่านรู้เรื่องนี้หรือไม่?”
“ย่อมต้องรู้ดี”
ปี๋อวิ่นเถาตอบรับกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เพราะเขาทราบดีอยู่แล้วว่าเจ้าหน้าที่ที่ถูกฆ่าตายเหล่านั้นย่อมมีความผิดสมควรตาย
และการมาสอบปากคำเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินในครั้งนี้ ปี๋อวิ่นเถาก็เตรียมตัวเตรียมใจรอรับความตายเอาไว้แล้ว เพราะฉะนั้น จึงไม่มีสิ่งใดที่เขาจะต้องหวาดกลัวอีกต่อไป
หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อไปว่า “ที่ท่านมาสอบปากคำคนของข้าถึงคฤหาสน์ลู่หลิวสามครั้งก่อนหน้านี้ และท่านก็สามารถเดินทางกลับไปได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง นั่นไม่ใช่เพราะว่าท่านมีหน้าตาหล่อเหลา นั่นไม่ใช่เพราะว่าท่านมีความน่าเกรงขาม… แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด?”
ปี๋อวิ่นเถาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “เพราะข้าเป็นเจ้าหน้าที่ที่สืบสวนคดีอย่างตรงไปตรงมา และไม่เคยเล่นสกปรกกับผู้ใดมาก่อน”
“ประเสริฐ”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “นับว่าท่านยังรู้จักตนเอง”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มก็ยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นด้วยความเคยชิน “แต่ครั้งนี้ ข้ารู้สึกว่าท่านชักจะล้ำเส้นเกินไปหน่อยแล้ว ท่านไม่ได้สืบสวนเพราะต้องการตามหาความจริง แต่ท่านเพียงอยากจะนำข้าไปขังคุกให้ได้เท่านั้น”
ปี๋อวิ่นเถารีบส่ายศีรษะปฏิเสธ “ย่อมไม่มีเรื่องเช่นนั้นเด็ดขาด”
“หึ ๆ จริงหรือ?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปาก “ไม่มีเรื่องเช่นนั้นหรือท่านไม่กล้ายอมรับความจริง?”
ปี๋อวิ่นเถายังคงตอบรับด้วยสีหน้าเยือกเย็น “ผู้ที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการฆาตกรรมของแม่ทัพหลินมีนามว่าฉินโมเหยียน เขาคือประมุขตระกูลฉิน ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรหลิวเยวียน บัดนี้เขาถูกควบคุมตัวอยู่ในคุกใต้ดินของหน่วยสืบสวนพิเศษ เพราะฉะนั้น ข้าจึงอยากให้แม่ทัพหลินให้ความร่วมมือในการสืบสวนครั้งนี้ด้วย”
หืม?
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฉินโมเหยียน?
ตอนที่สุสานโบราณในเมืองหลันจี๋ซิงเปิดออก ท่านผู้คุมสภาเฟิงเสี่ยวไป๋ได้นำตัวบรรดาประมุขเก้าตระกูลใหญ่ประจำอาณาจักรหลิวเยวียนเข้าไปร่วมสำรวจสุสาน
ในกลุ่มคนที่ร่วมเดินทางย่อมต้องมีฉินโมเหยียนแห่งตระกูลฉินรวมอยู่ด้วย
เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องการจะเข้าไปขโมยของวิเศษในสุสานโบราณ แต่ความจริงนั้น นี่เป็นเพียงกลลวงของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง เพียงสามวันต่อมา เมืองหลันจี๋ซิงก็ตกเป็นของเผ่าพันธุ์ปีศาจโดยสมบูรณ์ องค์ชายหลิงแห่งราชวงศ์เกิงจินพ่ายแพ้ในการต่อสู้ เฟิงเสี่ยวไป๋และพรรคพวกหายตัวไปจากสุสานโบราณนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา…
ฉินโมเหยียนน่าจะหลบหนีไปพร้อมกับคณะเดินทางของเฟิงเสี่ยวไป๋ แล้วเขามาถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินของหน่วยสืบสวนพิเศษแห่งนี้ได้อย่างไร?
“นอกจากฉินโมเหยียนแล้ว ยังมีผู้ใดอีกบ้าง?”
หลินเป่ยเฉินเคาะนิ้วมือลงบนโต๊ะแผ่วเบาและถามต่อไป “ท่านทราบหรือไม่ว่าเฟิงเสี่ยวไป๋และคนอื่น ๆ อยู่ที่ใด?”
