เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1743 สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้
ตอนที่ 1,743 สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้
กล่าวให้ถูกต้องก็คือ เมื่อมีเกม Happy Farm อยู่ในมือ ขอแค่มีเมล็ดพันธุ์เท่านั้น ก็ไม่มีสมุนไพรชนิดใดที่หลินเป่ยเฉินจะปลูกไม่ได้อีกแล้ว
เด็กสาวยังคงส่ายศีรษะอย่างแข็งขัน “เราไม่ต้องใช้สมุนไพรชนิดใดอีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินถึงกับไปต่อไม่ถูก
เอาไงดีวะเนี่ย?
“เจ้าลองไปถามท่านปู่ดูก่อนได้หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินยังคงพยายามต่อไป “บอกท่านว่าข้าสามารถหาสมุนไพรให้ได้ทุกชนิด ขอเพียงแค่ท่านบอกชื่อมาเท่านั้น”
แววตาของเด็กสาวบอกชัดว่าไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูดเลยสักคำเดียว
หลินเป่ยเฉินนิ่งคิดอยู่เล็กน้อย จากนั้นก็นำรูปถ่ายของใบไม้คืนวิญญาณ หน่อไผ่สามกษัตริย์ และสมุนไพรอีกหลายชนิดออกมาให้นางดู…
สีหน้าของเด็กสาวแปรเปลี่ยนไปทันที
สายตาของนางจ้องมองไปที่ไผ่สามกษัตริย์ไม่วางตา…
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอ
ไม่ว่าจะเป็นจิ้งจอกที่เจ้าเล่ห์สักเพียงใด แต่สุดท้ายก็ต้องเสร็จนายพรานอยู่ดี
“ข้าขอถอนคำพูด”
เด็กสาวกลืนน้ำลาย หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง และแสร้งพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “บางทีเราอาจร่วมมือกันต่อไปได้… ข้าต้องการหน่อไผ่ชนิดนี้”
หลินเป่ยเฉินโบกมือวูบและนำหน่อไผ่สามกษัตริย์ออกมาวางอยู่เบื้องหน้าเด็กสาวเป็นจำนวนกองใหญ่
เด็กสาวจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความตกตะลึงและเคลือบแคลงสงสัย
หลินเป่ยเฉินกล่าวว่า “ไม่ต้องสงสัยหรอก ข้ามอบให้เจ้าทั้งหมด”
“แต่มันมีค่ามากเกินไป”
เด็กสาวส่ายศีรษะ “ข้าต้องการเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น”
“มันอาจจะมีค่าในสายตาเจ้า แต่สำหรับข้า นี่ไม่ต่างจากหน่อไผ่ธรรมดา ข้าจะปลูกเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ข้าต้องการ”
หลินเป่ยเฉินเชิดหน้าขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
“แต่ว่า…”
เด็กสาวกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่างต่อไป
แต่น้องชายของนางที่นิ่งเงียบมาตลอดเวลาก็เดินออกมาข้างหน้าและก้มศีรษะให้แก่หลินเป่ยเฉิน ก่อนจะกอบโกยกองหน่อไผ่สามกษัตริย์ด้วยสองมือเล็ก ๆ ของเขา
ผู้เป็นพี่สาวยกมือกุมหน้าผาก ถอนหายใจและกล่าวว่า “ประเสริฐ… ท่านต้องการสิ่งใดตอบแทน?”
“ข้าต้องการโอสถคืนวิญญาณมากกว่านี้”
หลินเป่ยเฉินนำใบไม้คืนวิญญาณกองใหญ่ออกมาตั้งไว้เบื้องหน้าเด็กสาว และจ้องมองเข้าไปในดวงตาของนาง ก่อนแสดงรอยยิ้มจริงใจใสซื่อออกมา “ข้าสามารถมอบวัตถุดิบให้แก่เจ้าได้เสมอ ขอแค่เจ้าช่วยหลอมโอสถคืนวิญญาณให้แก่ข้าก็พอแล้ว”
เด็กสาวหยุดชะงักไปเล็กน้อย “ข้ารับปากท่านไม่ได้หรอก... ข้าต้องกลับไปถามท่านปู่ก่อน”
“ไม่เป็นไร”
หลินเป่ยเฉินทราบดีว่าตนเองไม่ควรรบเร้าอีกฝ่ายมากเกินไป “ไม่ว่าท่านปู่ของเราจะตกลงหรือไม่ แต่ไผ่สามกษัตริย์เหล่านั้น ข้าขอมอบให้เจ้าเป็นของขวัญที่พวกเราได้มีวาสนาผูกพันกันในวันนี้”
ท่านปู่ของเรา?
ได้มีวาสนาผูกพันกัน?
เด็กสาวจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินจ้องมองตอบกลับไปด้วยสายตาสุดแสนอบอุ่น
เด็กสาวผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจ นางไม่ได้อ่อนระทวยเมื่อพบกับรอยยิ้มพิฆาตและสายตาอันหวานเยิ้มของเขา หลินเป่ยเฉินจึงรู้สึกสนใจเด็กสาวผู้นี้มากขึ้นกว่าเดิม
หลินเป่ยเฉินรีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านและกล่าวต่อไปว่า “นอกจากนี้ ข้ายังสามารถให้ที่พักพิงแก่พวกเจ้าได้ ข้าสามารถคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่พวกเจ้าได้ ดูเหมือนสถานการณ์ของพวกเจ้าจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นี่นะ”
“ท่านทำสิ่งใดไม่ได้หรอก”
เด็กสาวยังคงส่ายศีรษะกล่าวต่อไป “ข้ารู้ว่าบัดนี้ท่านมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ผู้คนที่ไล่ล่าพวกเราอยู่นั้น ไม่ใช่คนธรรมดา ท่านคิดไม่ถึงหรอกว่าพวกมันมีอำนาจมากเพียงใด อย่าว่าแต่ท่านจะมาช่วยเหลือพวกเราเลย… หากท่านมาเกี่ยวข้องกับพวกเรา แม้แต่ท่านเองก็ไม่อาจหนีพ้นหายนะได้เช่นกัน”
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกตะลึงไม่น้อย
พี่น้องคู่นี้ไปมีปัญหากับผู้ใดกันนะ?
