เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1739 เพิ่มพลัง
ตอนที่ 1,739 เพิ่มพลัง
ข้อมูลจำนวนมากบันทึกลงในสมองของหลินเป่ยเฉินทันที
ตะเกียงโบราณดวงนี้คือของดี
หลินเป่ยเฉินถือตะเกียงไว้ในมือไม่ยอมปล่อย
แต่ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นสายโซ่สีเขียวมรกตร้อยตัวตะเกียงติดกับฝาผนัง แม้จะยกออกมาจากผนังได้ แต่ก็เอาออกมาได้เพียงระยะสิ้นสุดสายโซ่เท่านั้น นี่แสดงให้เห็นว่าตะเกียงวิญญาณจำนนกับผนังห้องลับแห่งนี้กลายเป็นสิ่งเดียวกันไปแล้ว
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!
หลินเป่ยเฉินพยายามกระชากสายโซ่อยู่หลายครั้ง
แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยมือ
เนื่องจากมีเงาร่างของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นในอากาศ
ย่อมต้องเป็นวิญญาณของหลินซิงเฉิง
“เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าเป็นอะไรกับคนแซ่หวง?”
วิญญาณของหลินซิงเฉิงมาในรูปแบบเงาสีน้ำเงินพลิ้วไหว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงขณะกล่าวว่า “เจ้าทำให้ตะเกียงดวงนี้ยอมสยบได้อย่างไร? เจ้าไม่ใช่ผู้มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาอีกแล้ว เจ้า…”
ด้วยความตกตะลึง หลินซิงเฉิงจึงเผลอพูดข้อมูลที่ไม่สมควรพูดออกมา
หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ “คนแซ่หวง? เขาคือใครหรือ?”
หวงไหนกันอีกล่ะเนี่ย?
แต่หลินซิงเฉิงไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีกแล้ว
ไม่ว่าหลินเป่ยเฉินจะพยายามคาดคั้นสักเท่าไหร่ หลินซิงเฉิงก็ไม่ยอมพูดแม้แต่คำเดียว
สายโซ่บนผนังรัดพันร่างกายวิญญาณของเขา
หลินเป่ยเฉินละสายตาและจ้องมองเข้าไปด้านในตะเกียงวิญญาณจำนนอีกครั้ง
ใบหน้าเล็ก ๆ ที่อยู่ในนั้นยังคงบิดเบี้ยวและร้องตะโกนคร่ำครวญอยู่ในความเงียบ…
“ปลดปล่อยดวงวิญญาณเหล่านี้”
หลินเป่ยเฉินวางฝ่ามือของตนเองลงไปบนตะเกียงและโคจรพลังปราณใส่เข้าไป
เพียงเท่านี้ เขาก็กลายเป็นเจ้านายคนใหม่ของตะเกียงวิญญาณจำนนโดยสมบูรณ์
เมื่อมีพลังปราณจากหลินเป่ยเฉินหลอมรวมเข้าไปสู่ภายในตะเกียง ใบหน้าขนาดเล็กที่หมุนวนอยู่ภายในนั้น ก็เริ่มเลือนหายไปเสมือนถูกดูดลงสู่หลุมดำ…
ในที่สุด ก็ไม่เหลือใบหน้ามนุษย์อยู่ในวังน้ำวนแห่งคลื่นพลังเหล่านั้นอีก
ภายในตะเกียงเหลือเพียงเปลวไฟบริสุทธิ์ลุกโชนเท่านั้น
เป็นเปลวไฟบริสุทธิ์ที่สวยงาม
สาดแสงส่องสว่างไร้ความรู้สึกน่าขนลุก
“นี่เจ้าช่วยดวงวิญญาณเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อหลินซิงเฉิงเห็นวิญญาณภายในตะเกียงถูกปลดปล่อย เขาก็พูดออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ตะเกียงดวงนี้ยอมรับเจ้าแล้วจริง ๆ เจ้ามีความเกี่ยวข้องกับเขา เจ้ากลับมาเพื่อ…”
หลินเป่ยเฉินไม่ได้พูดคำใด
เขากระตุกสายโซ่อย่างแผ่วเบา
ก่อนจะปลดปล่อยพลังปราณเข้าสู่ดวงวิญญาณของหลินซิงเฉิงผ่านทางสายโซ่
ร่างวิญญาณของหลินซิงเฉิงสั่นเทา ใบหน้าบิดเบี้ยว พยายามต้านทานอย่างสุดความสามารถ เพื่อไม่ให้หลินเป่ยเฉินล้วงข้อมูลไปจากวิญญาณของตนเองได้
สีหน้าของหลินซิงเฉิงแสดงความอาฆาตแค้นออกมา
“เจ้าเชื่อข้าเถอะ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!”
“ข้าจะส่งข่าวกลับไป…”
“คอยดูเถอะ จะต้องมีคนมาไล่ล่าเจ้า”
“ผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์… ไม่มีทางหนีรอด!!!”
