เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1736 ถือว่าเจ้าเตรียมการมาดี
ตอนที่ 1,736 ถือว่าเจ้าเตรียมการมาดี
เมื่อทุกคนได้ยินคำตอบนั้น สีหน้าของพวกเขาก็แสดงออกถึงความเข้าใจ
ที่แท้นี่ก็เป็นการสั่งสอนวิชาของท่านเซียนกระบี่อีกเช่นกัน
นี่คือคำอธิบายสำหรับทุกอย่าง
ทุกคนสามารถเข้าใจได้เหมือนที่ท่านเซียนกระบี่สอนวิชาให้แก่ท่านแม่ทัพเซียวปิง
ไม่มีสิ่งใดให้น่าเคลือบแคลงสงสัยอีกแล้ว
…
“เชี่ย พูดอะไรกันวะเนี่ย”
ในห้องลับของหลินซิงเฉิง หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความมึนงง “ข้าไม่เคยสอนนางสักหน่อย”
ใบหน้าของหลินซิงเฉิงกระตุกระริก
นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์อย่างที่เขาคาดหวังเอาไว้
ดังนั้น เขาจึงไม่ได้รับฟังคำอุทานของหลินเป่ยเฉิน
“ถือว่าเจ้าเตรียมการมาดีมาก”
หลินซิงเฉิงหันหน้ากลับมาจ้องมองหลินเป่ยเฉิน “ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะคำนวณแผนการทุกอย่างเอาไว้ถึงขั้นนี้”
“เจ้าอาจจะไม่เชื่อที่ข้าพูดนะ”
หลินเป่ยเฉินผายมือออกกว้าง “แต่ข้าไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ทั้งนั้น”
ให้ตายเถอะ… วิชาเพลิงสนธยาเทวะอย่างนั้นหรือ?
เขาไม่เคยสอนวิชานี้กับเซียวปิงมาก่อน
เกิดอะไรขึ้น?
หลินเป่ยเฉินคิดไม่ออกเลยว่าเพราะเหตุใดเซียวปิงจึงสามารถสังหารกลุ่มนักฆ่าระดับเหรียญทองได้ในเวลาเพียงพริบตาเดียว และเด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรหลงหน่าก็มีพลังแข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลายเท่า แต่ทั้งสองคนกลับยกความดีความชอบทั้งหมดนี้ให้แก่เขา ช่างเป็นเรื่องราวที่น่าตลกสิ้นดี
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนตนเองเป็นตัวตลก
ส่วนเซียวปิงกับหลงหน่าคือยอดฝีมือที่แท้จริงต่างหาก
หลินเป่ยเฉินยืนนิ่งอึ้งตกตะลึงอยู่ตรงนั้น
แต่หลินซิงเฉิงจะเชื่อคำตอบของเขาได้อย่างไร?
“น่าเสียดายนักที่แผนการโจมตีฐานบัญชาการกองทัพเซียนกระบี่ต้องล้มเหลว…”
หลินซิงเฉิงถอนหายใจ
แต่แล้วเขากลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“ฮ่า ๆๆ…”
“หลินเป่ยเฉิน ข้าขอยอมรับเลยว่า ข้าประเมินเจ้าต่ำมากเกินไป แต่ว่า…”
“เจ้าเองก็ประเมินข้าผิดพลาดไปเช่นกัน!!”
“เจ้าทุ่มเทกำลังพลทั้งหมดคอยปกป้องเมืองอิ่นเฉิน แล้วที่เมืองหลานเหนี่ยวผู้ใดจะเป็นคนดูแลเล่า?”
