เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1729 ขยายร่าง
ตอนที่ 1,729 ขยายร่าง
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเชื่อ
นี่มันความสามารถประเภทไหนกันเนี่ย?
ถังเฟยสามารถแยกร่างได้อย่างนั้นหรือ?
“ทีนี้เจ้าคงเข้าใจแล้วสินะ ข้าไม่มีวันตาย… อย่างน้อยเจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้”
ถังเฟยหลายสิบชีวิตพูดขึ้นมาพร้อมกันก่อนจะรุมเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินอย่างพร้อมเพรียง
หลินเป่ยเฉินหยุดยืนนิ่ง
จากนั้นก็เกิดความคิดแปลกประหลาด
ร่างแยกของถังเฟยแต่ละร่างนั้นต่างก็มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิ
ตามกฎของการฝึกยุทธ์ คนหนึ่งคนเมื่อทำการแยกร่าง มวลพลังในร่างกายก็ไม่สามารถย้ายไปอยู่ในร่างใหม่ได้
หากเป็นมนุษย์ทั่วไปก็ไม่มีทางทำได้เด็ดขาด
หรือนี่จะเป็นความพิเศษของผู้ที่ฝึกวิชาตามสายเลือดปีศาจ?
หลินเป่ยเฉินเหนี่ยวไกยิงอย่างต่อเนื่อง
ถังเฟยถูกระเบิดศีรษะกระจายไปคนแล้วคนเล่า
แต่เขาก็ยังไม่ตายอยู่ดี
ถังเฟยไม่ต่างจากเทอร์มิเนเตอร์ที่เมื่อกลายเป็นโลหะหลอมเหลวก็สามารถฟื้นฟูกลับขึ้นมาใหม่ได้เสมอ
ในที่สุด กระสุนปืน AK47 ก็หมดเกลี้ยง
หลินเป่ยเฉินชักกระบี่ออกมา
พลั่ก! พลั่ก!
เขาถูกต่อยเข้าไปหลายหมัด
ตัวคนโซเซ
“ผู้ฝึกวิชาตามสายเลือดปีศาจนับว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ เราคงต้องรีบคิดหาวิธีจัดการให้ได้…”
หลินเป่ยเฉินกำชับกับตนเองในใจและเริ่มวางแผนโจมตีกลับ
แต่ทันใดนั้น…
“เจ้า… ทำไมเจ้าถึง… นี่มันพิษปีศาจกรีดหัวใจ เจ้ามันร้ายกาจเกินไปแล้ว”
บรรดาร่างแยกและร่างแท้จริงของถังเฟยพร้อมใจกันซวนเซถอยหลัง
ร่างกายของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว
โลหิตที่กลายเป็นสีเขียวไหลทะลักออกปากและจมูก
“เอายาถอนพิษมาให้ข้า รีบเอายาถอนพิษมาให้ข้าเดี๋ยวนี้…”
ถังเฟยหลายสิบร่างร้องตะโกนออกมาพร้อมกันก่อนจะล้มลงไปชักทุรนทุรายอยู่บนพื้น
หลินเป่ยเฉินตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาในที่สุด
วิธีนี้ได้ผลฮะ
ถังเฟยถูกวางยาพิษตายไปแล้ว
แต่นี่ไม่ใช่ยาพิษของหลินเป่ยเฉิน
มันเป็นยาพิษของลั่วหนานต่างหาก
เนื่องจากว่าบนร่างกายของหลินเป่ยเฉินยังคงมีพิษจากผงพิษเขียวตกค้างอยู่ส่วนหนึ่ง และถังเฟยก็เข้ามาใกล้ชิดเขาระหว่างการต่อสู้จึงสูดดมผงพิษเหล่านั้นเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อรู้คำตอบทั้งหมด หลินเป่ยเฉินก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
ช่างโชคดีอะไรขนาดนี้
หลินเป่ยเฉินก้มหน้ามองร่างกายของตนเอง
ตามเนื้อตัวของเขายังคงมีผงพิษเขียวเกาะอยู่เป็นจำนวนมากจริง ๆ
แต่มันเป็นผงพิษที่แทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเจ็บใจเล็กน้อย
การต่อสู้ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้ฝีมือของตนเองเลย
นี่เขากลายเป็นผู้ใช้พิษไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
นับจากนี้ไป ไม่ว่ามีผู้ใดเข้ามาใกล้ชิดเขา คนผู้นั้นก็จะต้องตายโดยทันที
หากเป็นเช่นนี้ แล้วเขาจะขึ้นเตียงกับผู้อื่นได้อย่างไร?