ขาดคำ
ร่างวิญญาณของหลินซิงเฉิงก็ลุกเป็นไฟ
สัญลักษณ์โบราณปรากฏขึ้นมาบนร่างวิญญาณของเขา
เป็นสัญลักษณ์ของการปิดผนึกวิญญาณ
ปิดผนึกวิญญาณ
เผาไหม้วิญญาณ
นี่คือวิธีการที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคโบราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์
เป็นวิธีจัดการคู่ต่อสู้ที่เด็ดขาดที่สุด
ด้วยเปลวไฟที่ร้อนแรง วิญญาณของหลินซิงเฉิงก็หลอมละลายหายไป
“ว่าแต่เราใช้ตะเกียงดวงนี้ได้จริง ๆ เหรอเนี่ย…”
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย
เพียงสามารถสังหารหลินซิงเฉิงได้ เท่านี้เขาก็พอใจแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้หลินเป่ยเฉินติดใจก็คือสิ่งที่หลินซิงเฉิงเผลอหลุดปากพูดออกมา
คนแซ่หวงเป็นผู้ใดกัน?
ทำไมหลินซิงเฉิงถึงต้องทำสีหน้าตกตะลึงขนาดนั้น?
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณเริ่มดูดซับพลังจากเปลวไฟบริสุทธิ์ในตะเกียงวิญญาณจำนน
แล้วพลังที่เคยถูกกักเก็บอยู่ในตะเกียงก็ไหลรินออกมา
เปลวไฟสีน้ำเงินภายในตะเกียงไหลรินเข้าสู่แขนซ้ายของหลินเป่ยเฉิน และเกิดเป็นการหลอมรวมพลังครั้งใหม่ซึ่งรุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“ในที่สุด เวลาที่เราจะเลื่อนขั้นพลังก็มาถึงแล้วสินะ”
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
บรรดามวลพลังที่เก็บอยู่ในแขนซ้ายของเขาเริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว
พลังจากตะเกียงวิญญาณจำนนเป็นเสมือนตัวเชื่อมที่ทำให้พลังปราณต่างชนิดหลอมรวมเข้าด้วยกันได้อย่างราบรื่น และกระแสพลังเหล่านั้นก็ไหลเวียนลงสู่มวลกล้ามเนื้อภายในร่างกายของหลินเป่ยเฉิน…
เกิดเป็นความรู้สึกร้อนอุ่น
เสียวซ่าน
ทุกอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของหลินเป่ยเฉิน
แขนซ้ายของเขาเริ่มลดขนาดลงจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ในไม่ช้า แขนซ้ายก็กลับมามีขนาดเท่ากับแขนขวา
กล้ามเนื้อเต้นระริก
กระแสพลังร้อนอุ่นแผ่กระจายไปยังทุกส่วนสัดในร่างกายของเด็กหนุ่ม
เกิดเป็นความรู้สึกที่มวลพลังระเบิดออกมา
ร่างกายของหลินเป่ยเฉินเริ่มย่อส่วนลง
จากความสูงสิบเมตร เหลือความสูงเก้าเมตร เหลือความสูงแปดเมตร…
เหลือความสูงห้าเมตร เหลือความสูงสี่เมตร
เพียงหนึ่งก้านธูป หลินเป่ยเฉินก็กลับมามีส่วนสูงเท่ากับผู้คนปกติอีกครั้ง
กล้ามเนื้อของเขาที่เคยแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า บัดนี้กลับมามีความอ่อนนุ่มอีกครั้ง แต่บนผิวหนังมีอุณหภูมิร้อนสูง กระแสพลังยังคงไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกาย หลินเป่ยเฉินยืนอยู่ในห้องลับ พยายามที่จะควบคุมพลังทั้งหมดกลับมาให้ได้
“ความรู้สึกของพลังนี้มัน…”
หลินเป่ยเฉินลองขยับแขนของตนเองแผ่วเบา
เขาสามารถเลื่อนขั้นในวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณได้สำเร็จอีกครั้ง
“ความแข็งแกร่งระดับนี้ เราสามารถต่อยจอมเทพจักราตายได้ในหมัดเดียวแล้วมั้งเนี่ย!”
ความแข็งแกร่งของร่างกายดูเหมือนจะไม่ต่างกับก่อนหน้านี้ แต่ถึงอย่างนั้น หลินเป่ยเฉินกลับรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ความหนาแน่นของมวลกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น เขาไม่สงสัยเลยด้วยซ้ำว่าหากตนเองถูกลูกกระสุนปืน AWM ยิงเข้าใส่ ผิวหนังของเขาก็ไม่น่าจะเกิดแม้แต่รอยถลอกด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ ด้วยพลังจากตะเกียงวิญญาณจำนน พลังปราณจากหลากหลายแหล่งที่มาซึ่งถูกเก็บอยู่ในแขนซ้ายของเขานั้นก็หลอมรวมเป็นพลังปราณหนึ่งเดียว และแปรเปลี่ยนกลายเป็นพลังปราณแท้จริงในร่างกายของเขาโดยสมบูรณ์
หลินเป่ยเฉินสามารถเลื่อนขั้นพลังได้อย่างก้าวกระโดด
ขึ้นสู่ขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 6…
ขึ้นสู่ขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7…
ขึ้นสู่ขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8…
สุดท้าย ขั้นพลังของเขาก็หยุดชะงักอยู่ที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ตอนปลาย
อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น เขาก็จะบรรลุขั้นจอมเทพจักรพรรดิระดับ 1
“เราต้องขอบคุณหลินซิงเฉิงจริง ๆ ครั้งนี้ได้กำไรเยอะเลย”
หลินเป่ยเฉินยิ้มด้วยความปลาบปลื้มใจ