เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1745 ความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
ตอนที่ 1,745 ความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
นี่คือพฤติกรรมที่เด็กหนุ่มติดมาจากชีวิตเก่าในโลกที่แล้ว เขาเคยเป็นคนใส่แว่น เวลาที่จะใช้ความคิด ก็มักจะยกมือขึ้นมาดันแว่นตาของตนเองเสมอ
หลินเป่ยเฉินยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจในตัวหวังจงมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อนึกย้อนกลับไปสมัยที่ตนเองเพิ่งทะลุมิติมาอยู่ในจักรวรรดิเป่ยไห่ใหม่ ๆ หวังจงไม่ได้เป็นสิ่งใดเลยนอกจากตัวตลก แต่บัดนี้ เขากลับกลายเป็นนักวางกลยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ และมีอิทธิพลกว้างไกลในกองทัพเซียนกระบี่ เรื่องราวเหล่านี้เป็นไปได้อย่างไรกัน?
หลินเป่ยเฉินครอบครองเมืองหยุนเมิ่ง
หลินเป่ยเฉินครอบครองนครเจาฮุย
หลินเป่ยเฉินครอบครองนครหลวงแห่งจักรวรรดิเป่ยไห่
และในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ได้ครอบครองแม้แต่ดินแดนทวยเทพ
เรื่องราวเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับหวังจง
แต่หากลองคิดทบทวนดูให้ดี ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่ทุกเรื่องราวเหล่านั้นหลินเป่ยเฉินล้วนมีหวังจงอยู่ข้างกายเกือบทุกครั้ง
หวังจงทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลหน่วยบำรุงเมืองในเมืองหยุนเมิ่ง
แม้จะมีตำแหน่งเป็นพ่อบ้านมาโดยตลอด แต่เมื่อได้รับหน้าที่ใหม่ในการบริหารบ้านเมือง หวังจงกลับสามารถทำได้ดีไม่มีที่ติ ราวคุ้นเคยกับเรื่องราวเหล่านี้มาช้านาน...
และในเส้นทางดาราจักรแห่งนี้ ชื่อเสียงของกองทัพเซียนกระบี่ก็โด่งดังขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วน่าเหลือเชื่อ
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เป็นเสมือนเรื่องบังเอิญ กลับไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญเสียแล้ว
เพราะเหตุใด อยู่ดี ๆ หวังจงจึงได้มีความสามารถเลิศล้ำเช่นนี้?
เมื่อมองย้อนกลับไป หลินเป่ยเฉินก็พบว่าตนเองลืมความรู้สึกที่อยากจะกลับโลกมนุษย์ใบเก่ามานานพอสมควร
เขาเกิดความปรารถนาและมีแรงทะเยอทะยานที่จะครอบครองความยิ่งใหญ่
มิเช่นนั้น เมื่อสักครู่นี้ เขาจะเห็นด้วยกับความคิดของหวังจงได้อย่างไร?
หากโลกมนุษย์คือหนึ่งในดวงดาวที่อยู่ในเส้นทางดาราจักรแห่งนี้ด้วยก็ดีน่ะสิ หลินเป่ยเฉินจะได้คอยคุ้มครองโลกมนุษย์ ไม่ต่างจากที่เขาคอยคุ้มครองเมืองต่าง ๆ ในเวลานี้
เพราะฉะนั้น คำแนะนำของหวังจงจึงควรค่าต่อการรับฟังเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาก็ไม่ทราบเลยว่าหวังจงกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?
