เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1721 การพิจารณาคดี
ตอนที่ 1,721 การพิจารณาคดี
ต่อให้ถูกจับตัวล่ามโซ่ตรวน นายทหารผู้นี้ก็ยังดูมีสง่าราศีและจ้องมองหลินเป่ยเฉินอย่างไม่กลัวเกรงแม้แต่น้อย
หลินเป่ยเฉินอ่านประวัติของหวังจิงในเอกสารนักโทษ
คนผู้นี้เคยเป็นแม่ทัพระดับสูงในกองทัพเฟิงเจี้ยน ทำงานรับใช้ราชวงศ์เทียนหลางเซิน ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวในสนามรบ ปัจจุบันมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิตอนปลาย นับเป็นนายทหารที่มีอนาคตไกลผู้หนึ่ง
แต่ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใดเมื่อสองเดือนที่แล้ว หวังจิงจึงได้ทำการสังหารผู้บังคับบัญชาของตนเองนามว่าม่อเหยียนชิว หวังจิงจึงถูกจับกุมโดยหน่วยสืบสวนพิเศษระหว่างการหลบหนี เมื่อถูกจับกุมตัว หวังจิงก็ยอมรับผิดโดยไม่ต้องไต่สวนคดี โทษของเขาคือการประหารชีวิต คดีฆาตกรรมครั้งนี้จึงปิดลงแล้ว เหลือเพียงรอวันรับโทษประหารเท่านั้น
ส่วนเหตุผลที่ต้องประหารชีวิตนั้น ในเอกสารไม่ได้ระบุเอาไว้แน่ชัด
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมาสแกนร่างของหวังจิง เมื่อได้ยินเสียงติ๊งดังขึ้น การสแกนก็สำเร็จลงด้วยดี ในไม่ช้าข้อมูลจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์
“หวังจิง?”
หลินเป่ยเฉินถาม “เจ้าอยากออกไปจากคุกแห่งนี้หรือไม่?”
หวังจิงหัวเราะเยาะเย้ยหยัน ตอบด้วยน้ำเสียงยานคาง “ไม่อยากไป”
เพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนบางประการ
“หากเจ้ามีโอกาสได้ออกจากคุกใต้ดินแห่งนี้เพื่อกลับคืนสู่สนามรบไปต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจ เจ้าจะยินดีรับโอกาสนั้นหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หวังจิงหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ท่านเป็นผู้ใด?” เขาจ้องมองหลินเป่ยเฉิน น้ำเสียงมีความตื่นเต้นมากขึ้น “ท่านเป็นหัวหน้าผู้คุมคนใหม่หรือ? ท่านมียศตำแหน่งใดกันแน่?”
“ข้ากำลังถามเจ้า เจ้าต้องการหวนคืนสู่สนามรบหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินเพิ่มน้ำหนักเสียงของตนเองขึ้นมาเล็กน้อย
หวังจิงมองหน้าหลินเป่ยเฉิน ผ่านไปอึดใจใหญ่ สุดท้ายเขาก็กัดฟันตอบออกมา
“ย่อมต้องการ”
“ประเสริฐ”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองที่เจิ้งเจียงและกล่าวว่า “ปล่อยตัวเขา”
เจิ้งเจียงมีสีหน้าลังเลใจเล็กน้อย และอดย้ำเตือนขึ้นมาไม่ได้ว่า “นายท่าน นักโทษผู้นี้มีพลังกล้าแข็ง อีกทั้งยังนิยมความรุนแรง ในอดีตยังเคยฆ่าผู้บังคับบัญชาของตนเองมาแล้ว…”
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเจิ้งเจียง “นี่เจ้ากำลังสั่งสอนข้าอยู่หรือ?”
เจิ้งเจียงหยุดชะงัก ไม่กล้าพูดคำใดออกมาอีก
ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา เขาไม่ควรพูดมากเกินความจำเป็น
เจิ้งเจียงก้าวเดินเข้าไปหาหวังจิงและไขกุญแจปลดโซ่ตรวนที่พันธนาการร่างกาย พลังยุทธ์ของหวังจิงจึงกลับคืนมาอีกครั้ง
นายทหารร่างใหญ่บิดข้อมือโคจรพลังปราณและจ้องมองหลินเป่ยเฉินพร้อมกับถามด้วยความสงสัย “ท่านเป็นใครกันแน่?”
