เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1720 ขับไล่ความมืดมิด
ตอนที่ 1,720 ขับไล่ความมืดมิด
หลินเป่ยเฉินไม่ได้พูดอะไรอีก
เขาวางมือลงบนหัวไหล่ของฉินโมเหยียนอย่างแผ่วเบา จากนั้นโคจรพลังปราณใส่เข้าไปเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดและตรวจสอบอาการบาดเจ็บภายในไปในเวลาเดียวกัน
ฉินโมเหยียนยังคงพยายามดิ้นรนขัดขืนด้วยความหวาดกลัว
เขาถึงกับทำสีหน้าประจบประแจง พูดซ้ำย้ำคำเดิมโดยหวังว่าตนเองจะไม่ต้องถูกทรมาน
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก
ร่างกายของฉินโมเหยียนไม่ต่างจากซากเรือที่กำลังจะจมลงสู่ก้นทะเล ไม่สามารถรับลมและคลื่นน้ำได้อีกแล้ว สติสัมปชัญญะของฉินโมเหยียนเปรียบเสมือนพายุที่กำลังคลุ้มคลั่ง คงไม่มีทางกลับมาเป็นปกติได้อีกตลอดกาล...
พลังยุทธ์ระดับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ตอนปลายถูกสลายหมดสิ้น
แต่อาจเป็นเพราะท่าทีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาของหลินเป่ยเฉิน ฉินโมเหยียนจึงหยุดดิ้นรนแล้ว
ความเจ็บปวดในร่างกายของเขาจางหายไป
แต่สีหน้าและแววตายังบอกชัดถึงความวิกลจริต
“นอนหลับพักผ่อนเถอะนะ”
หลินเป่ยเฉินนำเข็มฉีดยาสลบที่ซื้อหามาจากในอินเทอร์เน็ตออกมาฉีดเข้าใส่ร่างกายของฉินโมเหยียน พร้อมกันนั้น เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เมื่อท่านตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความมืดมิดก็จะจางหายไปหมดสิ้น พวกคนเลวจะตายกันหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่ท่านต้องเป็นกังวลอีกต่อไป”
ยาสลบที่ซื้อหามาจากในโทรศัพท์มือถือนั้นมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม
ในไม่ช้า ฉินโมเหยียนก็หลับไป
หลินเป่ยเฉินนำร่างของเขาไปนอนอยู่เคียงข้างเฟิงเสี่ยวไป๋บนพื้นหิน
ในเวลานี้ รองหัวหน้าผู้คุมเจิ้งเจียงและผู้ใต้บังคับบัญชาก็ได้เดินยกหีบเหล็กเข้ามาสี่ใบและนำหีบเหล็กเหล่านั้นมาตั้งไว้บนโต๊ะเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน
“กราบเรียนนายท่าน นักโทษที่รอรับการพิจารณาคดีพวกเราได้จัดการปล่อยตัวให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่อยู่ในหีบเหล็กเหล่านี้ล้วนแต่เป็นข้อมูลของนักโทษที่ถูกพิจารณาคดีเสร็จสิ้นแล้ว” รองหัวหน้าผู้คุมเจิ้งเจียงพยักหน้าด้วยความประจบเอาใจ “นายท่านต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่? ข้าน้อยยินดีรับใช้เต็มที่ขอรับ”
บัดนี้ เจิ้งเจียงยอมรับชะตากรรมของตนเองโดยสมบูรณ์
เมื่อต้องเปลี่ยนเจ้านายคนใหม่ เขาก็อยากทำให้ชีวิตของตนเองดีขึ้นกว่าเดิม
ครั้งหนึ่ง เจิ้งเจียงแทบไม่ต้องหวาดกลัวผู้ใดในหน่วยสืบสวนพิเศษแห่งนี้ แต่บัดนี้ เขากลับต้องพยายามประจบเอาใจเด็กหนุ่มชุดขาวเพื่อความอยู่รอดของตนเอง นั่นเป็นเพราะเหตุใด?
