เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1730 อภิมหาสุดยอดแห่งความแข็งแกร่ง
ตอนที่ 1,730 อภิมหาสุดยอดแห่งความแข็งแกร่ง
ไม่ว่าอยู่ในกลุ่มกองกำลังใด ผู้ที่มีพลังขั้นจอมเทพจักรพรรดิก็มักจะถูกจัดเป็นยอดฝีมืออันดับสูงเสมอ
แล้วเหตุไฉนหลินซิงเฉิงจึงต้องส่งคนเหล่านี้ออกมาตายด้วย?
คำถามนี้เกิดขึ้นในหัวใจขณะหลินเป่ยเฉินเดินมาถึงชั้นที่ยี่สิบสองพอดี
ในที่สุด สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้ว
ผู้เฝ้าประตูเป็นจอมเทพจักรพรรดิระดับ 1 และเป็นผู้ฝึกวิชาตามสายเลือดผู้ใช้ค่ายกล
เมื่อมีแอปไป่ตู้ แมปอยู่ในมือ ค่ายกลภายในค่ายอาคมที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นมาจึงไม่สามารถทำอะไรหลินเป่ยเฉินได้เลย แต่สุดท้าย เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ฆ่าผู้เฝ้าประตูประจำชั้นนี้ซึ่งเป็นหญิงวัยสี่สิบปี… เพราะจากการสแกนข้อมูลด้วยโทรศัพท์มือถือ หลินเป่ยเฉินจึงได้รับทราบว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนชั่วช้าอันใด
ผู้เฝ้าประตูประจำชั้นที่ยี่สิบสามถึงชั้นที่ยี่สิบหกเป็นผู้ฝึกวิชาตามสายเลือดนักพฤกษา สายเลือดผู้ใช้วายุ สายเลือดผู้ใช้แสงสว่าง และสายเลือดผู้คงกระพันตามลำดับ
ซึ่งหลินเป่ยเฉินสามารถจัดการได้ง่ายดายยิ่ง
เขาแทบไม่ต้องใช้พลังปราณด้วยซ้ำ เพียงใช้พละกำลังตามปกติ หลินเป่ยเฉินก็สามารถล้มคู่ต่อสู้ได้โดยไม่ยากเย็น
“นี่มันจะง่ายเกินไปไหมเนี่ย…”
แววตาของหลินเป่ยเฉินเริ่มทอประกายสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาไม่เข้าใจความคิดของหลินซิงเฉิงเลยสักนิด
หรือว่าท่านรองผู้คุมสภาตั้งใจส่งผู้เฝ้าประตูเหล่านี้มาถ่วงเวลา?
ไม่น่าใช่
เพราะหลินซิงเฉิงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย
หลินซิงเฉิงไม่ต้องใช้เวลาในการหลบหนีด้วยซ้ำ
…
“ความสามารถพิเศษของผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ก็คือสามารถดูดกลืนพลังของคู่ต่อสู้ได้สินะ…”
“หรือว่าหลินเป่ยเฉินจะฝึกวิชาตามสายเลือดผู้กลืนกิน…”
“แต่ความแข็งแกร่งของเขาเกินขีดจำกัดของสายเลือดผู้กลืนกินไปมากแล้ว…”
“แม้แต่วิชาลับของนักพฤกษาก็ยังหยุดหลินเป่ยเฉินไม่ได้ นี่แสดงให้เห็นว่าเขามีพลังเกินกว่าขั้นจอมเทพจักรพรรดิระดับ 5 ไปแล้ว…”
“อาวุธเล่นแร่แปรธาตุระดับ 30 ก็ยังทำอะไรหลินเป่ยเฉินไม่ได้”
“คำสาประดับที่ 24 ก็ทำอะไรหลินเป่ยเฉินไม่ได้เช่นกัน…”
“แต่หลินเป่ยเฉินก็ยังคงมีจุดอ่อน…”
“ไม่ฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ? ฮ่า ๆๆ ช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
“งั้นข้าจะเปิดโอกาสให้เจ้าได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ อย่าทำให้ข้าผิดหวังก็แล้วกัน”
สีหน้าของหลินซิงเฉิงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
เขาแอบกระซิบและออกคำสั่งอีกครั้ง
…
ผู้เฝ้าประตูประจำชั้นที่ยี่สิบเจ็ดจนถึงชั้นที่สามสิบสองเป็นผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพันอีกครั้ง
แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังปราณเพียงขั้นจอมเทพจักรพรรดิระดับ 2 แต่ร่างกายกลับมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากสแกนข้อมูลของคู่ต่อสู้ หลินเป่ยเฉินก็จัดการระเบิดศีรษะอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลและกลืนกินพลังทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
นั่นทำให้ในขณะนี้ เด็กหนุ่มมีร่างกายขยายใหญ่เกือบสิบสามเมตรแล้ว
กล้ามเนื้อบนร่างกายของหลินเป่ยเฉินแทบจะกลายเป็นเนินเขาขนาดย่อม
ผมสีดำของเขายุ่งเหยิง โลหิตไหลเวียนด้วยความบ้าคลั่ง
เวลาที่หลินเป่ยเฉินหายใจเข้าออก มวลอากาศก็จะเกิดการปั่นป่วน ยามที่เขาโบกมือ สายลมก็จะกระพือพัด
พละกำลังเพิ่มมากขึ้น อานุภาพในการโจมตีก็เพิ่มมากขึ้น
หากไม่ใช่เพราะว่าตึกเฉิงซินมีค่ายอาคมคุ้มกันอย่างแน่นหนา เกรงว่าป่านนี้ตึกทั้งหลังคงถล่มไปเพราะหลินเป่ยเฉินเรียบร้อยแล้ว
เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงมวลพลังที่ไหลเวียนในร่างกาย
อีกเพียงนิดเดียวเขาก็จะเลื่อนขั้นในวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณได้สำเร็จอีกครั้ง
อีกเพียงนิดเดียว หลินเป่ยเฉินก็มั่นใจว่าตนเองจะสามารถเลื่อนขึ้นสู่ขั้นที่สี่ในวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณได้สำเร็จ
นี่คืออภิมหาสุดยอดแห่งความแข็งแกร่ง
ตึง!