หลินเป่ยเฉินไม่ได้คิดถึงเรื่องราวเหล่านี้อีก
เพราะเขาเชื่อมั่นในตัวหวังจง หลินเป่ยเฉินเชื่อมั่นว่าคำว่าจงในชื่อหวังจงมาจากจงรักภักดี และพ่อบ้านเฒ่าจะไม่มีทางคิดร้ายต่อเขาเด็ดขาด
พลัน ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น
หัวหน้าองครักษ์สุยหลิวกวงเดินเข้ามารายงานว่า “กราบเรียนท่านแม่ทัพใหญ่ รองหัวหน้าผู้คุมเจิ้งเจียงจากคุกใต้ดินแห่งหน่วยสืบสวนพิเศษมาขอเข้าพบเจ้าค่ะ เขาบอกว่ามีข้อมูลสำคัญอยากจะรายงานต่อท่านแม่ทัพโดยตรง”
“ให้เขาเข้ามา”
หลินเป่ยเฉินเดินไปนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งอีกครั้ง
“ผู้ต่ำต้อยทำความเคารพท่านแม่ทัพใหญ่”
เมื่อเจิ้งเจียงเข้ามาในห้อง เขาก็คุกเข่าข้างเดียวต่อหน้าหลินเป่ยเฉินแสดงท่าทีประจบประแจงไม่ต่างจากสุนัขกระดิกหางเมื่ออยู่กับเจ้าของ
บัดนี้ เจิ้งเจียงทราบดีว่าหลินเป่ยเฉินยิ่งใหญ่เพียงใด
หนึ่งคนหนึ่งกระบี่บุกตะลุยเข้าไปในตึกเฉิงซินและสามารถสังหารหลินซิงเฉิงได้สำเร็จ!
ความสามารถระดับนี้ อย่าว่าแต่เจิ้งเจียงจะหวาดกลัวเลย ต่อให้เป็นยอดฝีมือทั่วหล้าในอาณาจักรซือเว่ยก็ต้องหวาดกลัวทั้งสิ้น
บัดนี้ ภายในเมืองเทียนหลางซิง… ไม่ใช่สิ ต้องกล่าวว่าภายในอาณาจักรซือเว่ย มีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนอยากจะทำงานให้แก่เซียนกระบี่หลินเป่ยเฉิน
และเจิ้งเจียงเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเด็กหนุ่มมากที่สุด
เขารู้สึกว่าตนเองโชคดีและภูมิใจกับการตัดสินใจของตนเองยิ่งนัก
ในเวลาเดียวกันนี้ เจิ้งเจียงก็รู้สึกว่าตนเองต้องทำงานให้หนักมากขึ้นเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่เซียนกระบี่หลินเป่ยเฉิน เพื่อที่เขาจะได้เป็นผู้รับใช้หลินเป่ยเฉินไปอีกนานแสนนาน
“กราบเรียนท่านแม่ทัพหลิน ผู้ต่ำต้อยค้นพบเบาะแสสหายของท่านจากอาณาจักรหลิวเยวียนแล้วขอรับ” เจิ้งเจียงคุกเข่าข้างเดียวอยู่บนพื้น รายงานด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม “พวกเขาล้วนเคยถูกทรมานอยู่ในคุกใต้ดินของหน่วยสืบสวนพิเศษ แต่เมื่อห้าวันที่แล้ว ตอนที่ผู้ต่ำต้อยไม่อยู่ ได้มีคนทำลายเอกสารเกี่ยวกับสหายของท่านแม่ทัพไปหมดสิ้น ทำให้ในขณะนี้ พวกเราไม่สามารถสืบหาเบาะแสเพิ่มเติมได้อีกแล้วขอรับ”
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ และพูดด้วยความตกตะลึง “อธิบายรายละเอียดมาซิ”
เจิ้งเจียงรีบอธิบายว่า “ก่อนหน้านี้ หลินซิงเฉิงได้สั่งเคลื่อนย้ายตัวนักโทษทั้งหมดออกไป ไม่มีผู้ใดทราบว่านักโทษเหล่านั้นถูกเคลื่อนย้ายไปยังที่ใด หลินซิงเฉิงเป็นผู้กุมอำนาจของหน่วยสืบสวนพิเศษทั้งหมด เขาจึงสามารถกระทำเรื่องราวนี้ได้โดยสะดวก ผู้ต่ำต้อยทำได้เพียงสอบถามข้อมูลเอาจากบรรดาผู้คุมเท่านั้นเองขอรับ”
“เจ้าพอจะหาเบาะแสได้หรือไม่ว่าสหายของข้าถูกพาตัวไปที่ใด?”
