เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1734 เป้าหมายสังหารคือเซียวปิง
ตอนที่ 1,734 เป้าหมายสังหารคือเซียวปิง
ฐานบัญชาการกองทัพเซียนกระบี่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่นานจึงขาดสายข่าวและความกลมเกลียวสามัคคี
แต่วิธีการจัดการของหวังจงนั้นชาญฉลาดมาก
“เหยียนหร่าน รีบคิดหาวิธีทะลวงออกไปให้ได้”
“หลิงม่อ นำคนไปคุ้มกันแม่ทัพเซียว เมื่อพบโอกาสเหมาะ ให้รีบนำแม่ทัพเซียวหลบหนีออกไปทันที”
“โจวเฉียน รีบหาวิธีล้างพิษ”
“ส่วนคนอื่น ๆ ติดตามข้าไปขัดขวางมือสังหารเหล่านั้น”
หัวหน้ากลุ่มองครักษ์มีนามว่าจางเหนียนกุ่ย ในมือถือกระบี่ทองคำ โคจรพลังปราณขับพิษในร่างกาย มือสังหารระดับเหรียญทองยังคงพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างต่อเนื่อง จางเหนียนกุ่ยยกกระบี่ขึ้นตั้งรับเป็นพัลวัน
เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว จางเหนียนกุ่ยยังเป็นเพียงนายทหารชั้นปลายแถวในกองทัพซยงเฟิง
ภายหลังกองทัพซยงเฟิงถูกควบรวมโดยกองทัพเซียนกระบี่ และเมื่อท่านแม่ทัพใหญ่ของเขาอย่างซยงอวี้ถูกฆ่าตาย จางเหนียนกุ่ยและนายทหารคนที่เหลืออยู่จึงตกเป็นเชลยของกองทัพเซียนกระบี่ไปโดยปริยาย
สำหรับเรื่องนี้ ไม่มีสิ่งใดให้จางเหนียนกุ่ยคัดค้าน
เพราะเขาอยากเข้าร่วมกองทัพเซียนกระบี่อยู่แล้ว
เนื่องจากในอาณาจักรซือเว่ย กองทัพเซียนกระบี่เป็นเพียงกลุ่มกองกำลังเดียวเท่านั้นที่ลุกขึ้นสู้เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแท้จริง
เดิมที จางเหนียนกุ่ยคิดว่าตนเองได้รับใช้กองทัพเซียนกระบี่ก็พอแล้ว แต่ในการสู้รบหลายครั้ง เขาได้แสดงฝีมือออกมาจนเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่ชายหนุ่มก็คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะไปเตะตาท่านรองผู้บังคับการหน้าหยกหวังจง ดังนั้น ภายในระยะเวลาสั้น ๆ จางเหนียนกุ่ยจึงถูกเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด
บัดนี้ นอกจากเป็นหัวหน้ากลุ่มองครักษ์ประจำตัวเซียวปิงแล้ว เขายังมีสถานะเป็นรองแม่ทัพใหญ่ มีอำนาจในกองทัพเซียนกระบี่เป็นรองก็แต่เพียงเซียวปิงเท่านั้น
จางเหนียนกุ่ยมีพลังฝีมือแข็งแกร่ง ปัจจุบันอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิระดับ 3
ด้วยความเยือกเย็นและยุติธรรมของจางเหนียนกุ่ย ภายในระยะเวลาไม่นาน เขาก็ได้รับความเคารพจากผู้คนทั่วฐานบัญชาการของกองทัพเซียนกระบี่
โดยเฉพาะนายทหารระดับล่างถึงระดับกลาง ทุกคนให้ความเคารพจางเหนียนกุ่ยมากกว่าเซียวปิงเสียอีก
เมื่อเผชิญกับภาวะวิกฤต ความคิดของจางเหนียนกุ่ยก็ไม่มีสิ่งใดซับซ้อน เขาต้องทำทุกวิถีทางให้เซียวปิงปลอดภัยให้ได้ แม้ตนเองจะต้องตายก็ตาม
ที่จางเหนียนกุ่ยคิดเช่นนั้นก็เป็นเพราะว่า เขาไม่คิดว่าเซียวปิงจะสามารถดูแลตนเองได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เซียวปิงไม่เคยลงสู่สนามรบเลยสักครั้ง แม้จะแสดงความห่วงใยต่อนายทหารระดับล่างตลอดมา แต่เมื่อเกิดภาวะวิกฤตขึ้นเช่นนี้ จางเหนียนกุ่ยก็มั่นใจว่าท่านแม่ทัพเซียวปิงคงไม่มีทางหลบหนีได้ด้วยตนเองเด็ดขาด
