เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1735 หลินเป่ยเฉินเป็นคนสอนข้า
ตอนที่ 1,735 หลินเป่ยเฉินเป็นคนสอนข้า
นักฆ่าระดับเหรียญทองย่อมมีพื้นฐานการสร้างค่ายกลสังหารเป็นอย่างดี
ฟู่!
หมอกควันพิษถูกฉีดพ่นออกมา
ได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นในอากาศ
ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!
เป็นเสียงการพุ่งตัวของอาวุธลับ
เมื่อนักฆ่าคนหนึ่งสะบัดมือ กลุ่มเถาวัลย์หนามแหลมอาบยาพิษก็งอกเงยขึ้นมาจากบนพื้นห้อง และเลื้อยตรงเข้าไปหาเซียวปิง
นี่เป็นเถาวัลย์ที่มีพลังธาตุน้ำแข็ง พื้นห้องตรงที่พวกมันเลื้อยผ่านกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง และบัดนี้ เถาวัลย์มรณะก็กำลังรัดพันขาของเซียวปิง
สำนักมือสังหารอย่างหอสลายวิญญาณย่อมมีวิธีการฆ่าคนหลายรูปแบบ และด้วยความที่มีวิธีการฆ่าคนหลายรูปแบบนี้เอง มันจึงเป็นเรื่องยากต่อการป้องกันของผู้ที่ตกเป็นเป้าหมาย
แต่ครั้งนี้ กลุ่มนักฆ่าต้องเจอปัญหาใหญ่
เพราะทุก ๆ การโจมตี ไม่ว่าจะใช้อาวุธประเภทใด ล้วนแต่ไม่สามารถหยุดยั้งเซียวปิงได้แม้แต่น้อย
และเซียวปิงก็ดูเหมือนจะไม่เจ็บปวดเลยสักนิด
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน
จางเหนียนกุ่ยและนายทหารระดับสูงอีกสี่สิบชีวิตยืนมองด้วยความตกตะลึงอยู่ด้านข้าง เพราะสิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือนักฆ่าระดับเหรียญทองยี่สิบกว่าคนถูกจับฉีกแขนฉีกขาเลือดสาดกระจายเต็มพื้นห้อง ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับเซียวปิงได้เลยจริง ๆ
นี่คือช่วงเวลาแห่งการฆ่า
โลหิตสาดกระจาย
เซียวปิงกระโดดเตะนักฆ่าผู้สวมใส่หน้ากากทองคำ
ร่างกายของนักฆ่าผู้นั้นเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ
ในขณะที่เสื้อผ้าบนร่างกายของเซียวปิงขาดวิ่น ตามหน้าอกแขนขาแผ่นหลังและบนศีรษะปรากฏบาดแผลฉกรรจ์ การเคลื่อนไหวดูเหมือนจะเชื่องช้าลงไปโดยปริยาย
จางเหนียนกุ่ยและพรรคพวกถึงกับตกตะลึง
พวกเขาไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่ป่าเถื่อนถึงเพียงนี้มาก่อน
“ฮ่า ๆๆ…”
เซียวปิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจากในลำคอ ขณะร่างกายยืนหยัดด้วยความมั่นคง
ทันใดนั้น รอบกายของเขาก็เต็มไปด้วยประกายไฟและเถ้าถ่าน เซียวปิงสูดลมหายใจลึกเหมือนปลาวาฬดูดน้ำในมหาสมุทร แล้วสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น
บาดแผลบนร่างกายของเด็กหนุ่มร่างอ้วนหายดีเป็นปลิดทิ้ง ราวกับไม่เคยมีบาดแผลมาก่อน
ราวกับมีการย้อนเวลา
นอกจากบาดแผลจะสมานตัวแล้ว แม้แต่พลังปราณในร่างกายก็ยังกลับมาเพิ่มพูนเต็มอัตราอีกครั้ง
“ให้ตายสิ…”
เซียวปิงยิงฟันยิ้ม “เจ็บเหมือนกันนะเนี่ย”
จางเหนียนกุ่ยและพรรคพวกจ้องมองเซียวปิงด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเด็กหนุ่มร่างอ้วนที่เอาแต่กินอาหารทั้งวันจะซ่อนความแข็งแกร่งไว้ถึงเพียงนี้
“ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
จางเหนียนกุ่ยกลืนน้ำลายและถามด้วยความลังเล
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างดูเหนือจริงไปหมด
เมื่อสักครู่นี้ สภาพของเซียวปิงคือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสชัด ๆ แต่เพียงพริบตาเดียว เขากลับฟื้นตัวได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ไม่ว่าจะมีระดับพลังสูงล้ำถึงเพียงใด แต่ความเร็วในการฟื้นตัวของร่างกายก็ไม่สมควรรวดเร็วถึงเพียงนี้ อีกอย่าง เซียวปิงถูกโจมตีด้วยมือสังหารระดับเหรียญทองของหอสลายวิญญาณ ทุก ๆ การโจมตีย่อมมียาพิษแอบแฝง เช่นเดียวกับการร่ายคำสาปมนต์สะกด
“ข้าไม่เป็นไร ยังคงกินอาหารได้อยู่”
เซียวปิงยกมือตบหน้าอกตนเองด้วยความมั่นใจ “เมื่อสักครู่ ข้าเพิ่งจะใช้วิชาเพลิงสนธยาเทวะ ซึ่งเป็นวิชาที่พี่ใหญ่ถ่ายทอดให้ข้าแต่เพียงผู้เดียว ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว… พวกท่านวางใจเถอะ”
ปรากฏว่านี่เป็นวิชาลับที่ ‘เซียนกระบี่’ ถ่ายทอดไว้นั่นเอง
ฟังดูมีเหตุมีผลยิ่งนัก
จางเหนียนกุ่ยและพรรคพวกเริ่มกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง
“นี่คือยาถอนพิษที่พี่ใหญ่ทิ้งเอาไว้ให้ข้า น่าจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ทุกคนมารับไปสิ”
ขวดหยกขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเซียวปิง ด้านในบรรจุโอสถสีเหลืองที่มีขนาดเท่ากับเม็ดถั่ว “หนึ่งคนรับกินหนึ่งเม็ด เมื่อกินเข้าไปแล้ว พิษร้ายในร่างกายก็จะถูกขับไล่ออกไป”
ในเมื่อนี่คือโอสถทิพย์ที่เซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินทิ้งเอาไว้ พวกของจางเหนียนกุ่ยจึงรับมากลืนกินโดยไม่ลังเล
ในไม่ช้า ยาพิษในร่างกายของทุกคนก็ถูกกำจัดออกไป
“ข้ายังมีประสบการณ์ต่ำต้อย จัดการเรื่องราวในครั้งนี้เชื่องช้ามากไป ข้าทำให้พี่ใหญ่ต้องผิดหวัง ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้าเอง”
เซียวปิงขมวดคิ้วด้วยความเคร่งเครียด “ข้าไม่มีหน้าไปอธิบายให้พี่ใหญ่ฟังอีกแล้ว”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ตู้ม!
ทันใดนั้น ม่านพลังที่กลุ่มมือสังหารสร้างขึ้นมาปิดกั้นทั่วห้องประชุมก็ถูกสลายลงด้วยแรงสั่นสะเทือนจากด้านนอก
แล้วหัวมังกรยักษ์ที่มีเปลวไฟลุกโชนก็พุ่งทะลุหลังคาเข้ามาในห้องประชุม
นี่คือมังกรยักษ์ที่มีร่างกายเป็นสีแดงเพลิง มันมีเปลวไฟลุกโชนตั้งแต่หัวจรดหาง ส่งผลให้อุณหภูมิในห้องประชุมร้อนระอุขึ้นหลายเท่า เส้นผมของนายทหารบางคนถึงกับหงิกงอ คลื่นความร้อนแผ่มาปะทะผิวกาย โต๊ะและเก้าอี้รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ภายในห้องประชุมพลันมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา
เมื่อเทียบกับหัวมังกรหัวนี้ เซียวปิงก็ดูตัวเล็กไปถนัดตา
“เผ่าพันธุ์มังกรศักดิ์สิทธิ์?”
สีหน้าของจางเหนียนกุ่ยแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หืม?