“ฮ่า ๆๆ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะมีขุมกำลังสำรองคอยดูแลที่นั่นอีก”
หลินซิงเฉิงระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ จากนั้นกระแทกมือซ้ายออกมาข้างหน้า และปล่อยลำแสงเข้าใส่ตะเกียงโบราณอีกหนึ่งสาย
แล้วภาพบนหน้าจอค่ายอาคมก็เปลี่ยนไป
เรือเหาะจำนวนมากปรากฏตัวบนท้องฟ้าเหนือเมืองหลานเหนี่ยว เพียงผู้คนจ้องมองฝูงเรือเหาะเหล่านี้ก็ให้รู้สึกชายิบไปทั่วหนังศีรษะแล้ว
เรือเหาะก่อตั้งค่ายกล มีจำนวนพลเท่ากับกองทัพเรือขนาดใหญ่
แต่ความน่ากลัวที่แท้จริงไม่ใช่จำนวนของเรือเหาะ
แต่เป็นร่างของยอดฝีมือที่ปรากฏตัวอยู่บนเรือเหาะต่างหาก
จอมเทพจักรพรรดิระดับ 4 ถึงสี่คน!
หลินซิงเฉิงมีผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ทั้งสิ้นสามพันชีวิต แต่ละคนล้วนมีขั้นพลังไม่ต่ำต้อย
“เจ้าคิดว่าข้าจะยอมปล่อยให้เหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ตกไปอยู่ในมือเจ้าแต่เพียงผู้เดียวหรือ? เจ้าคิดว่าข้าจะรอเจรจากับเจ้าในงานเลี้ยงล่ากวางจริง ๆ หรือ?”
หลินซิงเฉิงระเบิดเสียงหัวเราะ “ผิดแล้ว ข้าไม่เคยประนีประนอมกับคู่ต่อสู้มาก่อน”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าคนผู้นี้วิกลจริตเล็กน้อย
เขารับฟังหลินซิงเฉิงกล่าวต่อไป “เปิดตาของเจ้าดูให้ดี ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นด้วยตาของตนเองว่าฐานบัญชาการของกองทัพเซียนกระบี่ประจำเมืองหลานเหนี่ยวต้องล่มสลายลงอย่างไร ทุกคนที่ติดตามเจ้าจะต้องตกนรกหมกไหม้ ทุกคนจะต้องตายโดยไร้แผ่นดินกลบฝัง เมืองหลานเหนี่ยวจะต้องกลายเป็นเมืองแห่งความตาย…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ร่างของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
เป็นเทพสงครามประจำท่าเทียบเรือผู้อยู่ในชุดนอน โจวเทียนอวิ๋น
เขาลอยตัวขึ้นมาบนท้องฟ้า เผชิญหน้ากับกองทัพเรือเหาะด้วยตนเองเพียงคนเดียว
“อ้อ ข้ารู้จักคนผู้นี้”
หลินซิงเฉิงยังคงส่งเสียงหัวเราะไม่หยุด “สุนัขจนตรอกที่หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในท่าเทียบเรือหลังราชวงศ์ล่มสลาย สุดท้ายก็อพยพเข้ามายอมศิโรราบต่อเจ้าแล้วสินะ ประเสริฐ ข้าจะได้ถือโอกาสกำจัดไปพร้อมกันเสียเลย”
หลินเป่ยเฉินไม่พูดคำใด
โจวเทียนอวิ๋นเข้าร่วมกองทัพเซียนกระบี่ของเขาได้ก็เพราะการเกลี้ยกล่อมของหวังจง
ดังนั้น เขาจึงไม่ได้รู้สึกผูกพันกับโจวเทียนอวิ๋นเลยแม้แต่น้อย
แต่การที่โจวเทียนอวิ๋นปรากฏตัวขึ้นมาเผชิญหน้ากับกองทัพเรือเหาะก็แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์มากแล้ว
ต่อให้เขาพ่ายแพ้และหลบหนีไปในภายหลัง แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถกล่าวโทษโจวเทียนอวิ๋นได้อีก
“ข้าจะให้เจ้าได้เห็นด้วยตาของตนเอง ว่าเมืองหลานเหนี่ยวที่ล่มสลายมีหน้าตาเป็นอย่างไร…”
หลินซิงเฉิงยังคงพูดต่อไปไม่หยุด
จังหวะนั้น สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
โจวเทียนอวิ๋นลงมือโจมตีแล้ว
เขายกมือขึ้นกระแทกหมัดออกไป ต่อยใส่จอมเทพจักรพรรดิระดับ 4 ที่อยู่บนเรือเหาะฝั่งตรงข้าม
หมัดเดียวปลิดวิญญาณ
ศัตรูล้มตาย
รอยยิ้มบนใบหน้าหลินซิงเฉิงสลายหายไป
เกิดอะไรขึ้น?