ปี๋อวิ่นเถานิ่งคิดเล็กน้อยก่อนให้คำตอบว่า “สำหรับท่านผู้คุมสภาแห่งอาณาจักรหลิวเยวียน และคณะผู้ติดตามของเขานั้น… แม่ทัพหลินน่าจะรู้จักดีทุกคน บัดนี้ พวกเขาล้วนถูกควบคุมตัวอยู่ในคุกใต้ดินของหน่วยสืบสวนพิเศษทั้งสิ้น”
“ควบคุมตัว? ด้วยข้อหาอะไร?”
หลินเป่ยเฉินถามออกไปด้วยความไม่อยากเชื่อ “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขาถึงถูกจับกุม?”
ปี๋อวิ่นเถาตอบว่า “หากแม่ทัพหลินต้องการรู้ความจริง ก็ได้โปรดติดตามข้าไปที่หน่วยสืบสวนพิเศษเถอะ”
ให้ตายสิ
หมอนี่มันกำลังเล่นสงครามจิตวิทยาใช่ไหมเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า และจึงตอบรับโดยไม่ลังเล “ไปสิ พวกเรารีบไปกันเลย”
แล้วทั้งสองคนก็เดินออกไปจากห้องโถงใหญ่ในคฤหาสน์ลู่หลิว
ณ ประตูทางออก
หลินเป่ยเฉินหยุดชำเลืองมองไปที่หวังจงและออกคำสั่งว่า “หากอีกหนึ่งชั่วยามข้าไม่กลับมา เจ้ารีบพาคนบุกไปที่หน่วยสืบสวนพิเศษทันที เข้าใจหรือไม่?”
หวังจงพยักหน้าด้วยความหนักแน่น “นายน้อยไม่ต้องเป็นห่วง หากหน่วยสืบสวนพิเศษกล้ารังแกนายน้อย บ่าวจะทำให้คนทั้งเมืองเทียนหลางซิงต้องตายไปพร้อมกับนายน้อยเอง”
ปี๋อวิ่นเถาพูดอะไรไม่ออก
เช่นเดียวกับหลินเป่ยเฉิน
พลั่ก!
เขาได้แต่กระโดดเตะหวังจงและคำรามว่า “เจ้าอยากให้ข้าตายมากนักใช่ไหม? เจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะได้ครอบครองกองทัพเซียนกระบี่แล้วล่ะสิ?”
“อะไรกันขอรับนายน้อย คำว่าจงในชื่อของหวังจง มาจากคำว่าจงรักภักดี นายน้อยเป็นเสมือนบุตรชายแท้ ๆ ของบ่าว…”
“ไสหัวไปซะ”
“รับทราบขอรับ”
หวังจงก้มหน้างุดและวิ่งหนีไปจากหลินเป่ยเฉินทันที
หลินเป่ยเฉินหันมาสบตาปี๋อวิ่นเถา
ต่างคนต่างพูดคำใดไม่ออกทั้งสิ้น
…
หลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป
ข่าวเรื่องที่ปี๋อวิ่นเถาพาตัวเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินเข้าสู่คุกใต้ดินของหน่วยสืบสวนพิเศษได้สำเร็จก็แพร่สะพัดไปทั่วเขตเทียนหลางซิงราวกับไฟลามทุ่ง
ขุนนางจำนวนมากระเบิดเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ
ในคุกใต้ดินของหน่วยสืบสวนพิเศษ
เสียงกรีดร้องของนักโทษที่ถูกทรมานดังกังวานไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่กำลังถูกเชือด เฉลียงทางเดินมืดสลัว ให้ความรู้สึกขนลุกขนชันไม่มีที่สิ้นสุด
ณ ห้องทรมานหมายเลข 28
การทรมานดำเนินต่อไป
เฟิงเสี่ยวไป๋ถูกจับแขวนอยู่กลางอากาศ ตามร่างกายมีแต่บาดแผลฉกรรจ์ โลหิตไหลทะลักตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พื้นหินเบื้องล่างมีแต่กองเลือดสะท้อนประกายกับแสงไฟริบหรี่
เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมการทรมานนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้เบื้องหน้าเฟิงเสี่ยวไป๋ ริมฝีปากบิดตัวเป็นรอยยิ้มเหยียดหยาม แววตาเป็นประกายเย็นชา เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่กล่าวออกมาว่า
“ท่านมีตำแหน่งเป็นถึงผู้คุมสภาแห่งอาณาจักรหลิวเยวียน เพราะเหตุใดจึงต้องทิ้งอนาคตของตนเองเพื่อปกป้องคนชั่วช้าผู้หนึ่งด้วย?”