หากไม่ช่วยเหลือก็คงถูกฆ่าตาย
ดังนั้น หน้าที่ของจางเหนียนกุ่ยจึงเป็นการปกป้องความปลอดภัยให้แก่เซียวปิง
นี่เป็นหน้าที่ของผู้แข็งแกร่งที่ต้องปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า
แต่อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญก็คือ เซียวปิงมีสถานะเป็นน้องชายของเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉิน แม้พวกเขาจะไม่เข้าใจเลยว่าคนหนึ่งแซ่หลินและอีกคนแซ่เซียวจะสามารถเป็นพี่น้องกันได้อย่างไร แต่ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นน้องชายของหลินเป่ยเฉิน ผู้คนในกองทัพเซียนกระบี่ย่อมยินดีเสียสละชีวิตตนเองเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่เซียวปิงอยู่แล้ว
เพราะว่าผู้คนในกองทัพเซียนกระบี่เคารพบูชาหลินเป่ยเฉินไม่ต่างไปจากเทพเจ้า
จางเหนียนกุ่ยเคยได้ยินมาว่าพวกเผ่าพันธุ์ปีศาจมีความเคารพและซื่อสัตย์ต่อนายท่านของตนเองยิ่งชีพ และยินดีสละชีวิตของตนเองเพื่อนายท่านโดยไม่มีข้อแม้
แต่จางเหนียนกุ่ยก็รู้สึกว่าความซื่อสัตย์ของผู้คนในกองทัพเซียนกระบี่ที่มีให้แก่หลินเป่ยเฉินนั้น ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพวกเผ่าพันธุ์ปีศาจเช่นกัน
จางเหนียนกุ่ยโคจรพลังปราณในร่างกายและกำลังจะนำคนออกไปตีโต้กับกลุ่มมือสังหารระดับเหรียญทองอีกครั้ง
ทันใดนั้น เซียวปิงกลับวางมือลงบนหัวไหล่ของเขา
“เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
เด็กหนุ่มร่างอ้วนกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ท่านพาทุกคนหลบหนีไปก่อนเถอะ”
จางเหนียนกุ่ยเบิกตาโตมองผู้บังคับบัญชาของตนเองด้วยความเหลือเชื่อ
อย่าบอกนะว่าเซียวปิงถูกยาพิษจนสติเลอะเลือนไปแล้ว?
แต่ถึงจะไม่ได้ถูกยาพิษ ด้วยขั้นพลังของเซียวปิงคงไม่มีทางรับมือนักฆ่าระดับเหรียญทองจากหอสลายวิญญาณได้อยู่แล้วกระมัง?
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ การเลือกที่จะยืนหยัดต่อสู้ไม่ใช่พยายามหลบหนีด้วยความหวาดกลัวของเซียวปิง ก็ทำให้จางเหนียนกุ่ยอดรู้สึกเคารพและชื่นชมเด็กหนุ่มร่างอ้วนขึ้นมาไม่ได้
“ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม ได้โปรดคิดดูให้ดี…”
จางเหนียนกุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
แต่คำพูดของเขาก็หยุดชะงักหายไป
เพราะนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่เซียวปิงกระโจนออกไปข้างหน้า
ภายใต้การจ้องมองของสายตานับจำนวนไม่ถ้วน เซียวปิงเหวี่ยงแขนของตนเองต่อยหมัดออกไปราวกับพายุโหมกระหน่ำ ร่างของนักฆ่าระดับเหรียญทองจากหอสลายวิญญาณระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือดไปทันที
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
จางเหนียนกุ่ยยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น
เช่นเดียวกับนายทหารระดับสูงคนอื่น ๆ
“ยังไม่รีบหนีไปอีกหรือ?”
เซียวปิงหันกลับมามองหน้าทุกคน “พวกท่านคิดขัดคำสั่งข้าหรืออย่างไร?”