คงต้องรีบคิดหาวิธีแก้ไขปัญหานี้เสียแล้ว หลินเป่ยเฉินจะปล่อยให้ตนเองกลายเป็นผู้ใช้พิษไม่ได้เด็ดขาด
หลินเป่ยเฉินนั่งย่อกายสำรวจซากศพของถังเฟยด้วยความเร่งรีบ
เขาได้พบเงินสกุลตำลึงเงินและตำลึงทองส่วนหนึ่ง เช่นเดียวกับอาวุธและคัมภีร์ฝึกวิชาต่าง ๆ
ฟู่!
ระเบิดควันถูกโยนออกไป
หลินเป่ยเฉินนั่งซ่อนตัวอยู่ในควันขาวและเริ่มต้นดูดซับพลังจากซากศพของถังเฟย
กระแสพลังร้อนผ่าวไหลทะลักเข้าสู่ฝ่ามือของเขาและไหลเวียนขึ้นมาเก็บอยู่ที่ช่วงแขน
หลังจากนั้น
แขนซ้ายของหลินเป่ยเฉินก็กลายเป็นสีแดงสด
“พลังปราณของผู้ใช้สายเลือดปีศาจ แตกต่างจากพลังปราณของผู้ใช้สายเลือดอื่น ๆ ดูเหมือนว่ามันจะมีสรรพคุณในการเยียวยาอาการบาดเจ็บสินะ…”
หลินเป่ยเฉินคิดขณะเดินออกจากชั้นแปด
ผู้เฝ้าประตูที่ชั้นเก้าทำให้หลินเป่ยเฉินผิดหวังเพราะคู่ต่อสู้ไม่ใช่ผู้ใช้สายเลือดนักท่องกาลเวลาอย่างที่คิด
แต่เป็นผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพัน
หลินเป่ยเฉินไม่ต้องเหนื่อยแรงมากนัก
ระเบิดควันถูกใช้งานอีกครั้ง หลินเป่ยเฉินนั่งยอง ๆ ในกลุ่มหมอกควันและเริ่มต้น ‘ดูดกลืน’ พลัง
พลังปราณของผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพันถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นความแข็งแกร่งของมวลกล้ามเนื้อในร่างกายหลินเป่ยเฉินโดยทันที
หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ ร่างกายของหลินเป่ยเฉินก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นอีกครั้ง
ขณะนี้ เขามีความสูงถึงสองร้อยห้าสิบเซนติเมตร ไม่ว่าจะเป็นความกว้างของช่วงไหล่ ความกว้างของแผ่นหลัง ขนาดของกล้ามเนื้อแขนและขา ต่างก็เรียกว่าเป็นร่างกายของยักษ์ใหญ่ได้อย่างไม่เคอะเขิน มวลกล้ามเนื้อของเขาก็ขยายขนาดขึ้นเช่นกัน ความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น อวัยวะทุกส่วนเพิ่มขนาดขึ้นตามอัตราส่วนที่เหมาะสม…
“ยิ่งเราตัวใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”
หลินเป่ยเฉินสวมใส่ชุดเกราะชุดใหม่และรู้สึกว่าตนเองแทบไม่ต่างไปจากเทพเจ้า
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงเลยก็คือผู้เฝ้าประตูชั้นที่สิบถึงชั้นที่ยี่สิบเอ็ดนั้น ต่างก็เป็นผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพันทั้งสิ้น
หลังจัดการศัตรูเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็ยังคงดูดกลืนพลังต่อไป