เขาจำเจิ้งเจียงได้ และรู้ว่าเจิ้งเจียงมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าผู้คุม ทว่าเจิ้งเจียงกลับแสดงความเคารพต่อเด็กหนุ่มชุดขาวเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นหวังจิงจึงไม่ทราบเลยว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใครกันแน่
“ไปยืนรอที่ด้านข้าง เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้”
หลินเป่ยเฉินตอบเสียงเรียบ
“แต่ข้าอยากจะรู้เดี๋ยวนี้” หวังจิงระเบิดเสียงหัวเราะและพุ่งตัวด้วยความเร็วสายฟ้าฟาด เพียงพริบตาเดียวก็เข้าประชิดตัวหลินเป่ยเฉิน กำลังจะเอื้อมมือมาตะปบที่ลำคอของเด็กหนุ่ม
แนวทางการฝึกวิชาของหวังจิงเน้นที่การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นพื้นฐาน การโจมตีของเขาจึงหนักหน่วงมากกว่าผู้คนทั่วไป มวลอากาศในห้องทรมานเกิดความปั่นป่วน เช่นเดียวกับพลังกดดันที่โถมทับใส่ทุกผู้คน
“แย่แล้ว…”
เจิ้งเจียงตกตะลึง แต่ก็สายเกินไปที่จะขัดขวาง
แต่จังหวะนั้น หลินเป่ยเฉินผู้นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้เพียงยกมือซ้ายขึ้นมาแผ่วเบา แล้วฝ่ามือของเขาก็กระแทกเข้าใส่ฝ่ามือของหวังจิง
ตู้ม!
คลื่นพลังแผ่กระจายไปทั่วห้องทรมาน
กร๊อบ!
ได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก
หวังจิงเพียงรู้สึกเจ็บปวดที่แขนของตนเอง และเขาก็ไม่สามารถยกมือได้อีกแล้ว ตัวคนเซถลาถอยหลัง บนพื้นปรากฏรอยเท้าฝังลึกลงไปในพื้นหิน
เขาจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความเหลือเชื่อ
เพราะเด็กหนุ่มไม่ได้ใช้พลังปราณแม้แต่น้อย
นี่เป็นเพียงการโจมตีด้วยความแข็งแรงของร่างกายเท่านั้น
เป็นไปได้อย่างไร?
หวังจิงจ้องมองไปที่แขนซ้ายของหลินเป่ยเฉิน
แข็งแกร่ง!!
แขนซ้ายมีความหนาและมีขนาดใหญ่มากกว่าแขนขวาอย่างเห็นได้ชัด แต่มันกลับไม่ได้ใหญ่โตเสียจนน่ากลัวผิดปกติอันใด
“ข้าขอแนะนำให้เจ้าประพฤติตัวดี ๆ ดีกว่า”
หลินเป่ยเฉินนั่งลงอย่างช้า ๆ ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ขณะจ้องมองหวังจิงและกล่าวเน้นย้ำทีละคำ “อย่าได้คิดทดสอบความอดทนของข้าอีก ข้ามอบอิสรภาพให้เจ้าได้ ข้าก็มอบความตายให้เจ้าได้เช่นกัน”
หัวใจของหวังจิงกระตุกวูบ และตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ใช่ผู้คนธรรมดาอีกแล้ว
“แต่ท่านต้องบอกชื่อของท่านออกมาก่อน” หวังจิงยังคงกัดฟันด้วยความดื้อรั้น
หลินเป่ยเฉินหันไปมองหน้าเจิ้งเจียง
เจิ้งเจียงรู้หน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดี
“บอกแล้วเจ้าอย่าตกใจก็แล้วกัน นายท่านผู้นี้คือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเซียนกระบี่ และเป็นยอดฝีมือผู้ได้รับฉายาว่าเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉิน นอกจากนั้น นายท่านยังเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามที่สุดในอาณาจักรซือเว่ย…”
เจิ้งเจียงต้องการจะกล่าวเยินยอหลินเป่ยเฉินอีกชุดใหญ่
“ว่าไงนะ?”