เซียวปิงก็ตื่นตระหนกขึ้นมาเช่นกัน
นี่ศัตรูถึงกับไปหามังกรมาเล่นงานพวกเขาเลยหรือ?
เซียวปิงนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองก็กินหลายสิ่งหลายอย่างมาจนเกือบจะครบถ้วนแล้ว แต่เขายังไม่เคยกิเนื้อมังกรมาก่อน
“เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่?”
ทันใดนั้น มังกรเพลิงก็ส่งเสียงพูดที่อ่อนหวานออกมา
เป็นเสียงที่ฟังดูคุ้นหูยิ่งนัก
“เป็นเจ้าเองหรือ… หลงหน่า?”
เซียวปิงถามด้วยความพิศวง
หัวมังกรยักษ์ลอยตัวขึ้นไปขณะตอบว่า “เป็นข้าเอง”
ด้านนอกอาคารหลังนี้เห็นได้ชัดว่ามีการบุกโจมตีเกิดขึ้น
เป้าหมายสังหารที่แท้จริงไม่ได้มีแต่เพียงพวกเซียวปิงเท่านั้น
แต่ในฐานบัญชาการของกองทัพเซียนกระบี่ตามจุดต่าง ๆ ก็ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงเช่นกัน
เมื่อมีข่าวลือแพร่สะพัดออกไปว่าเซียวปิงและนายทหารระดับสูงถูกปิดล้อมอยู่ในห้องประชุมโดยฝีมือของกลุ่มนักฆ่าระดับเหรียญทอง การบุกโจมตีฐานบัญชาการก็เกิดขึ้น
แต่น่าเสียดายที่ฝ่ายผู้โจมตีไม่รู้ว่ามีมังกรตัวหนึ่งซ่อนตัวอยู่
ดังนั้น กองทัพของผู้โจมตีจึงถูกทำลายย่อยยับ
“เจ้า… เจ้าทำได้อย่างไร… หลงหน่า เจ้าแปลงร่างได้ด้วยหรือ?”
เซียวปิงเดินออกไปนอกห้องประชุม สายตากวาดมองสนามรบด้านนอกด้วยความโล่งใจ ก่อนที่ใบหน้าอ้วนกลมจะแสดงความสงสัยออกมาอย่างชัดเจน
จางเหนียนกุ่ยและคนอื่น ๆ ก็กางหูรอรับฟังคำตอบเช่นกัน
เด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรหลงหน่าเดินทางมาที่เมืองอิ่นเฉินพร้อมกับเซียวปิง นางเข้าร่วมกองทัพเซียนกระบี่ แต่ไม่ได้มีตำแหน่งสูงส่งอันใด เวลาส่วนใหญ่มักจะเก็บตัวเงียบ จุดความสนใจของผู้คนจึงไปจับจ้องอยู่ที่เซียวปิงแต่เพียงผู้เดียว
กลุ่มนายทหารพอจะคาดเดาได้ว่าเด็กสาวผู้เงียบขรึมผู้นี้น่าจะซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้พอสมควร และน่าจะช่วยเหลือพวกเขาได้ในยามที่เกิดวิกฤตไม่มากก็น้อย
ใครเลยจะไปคิดว่า…
นางกลับสามารถแปลงร่างเป็นมังกร
เป็นมังกรเพลิงตัวจริงเสียงจริง!!
เมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์และลักษณะของหัวเพียงอย่างเดียว ทุกคนก็แน่ใจว่านางต้องเป็นสายเลือดมังกรศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง
ทันใดนั้น มังกรยักษ์ก็เริ่มแปลงร่างและกลับคืนสู่ร่างเดิมของเด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรหลงหน่าอีกครั้ง
การแปลงร่างทำให้เสื้อผ้าบนร่างกายฉีกขาดหมดสิ้น แต่ร่างกายอันเปลือยเปล่าของหลงหน่าก็มีเปลวไฟปกคลุมอย่างมิดชิด
“นี่เป็น… ท่านแม่ทัพหลินเป่ยเฉินสอนวิชาแปลงร่างเป็นมังกรให้กับข้าน่ะ”
หลงหน่าลังเลเล็กน้อยก่อนจะให้คำตอบออกมา