เมื่อเด็กหนุ่มเดินออกมาจากชั้นที่ยี่สิบเอ็ด เขาก็มีร่างกายที่สูงมากกว่าหกเมตร นิ้วมือเพียงนิ้วเดียวก็มีความหนาเท่ากับเอวมนุษย์ผู้หนึ่งแล้ว มวลกล้ามเนื้อมีความแข็งแกร่งในชนิดที่หาคำอธิบายไม่ได้
ความแข็งแกร่งของหลินเป่ยเฉินในขณะนี้ทำให้เขาสามารถตบจอมเทพจักรพรรดิระดับ 5 ตายได้ในฝ่ามือเดียว
“นี่เรายังเป็นคนอยู่หรือเปล่าวะเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินเดินขึ้นบันไดด้วยสีหน้าสับสน
เขาต้องหาวิธีกลับคืนร่างเดิมให้ได้
มิเช่นนั้น หากเขามีร่างกายใหญ่โตเช่นนี้ต่อไป แล้วจะมีผู้ใดยอมร่วมหลับนอนกับเขาอีก
เดี๋ยวก่อนนะ?
ก็ไม่เชิงเสียทีเดียว
ปีศาจหญิงเฉาคงก็มีร่างกายใหญ่ยักษ์ไม่ต่างจากเขาเช่นกัน คำนวณดูด้วยสายตาคร่าว ๆ นางน่าจะมีความสูงไม่ต่ำกว่าสี่เมตร
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็ได้เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดผู้ที่มีขั้นพลังระดับจอมจักรพรรดิอย่างปีศาจหญิงเฉาคง สุยหลิวกวง และคนอื่น ๆ จึงมีร่างกายใหญ่โตผิดปกติ ปรากฏว่าที่พวกเขามีร่างกายขยายใหญ่ขึ้นนั้นเป็นเพราะการฝึกวิชาตามสายเลือดผู้คงกระพันนั่นเอง
หลินเป่ยเฉินเข้าใจว่าตนเองก็น่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
“ถึงร่างกายของเราจะแข็งแกร่ง แต่พลังภายในร่างกายก็ยังอยู่แค่ขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 5 อยู่ดี คงต้องรีบหาทางแก้ไขตรงจุดนี้ด้วยเหมือนกัน”
หลินเป่ยเฉินคิดระหว่างเดินไปข้างหน้า
ว่าแต่เขาจะฝึกวิชาตามแนวทางสายเลือดผู้คงกระพันจริง ๆ หรือ?
ในเวลาเดียวกันนี้ เด็กหนุ่มเกิดอีกหนึ่งคำถามขึ้นในใจ
หลินซิงเฉิงเป็นถึงรองผู้คุมสภาแห่งอาณาจักรซือเว่ย ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ตัวโง่งมอยู่แล้ว ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ผลการต่อสู้ตลอดยี่สิบเอ็ดชั้นที่ผ่านมา… และหลินเป่ยเฉินก็เชื่อว่าหลินซิงเฉิงคงจะต้องเฝ้าติดตามการต่อสู้ของเขาอย่างใกล้ชิดทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ คำถามใหญ่จึงเกิดขึ้น
ในเมื่อหลินซิงเฉิงรู้ดีว่าผู้เฝ้าประตูไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเป่ยเฉิน แล้วทำไมหลินซิงเฉิงจึงยังส่งคำเชิญให้เขาเข้ามาที่นี่อีก?
เหตุไฉนหลินซิงเฉิงจึงต้องกวักมือเรียกมัจจุราชให้มาหาตนเองด้วย?