แต่หวังจิงก็ชิงขัดจังหวะขึ้นเสียก่อนด้วยความประหลาดใจ “ท่านคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเซียนกระบี่อย่างนั้นหรือ? ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของกองทัพเซียนกระบี่มานานแล้ว ไม่ทราบว่าข่าวลือที่บอกว่ากองทัพเซียนกระบี่เป็นเพียงผู้เดียวที่กล้ายืนหยัดต่อกรกับกองทัพปีศาจและกองทัพเผ่าพันธุ์อสูรนั้นเป็นความจริงหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเฉยเมย
หวังจิงลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ขยับไปยืนอยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟัง แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดพูดออกมาไม่ได้อีกว่า “หากท่านและกองทัพของท่านแข็งแกร่งสมคำเล่าลือ ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะเชื่อฟังท่านทุกประการ ข้าจะเป็นผู้รับใช้ติดตามท่านไปจนวันตาย…”
หลินเป่ยเฉินยังคงทำเป็นไม่สนใจ
แต่ในหัวใจกำลังลิงโลดเป็นอย่างยิ่ง
คิดไม่ถึงเลยว่าชื่อเสียงที่โด่งดังของเขาจะทำให้หวังจิงผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิตอนปลายยอมสยบง่ายดายถึงเพียงนี้
กลยุทธ์การปล่อยข่าวลือของหวังจงช่างเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
ในไม่ช้า นักโทษคนที่สองก็ถูกพาตัวเข้ามาสู่ห้องทรมาน
“นายท่านขอรับ นักโทษผู้นี้มีนามว่าฮั่วจิงเหลียง”
เจิ้งเจียงรายงาน
หลินเป่ยเฉินมองหน้าบุรุษหนุ่มในชุดเสื้อคลุมหรูหราสะอาดสะอ้าน
นักโทษผู้นี้ไม่ได้สวมใส่โซ่ตรวน ไม่มีบาดแผลบนร่างกาย บนเสื้อผ้าไม่มีคราบเลือด ใบหน้ายังคงสดชื่นแจ่มใส เมื่อเทียบสภาพกับหวังจิง บุรุษหนุ่มผู้นี้ก็ไม่เหมือนนักโทษแม้แต่น้อย แต่เหมือนคนที่มาเยี่ยมนักโทษในเรือนจำมากกว่า
“เจ้าเป็นผู้ใด? เจ้าเรียกข้ามาทำไม? ข้าอุตส่าห์ทนอยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดตามมา? ยังไม่รีบปล่อยตัวข้าไปอีก...”
ฮั่วจิงเหลียงระเบิดเสียงคำรามด้วยความยโสโอหัง
หลินเป่ยเฉินอ่านเอกสารของนักโทษผู้นี้เสร็จสิ้นพอดี
ฮั่วจิงเหลียงเป็นบุตรชายของฮั่วจิ่วจิน รองผู้ควบคุมหน่วยสืบสวนพิเศษ และถือเป็นคุณชายชื่อดังคนหนึ่งประจำเมืองเทียนหลางซิง
สามวันก่อน เพราะ ‘ความเข้าใจผิดบางประการ’ เด็กสาวผู้มีนามว่าหยวนหร่วนและพ่อแม่พี่น้องของนางอีกห้าคนล้วนถูกฆ่าตายหมดสิ้นด้วยฝีมือของฮั่วจิงเหลียง บุรุษหนุ่มจึงถูกบิดาของตนเองจับตัวส่งเข้ามาคุมขังในเรือนจำเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตระกูลฮั่ว
หลินเป่ยเฉินยกโทรศัพท์มือถือขึ้นสแกนร่างกายของฮั่วจิงเหลียงอย่างไม่รอช้า