นั่นเป็นเพราะเขาเลือกรับใช้คนผิด
บัดนี้ เจิ้งเจียงมีโอกาสได้เลือกเจ้านายคนใหม่อีกครั้ง
และนี่ก็อาจจะเป็นโอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาลก็เป็นได้
อีกอย่าง เซียนกระบี่นักล่าหัวหลินเป่ยเฉินมีบุคลิกไม่เหมือนผู้ใด เจิ้งเจียงเคยได้ยินชื่อเสียงของเด็กหนุ่มผู้นี้มานานแล้ว และเมื่อได้มาพบเห็นตัวจริงในวันนี้ เจิ้งเจียงก็พบว่าหลินเป่ยเฉินนั้นดุดันก้าวร้าวมากกว่าในเรื่องเล่าขานหลายเท่า
เจิ้งเจียงตัดสินใจที่จะเดิมพัน
หลินเป่ยเฉินถึงกับกล้าเข้ามาอาละวาดในคุกใต้ดินของหน่วยสืบสวนพิเศษ แสดงว่าต้องมีผู้หนุนหลังที่ไม่ธรรมดา หรือมิเช่นนั้น… หลินเป่ยเฉินก็คงเสียสติไปแล้ว
“ว่าไงนะ? เจ้าอยากทำงานให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองเจิ้งเจียงเขม็ง
เจิ้งเจียงรีบพยักหน้าและก้มศีรษะตอบว่า “นายท่านได้โปรดให้โอกาสข้าน้อยด้วย”
“งั้นก็เก็บกวาดที่นี่ซะ” หลินเป่ยเฉินหันไปมองกองเลือดและซากศพในห้องทรมานก่อนกล่าวว่า “ทำความสะอาดให้หมด บรรยากาศน่าขนลุกชะมัด”
ทุกคนถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เจิ้งเจียงก็ไม่ได้พูดคำใดออกมาและรีบสั่งให้ผู้ติดตามของตนเองทำความสะอาดห้องทรมานหมายเลข 28 โดยทันที และเขาถึงกับสั่งให้คนนำเตียงไม้สองหลังมาตั้งให้เฟิงเสี่ยวไป๋กับฉินโมเหยียนได้นอนหลับอย่างสะดวกสบายมากขึ้นอีกด้วย
เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว เจิ้งเจียงก็เดินมาโค้งตัวอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินพลางถามว่า “นายท่านต้องการสิ่งใดอีกไหมขอรับ?”
“สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ คนภายนอกรู้แล้วหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินถามเสียงเรียบ
เจิ้งเจียงตัวสั่นเทาด้วยความตื่นตระหนก และรีบปฏิเสธว่า “นายท่าน ข้าน้อยไม่เกี่ยวนะขอรับ…”
“ไม่ต้องกล่าววาจาเหลวไหล”
หลินเป่ยเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย “แค่ตอบมาว่าใช่หรือไม่ก็พอ”
“คนภายนอกรู้แล้วขอรับ และความวุ่นวายในคุกใต้ดินของหน่วยสืบสวนพิเศษในครั้งนี้มีพยานรู้เห็นมากมาย…” เจิ้งเจียงกล่าวด้วยความรู้สึกผิด “แต่นายท่านได้โปรดวางใจ บัดนี้มีข่าวลือหลายทิศทาง มันอาจจะไปไม่ถึงหูหลินซิงเฉิงก็เป็นได้ขอรับ”
“เป็นไปได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ “เจ้ารีบกระจายข่าวออกไปให้เร็วที่สุด ทำให้ทุกคนรู้ว่าข้านี่แหละเป็นผู้สังหารเฟิงจงหลิงกับหูจงเซียน ข้าอยากจะทำให้เรื่องนี้รู้ไปถึงหูของหลินซิงเฉิงโดยเร็วที่สุด”
เจิ้งเจียงหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง
เพราะเหตุใดหลินเป่ยเฉินถึงอยากให้หลินซิงเฉิงรู้เรื่องนี้นักหนา?
อย่าบอกนะว่า…
เจิ้งเจียงถึงกับตกตะลึงไปแล้ว
เซียนกระบี่นักล่าหัวหลินเป่ยเฉินตั้งใจมาที่นี่เพื่อก่อกวนหลินซิงเฉิงตั้งแต่แรก?
มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
เจิ้งเจียงสลัดความตกตะลึงและรีบกล่าวด้วยความกระตือรือร้นว่า “นายท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้าน้อยจะจัดการเรื่องนี้ให้เป็นอย่างดี…”
หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวก็ได้รับการแพร่กระจายออกไป
หลินเป่ยเฉินชี้มือไปที่หีบเหล็กซึ่งตั้งอยู่เบื้องหน้าและกล่าวโดยไม่ลังเลว่า “พาตัวนักโทษที่อยู่ในรายชื่อเหล่านี้มาให้หมด ข้าอยากจะพิจารณาคดีพวกเขาใหม่ทีละคน”
“รับทราบขอรับ ข้าน้อยจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้”
เจิ้งเจียงนับเป็นคนที่ฉลาดเฉลียวและไม่มีทางตั้งคำถามในสิ่งที่ตนเองไม่สมควรสงสัยเด็ดขาด
แต่ทันใดนั้น ปี๋อวิ่นเถาก็ส่งเสียงแทรกขึ้นมาในที่สุด
เขาถามด้วยสีหน้าสับสนว่า “แม่ทัพหลิน… ท่านต้องการจะทำอะไรกันแน่?”
“ทำสิ่งที่ท่านอยากจะทำ แต่ไม่กล้าทำ” หลินเป่ยเฉินหันกลับมาสบสายตาปี๋อวิ่นเถา “คนอย่างท่านเหมาะสมกับการทำงานในสถานการณ์ปกติ แต่ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต ท่านไม่เหมาะสมต่อการทำงานเป็นที่สุด…”
สุดท้าย สายตาของเด็กหนุ่มก็จับจ้องอยู่ที่กระบี่ซึ่งห้อยอยู่ข้างเอวปี๋อวิ่นเถา “ไม่ทราบว่าฝีมือกระบี่ของท่านอยู่ในระดับใด?”
ปี๋อวิ่นเถาขยับมือมาจับด้ามจับกระบี่โดยไม่รู้ตัว และตอบคำถามด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ภายในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีผู้ใดสามารถรับกระบี่ของข้าได้”
หลินเป่ยเฉินเห็นความภาคภูมิใจนั้นก็ต้องรีบถามโดยทันที “ฝีมือกระบี่ของท่านแข็งแกร่งกว่าวิชาปราณกระบี่คงกระพันของข้าอีกหรือ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าปี๋อวิ่นเถาสลายหายไปอย่างช้า ๆ
ย่อมเทียบไม่ได้อยู่แล้ว
ให้ตายเถอะ!
ปี๋อวิ่นเถาอยากสบถคำหยาบออกมา
หลินเป่ยเฉินหัวเราะคิกคักด้วยความขบขัน
อย่ามาทำเก่งต่อหน้าข้าเป็นอันขาด
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นปะปนมากับเสียงโซ่ตรวนที่ลากพื้นศิลา
รองหัวหน้าผู้คุมเจิ้งเจียงนำตัวนักโทษคนแรกเข้ามาสู่ห้องทรมานหมายเลข 28
“นายท่าน นักโทษผู้นี้มีนามว่าหวังจิง”
เจิ้งเจียงกล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพ
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่หวังจิง
คนผู้นี้มีร่างกายสูงใหญ่ไว้หนวดเครารุงรัง ตัดผมสั้นติดหนังศีรษะ ร่างกายบึกบึนไม่ต่างจากลิงกอริลล่า สวมใส่ชุดนักโทษเก่าขาด ตามเนื้อตัวมีแต่คราบเลือดแห้งกรัง
เมื่อเห็นคนผู้นี้แล้ว หลินเป่ยเฉินก็ให้นึกถึงบุคลิกคนอย่างเฟิงเสี่ยวไป๋ขึ้นมาทันที
หวังจิงคงฝึกฝนวิชาที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายโดยเฉพาะ
แววตาของหวังจิงไม่ต่างไปจากแววตาหมาป่าเดียวดาย