นี่เป็นครั้งแรกที่จางเหนียนกุ่ยและพรรคพวกสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเด็กหนุ่มผู้มักจะกินอาหารอยู่ตลอดเวลาคนนี้
พลังกดดันที่ทำให้หัวใจของผู้คนสั่นไหวแผ่ออกมาจากร่างกายของเซียวปิง
จางเหนียนกุ่ยรีบยกมือส่งสัญญาณให้นายทหารทุกคนล่าถอยไปด้วยความประหลาดใจ
เซียวปิงยังคงกระโดดเข้าไปรับมือกับนักฆ่าระดับเหรียญทองคนต่อไป
“พวกเจ้า…”
สีหน้าของเซียวปิงแสดงออกถึงความอำมหิตและโกรธแค้น “ต้องตายกันไปให้หมด”
หัวใจร้อนผ่าวราวกับมีเปลวไฟแผดเผา
การลอบสังหารครั้งนี้ทำให้เด็กหนุ่มร่างอ้วนรู้สึกเดือดดาลยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้ เซียวปิงต้องทนเห็นนายทหารจากกองทัพเซียนกระบี่นอนตายจมกองเลือดไปหลายสิบชีวิตในเวลาเพียงพริบตาเดียว
พี่ใหญ่อุตส่าห์ส่งมอบฐานบัญชาการแห่งนี้ให้เขาดูแล แต่เขากลับปล่อยให้ศัตรูบุกเข้ามาฆ่าคนได้ง่าย ๆ ถึงเพียงนี้
แล้วเซียวปิงจะอธิบายให้พี่ใหญ่ฟังได้อย่างไร?
เขาอธิบายไม่ได้
มีแต่ต้องฆ่าเท่านั้น!
ฆ่าเพื่อล้างแค้น!!!
เซียวปิงยกมือขึ้นจับกระบี่ที่คู่ต่อสู้พยายามจะแทงใส่ใบหน้าของเขา
เซียวปิงบิดข้อมือ
ได้ยินเสียงโลหะบิดงอ แล้วกระบี่ที่เป็นอาวุธเล่นแร่แปรธาตุระดับ 15 ก็หักสะบั้นอย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับข้อมือของนักฆ่าระดับเหรียญทองที่มีกระดูกทิ่มแทงขึ้นมา
พลั่ก!
เซียวปิงกระแทกหมัดใส่ร่างของนักฆ่า แล้วร่างของนักฆ่าก็ระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
“พวกเจ้าต้องตายกันไปให้หมด”
เซียวปิงระเบิดเสียงคำรามและจู่โจมต่อไป
เด็กหนุ่มตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง ร่างกายเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วว่องไว ตัวคนไม่สนใจคมอาวุธที่ตวัดฟาดฟันเข้ามา เซียวปิงไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ เพียงตอบโต้การโจมตีกลับไปด้วยมือเปล่าเท่านั้น
ขอแค่ถูกหมัดของเขาซัดเข้าใส่ นักฆ่าระดับเหรียญทองก็จะตายไปทันที
นั่นคือนักฆ่าระดับเหรียญทอง
ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลายเป็นนักฆ่าระดับเหรียญทองแห่งหอสลายวิญญาณ
นอกจากจะต้องมีจิตใจอำมหิตและมีความชำนาญในการฆ่าคนหลายรูปแบบแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดของนักฆ่าระดับเหรียญทองก็คือความแข็งแกร่ง พวกเขาต้องมีขั้นพลังไม่ต่ำกว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8 นี่จึงเป็นเรื่องยากที่จะได้กลายเป็นนักฆ่าระดับเหรียญทอง
นักฆ่าระดับเหรียญทองบางคนถึงกับมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิตอนปลาย
แต่เมื่อนักฆ่าเหล่านั้นมาอยู่ตรงหน้าเซียวปิง พวกเขากลับกลายเป็นผักปลาที่ถึงแก่ความตายอย่างง่ายดายยิ่ง
“เซียวปิง… เขานี่แหละเป้าหมายสังหารของพวกเรา รีบตัดหัวมาให้ได้”
นักฆ่าผู้สวมใส่หน้ากากทองคำซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มระเบิดเสียงหัวเราะอย่างอำมหิต “ก่อตั้งค่ายกลสิบสองสังหาร... ร่วมมือกันจัดการเขาให้ได้!”