ตึง! ตึง!
เสียงฝีเท้าย่ำเดินด้วยความหนักหน่วง ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็เปิดประตูเข้าสู่ชั้นที่สามสิบสาม
ด้านหลังประตูเป็นห้องที่มีหลังคากระจก แต่กลับสามารถกรองแสงได้เป็นอย่างดี บรรยากาศภายในจึงร่มรื่นและสว่างไสวในเวลาเดียวกัน
นี่คือห้องประจำตำแหน่งของรองผู้คุมสภาหลินซิงเฉิง
ห้องทำงานแห่งนี้มีอาณาเขตกว้างขวาง ปูพื้นด้วยพรมสีแดงสด และยังมีการเปิดใช้งานค่ายอาคมที่สร้างประกายระยิบระยับบนพื้นพรมเอาไว้อีกด้วย
เบื้องหลังโต๊ะทองเหลืองขนาดใหญ่ หลินซิงเฉิงกำลังนั่งถือจอกสุราอยู่ในเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ไม่ต่างไปจากบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิ เขาหมุนวนข้อมือเล็กน้อย สีหน้าสงบสุขุม การเคลื่อนไหวมีความงดงามและแสดงออกให้เห็นถึงความมั่นใจในตนเอง
หลินซิงเฉิงจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉิน
ในดวงตาเป็นประกายแห่งความยินดี เสมือนได้ค้นพบงานศิลปะชิ้นใหม่ที่ตนเองควรสะสม
“น่าประทับใจ”
หลินซิงเฉิงถอนหายใจและกล่าวเสียงเรียบ “เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจได้จริง ๆ แม้ว่าจะต้องเปลี่ยนแผนเล็กน้อย แต่เจ้าก็เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถบุกขึ้นมาได้ถึงขั้นนี้ สมแล้วที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ นับว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งเกินกว่าผู้คนปกติหลายเท่า”
หลินเป่ยเฉินกวาดสายตามองรอบห้องทำงาน
เขาไม่เห็นพวกของหลิงไท่ซือแม้แต่เงา
“คนอยู่ที่ใด?”
เด็กหนุ่มถาม
มวลอากาศในห้องทำงานปั่นป่วนขึ้นทันที
“ข้าโกหก”
หลินซิงเฉิงยิ้มเล็กน้อย “พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่”
“งั้นเจ้าก็ต้องชดใช้”
หลินเป่ยเฉินก้าวเดินไปข้างหน้า “มารดาของเจ้าจะต้องเสียใจที่ให้กำเนิดเจ้าออกมา”
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นและตะปบมือลงไป
ไม่ต่างจากภูเขาลูกใหญ่กำลังถล่มลงมา
พลังกดดันหนักหน่วง
มวลอากาศปั่นป่วนโกลาหล
วูบ!
แล้วม่านพลังสีแดงเข้มก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหลินซิงเฉิงไม่ต่างจากชามขนาดใหญ่ยักษ์ที่ครอบลงบนโต๊ะทำงานของเขาได้อย่างมิดชิด
ม่านพลังสั่นไหวเล็กน้อย
แต่ก็สามารถหยุดยั้งการโจมตีจากหลินเป่ยเฉินได้สำเร็จ
หืม?
หลินเป่ยเฉินตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะกำมือเป็นหมัด
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เขาทุบกำปั้นลงไปใส่ม่านพลังนั้นอย่างบ้าคลั่ง
วูบ!
กำปั้นขนาดใหญ่ยักษ์ของเด็กหนุ่มเพิ่มความเร็วแรงมากขึ้น
ม่านพลังเปล่งแสงสว่างไสวออกมาตลอดเวลา
พลังของกำปั้นนี้เพียงพอที่จะสังหารจอมเทพจักรพรรดิระดับ 5 และสามารถทำลายม่านพลังได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่ม่านพลังที่ครอบคลุมโต๊ะทำงานของหลินซิงเฉิงยังคงต้านทานได้เป็นอย่างดี มิหนำซ้ำ มันยังทำให้ตึกเฉิงซินไม่สั่นสะเทือนแม้แต่น้อย
“นี่คือม่านพลังจุมพิตโลหิตราตรี”
หลินซิงเฉิงยิ้มแย้มขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่และยกจอกสุราขึ้นดื่มของเหลวสีแดงข้น ก่อนกล่าวต่อ “ต่อให้เป็นจอมเทพจักราระดับ 5 ก็ยังไม่สามารถทำลายมันลงได้… บัดนี้ เจ้าคงรู้ตัวแล้วสินะ เพราะเหตุใดข้าถึงยังรอเจ้าอยู่ที่นี่ ทั้ง ๆ ที่เจ้ามีความแข็งแกร่งมากมายถึงเพียงนั้น?”