แต่ผู้ที่ตกตะลึงมากกว่าหลินซิงเฉิงก็คือหลินเป่ยเฉิน
นี่เขาตาฝาดไปเองหรือเปล่า?
โจวเทียนอวิ๋นแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
เสียงหมัดกระแทกก้อนเนื้อดังออกมาจากหน้าจอค่ายอาคม
จอมเทพจักรพรรดิระดับ 4 ที่เหลืออยู่สามคนตกตายหมดสิ้น
การต่อสู้บนท้องฟ้าเหนือเมืองหลานเหนี่ยวมีบรรยากาศค่อนข้างแปลกประหลาด
“พวกเจ้ามาขัดจังหวะการเล่นสนุกกับสาว ๆ ของข้า…”
โจวเทียนอวิ๋นจ้องมองกลุ่มเรือเหาะที่ลอยลำอยู่เบื้องหน้าด้วยแววตาดุดัน เสียงของเขาก้องกังวานไปทั่วแผ่นฟ้า “คิดเป็นศัตรูกับพวกข้าก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น… เดี๋ยวก่อนนะ นี่พวกเจ้าคิดหนีอย่างนั้นหรือ?”
โจวเทียนอวิ๋นเหวี่ยงหมัดออกมาข้างหน้าอีกหลายหมัด
ส่งผลให้เรือเหาะที่กำลังจะเคลื่อนตัวหลบหนีพลันระเบิดกระจายราวกับดอกไม้ไฟไปอีกหลายลำ
กลุ่มเรือเหาะที่เหลืออยู่จึงไม่กล้าเคลื่อนไหวอีกแล้ว
ตอนนั้นเอง โจวเทียนอวิ๋นจึงได้มีสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น “แต่นายท่านของข้าจะมอบโอกาสไถ่บาปให้แก่พวกเจ้า ท่านแม่ทัพใหญ่หลินเป่ยเฉินแห่งกองทัพเซียนกระบี่เป็นยอดวีรบุรุษอย่างที่หาได้ยากยิ่ง… ท่านแม่ทัพหลินเป็นผู้ที่รักในความยุติธรรม เป็นผู้ที่คอยปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแท้จริง และท่านกำลังจะมอบโอกาสให้พวกเจ้าเข้าร่วมกับ ‘กองทัพเซียนกระบี่’ เพื่อต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูร และปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเราต่อไป”
ในห้องลับบังเกิดแสงสีฟ้าเรืองรอง
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
นับว่าโจวเทียนอวิ๋นรู้จักเขาจริง ๆ
เมื่อเห็นเรือเหาะที่พยายามหลบหนีระเบิดกระจายไปต่อหน้าต่อตาด้วยกำปั้นของโจวเทียนอวิ๋น กลุ่มเรือเหาะที่เหลืออยู่จึงร่อนลงจอดบนพื้นดินและยอมมอบตัวในที่สุด
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง บรรดานายทหารในกองทัพเรือเหาะก็ไม่มีผู้ใดกล้าหยิบจับอาวุธต่อต้านอีกแล้ว
หลินซิงเฉิงมีสีหน้าตกตะลึง
หมดสิ้นกัน!
หมดสิ้นแล้ว!!
พ่ายแพ้ย่อยยับ
เขาหันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่”
หลินเป่ยเฉินยิ้มเล็กน้อยและกล่าวต่อ “ใช่แล้ว ข้าเตรียมการทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้า… เพราะว่าข้าอ่านแผนการของเจ้าออกทะลุปรุโปร่งมาตั้งแต่แรก!!!”