ในอาณาจักรซือเว่ย หลินเป่ยเฉินไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวผู้ใดอีกแล้ว
แม้แต่ท่านผู้คุมสภาอย่างฮวาไป๋ หากเขาต้องการเอาเรื่องจริง ๆ หลินเป่ยเฉินก็สามารถจัดการได้ในพริบตาเดียว
ผู้คนที่พี่น้องคู่นี้ไปมีปัญหาด้วยมีสถานะสูงส่งมากกว่าฮวาไป๋อีกหรือ?
เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย สองศรีพี่น้องก็หมุนตัวเตรียมเดินทางกลับ
“ห้ามตามเรามาเป็นอันขาด”
เด็กสาวเดินไปข้างหน้า กล่าวเตือนโดยไม่เหลียวมองกลับมา “หากข้าพบว่าท่านส่งคนติดตามมา ข้อตกลงของพวกเราถือเป็นอันโมฆะ!”
น้ำเสียงของนางบอกชัดว่าไม่ได้ล้อเล่น
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นและตะโกนตอบกลับไปว่า “ผู้ใดบอกว่าจะส่งผู้คนไปติดตามพวกเจ้า? ผู้ใดส่งคนไปติดตามพวกเจ้าถือเป็นลูกสุนัข…”
เด็กสาวหน้านิ่วคิ้วขมวดขณะเดินต่อไป
พลัน หลินเป่ยเฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเดินตามเข้าไปถามว่า “นี่ น้องสาว เจ้าพอจะบอกได้หรือไม่ว่าจะกลับมาให้คำตอบข้าเมื่อไหร่?”
เด็กสาวหยุดชะงักที่ประตู ตอบว่า “เมื่อข้าได้รับคำตอบจากท่านปู่ ข้าจะเป็นคนมาบอกคำตอบกับท่านเอง”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นอีกครั้ง
…
บนถนน
ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา
เขตเทียนหลางซิงภายในเมืองเทียนหลางซิงยังคงมีชีวิตชีวาและอยู่ภายใต้บรรยากาศที่สงบสุข
สองศรีพี่น้องเดินอย่างเร่งรีบ คล้ายกับว่าพยายามจะหลบหนีอะไรบางอย่าง
“ท่านพี่…”
เด็กชายที่ไม่ค่อยพูดสักเท่าไหร่อยู่ดี ๆ ก็ส่งเสียงขึ้นมา “ข้าได้ยินผู้คนกล่าวกันว่าบัดนี้พี่หลินเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพที่น่าเกรงขาม เขามีพลังและอำนาจ บางทีเขาอาจจะช่วยพวกเราได้นะ”
“ดูเหมือนเขาจะสร้างกองทัพขึ้นมาด้วยตัวเอง…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เด็กสาวก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
เป็นรอยยิ้มเหยียดหยาม
นางกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า “ไม่ว่าเจ้าจะได้ยินสิ่งใดมา ข้ารับรองได้เลยว่านั่นเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น เขาจะไปมีพลังและอำนาจล้นฟ้าได้อย่างไร? เจ้าอย่าลืมสิว่าบรรดารองผู้คุมสภาและพวกแม่ทัพใหญ่กำลังตามหาตัวพวกเราอยู่? เขาจะไปต่อสู้กับคนเหล่านั้นได้อย่างไร? หากเราไปขอความช่วยเหลือจากเขา ก็ถือว่าเราไปทำร้ายเขาโดยไม่รู้ตัว”
น้องชายของนางยังคงกล่าวต่อไปว่า “แต่พี่หลินมีหน้าตาหล่อเหลาถึงเพียงนั้น เขาอาจจะไปเตะตาสตรีผู้สูงศักดิ์ที่มีพลังและอำนาจก็ได้นะขอรับ?”
ผู้เป็นพี่สาวเดินสะดุดเล็กน้อย
น้องชายไม่ทันได้สังเกตจึงยังคงพูดพึมพำต่อไปว่า “แล้วข้าก็ได้ยินมาว่าในอาณาจักรซือเว่ยของเรา ยังคงมีบุรุษที่ชื่นชอบบุรุษด้วยกันเอง และบุรุษหนุ่มรูปงามอย่างพี่หลิน บางทีเขาอาจจะไปเตะตาต้องใจบุรุษที่มีพลังและอำนาจก็เป็นได้นะขอรับ?”
“นี่วัน ๆ เจ้าเอาแต่คิดถึงเรื่องราวพวกนี้หรืออย่างไร?”
พี่สาวตบศีรษะน้องชายเสียงดังเพียะ “อย่าได้พูดถึงเรื่องราวผีสางเช่นนี้อีก ข้าขอสั่งเจ้า”
เด็กชายแลบลิ้นแผล็บ ๆ “ข้าจะพูดแล้วจะทำไม ท่านเองก็เคยพูดไม่ใช่หรือว่าพี่หลินเป็นบุรุษผู้หล่อเหลาที่สุดเท่าที่ท่านเคยพบเจอ?”
“ข้าก็แค่พูดเล่น ๆ เท่านั้น”
พี่สาวหันกลับมาใช้สายตาดุน้องชาย แต่ทันใดนั้น นางก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าจึงแปรเปลี่ยนไป “แย่แล้ว… มีคนแอบตามพวกเรามา!!”