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
นี่คือสิ่งที่แปลกประหลาดและผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
กลุ่มคนที่หลบหนีมาจากอาณาจักรหลิวเยวียน ย่อมมีค่าไม่ต่างไปจากมดปลวกในสายตาของหลินซิงเฉิง แล้วเหตุไฉนเขาจึงต้องเหนื่อยแรงพาตัวนักโทษเหล่านั้นไปหลบซ่อนด้วย?
มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคืออะไรกันแน่?
เจิ้งเจียงตอบว่า “ผู้ต่ำต้อยรู้เพียงแต่ว่าเฟิงเสี่ยวไป๋กับฉินโมเหยียนก็เคยอยู่ในรายชื่อนักโทษที่ต้องถูกเคลื่อนย้ายไปเช่นกัน แต่พวกเขาก็ถูกทิ้งเอาไว้เพราะท่านแม่ทัพหลินปรากฏตัวขึ้นพอดี ข้าได้รับทราบข่าวลือมาว่าหลินซิงเฉิงวางแผนจะจัดการแม่ทัพหลินอยู่ก่อนแล้ว เขาเจตนาทรมานสหายของท่านเพื่อให้เอาผิดท่านในข้อหาฆ่าคนตายและร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ”
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิด
หากเป็นเช่นนี้ เฟิงเสี่ยวไป๋กับฉินโมเหยียนก็น่าจะรู้เบาะแสบ้างไม่มากก็น้อย
แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัส และขณะนี้ก็ยังไม่ฟื้นคืนสติขึ้นมา
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นและกล่าวว่า “ข้ามีงานให้เจ้าทำสองอย่าง อย่างแรก นำตัวนักปรุงยาที่ดีที่สุดมารักษาเฟิงเสี่ยวไป๋กับฉินโมเหยียน และอย่างที่สอง สืบหาเบาะแสสหายของข้าคนอื่น ๆ ต่อไป โดยเฉพาะที่อยู่ของหลิงไท่ซือกับหลิงหลิง ข้าอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่”
“ได้เลยขอรับ ผู้ต่ำต้อยจะปฏิบัติหน้าที่นี้ด้วยชีวิต”
เจิ้งเจียงรีบรับคำสั่งด้วยความกระตือรือร้น ก่อนจะลุกขึ้นหมุนตัวเดินออกไป
การที่หลินเป่ยเฉินมอบหมายภารกิจนี้ให้แก่เขา ก็เท่ากับว่าหลินเป่ยเฉินไว้ใจเขาในระดับหนึ่งแล้ว
นี่เป็นสัญญาณที่ดี
ตราบใดที่ทำหน้าที่ได้ดี หลินเป่ยเฉินก็จะไม่มีวันทอดทิ้งเขา
นี่คือความคิดของเจิ้งเจียง
เมื่อได้อยู่ภายในห้องตามลำพัง หลินเป่ยเฉินก็เริ่มทบทวนข้อมูลทุกอย่างอีกครั้ง
เขารู้สึกว่าตนเองมองข้ามบางอย่างไป แต่ก็ไม่ทราบเลยว่าบางอย่างนั้นคือสิ่งใดกันแน่
ทันใดนั้น หูของเด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงเสี่ยวจี้แจ้งเตือนขึ้นมาว่า
‘การอัปเดตระบบเสร็จสิ้นแล้วเจ้าค่ะ’
หลินเป่ยเฉินฉีกยิ้มด้วยความดีใจ
โทรศัพท์มือถืออัปเดตระบบเสร็จสิ้นแล้ว
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมาดู
เมื่อโทรศัพท์อัปเดตเสร็จสิ้น ก็มีโอกาสที่แอปพลิเคชันต่าง ๆ ในโทรศัพท์จะได้รับการอัปเดทเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแอปเถาเป่า แอปจิงตงมอลล์ แอป UU แอปไป่ตู้ แมป แอปวีแชต แอป QQ หรือแม้กระทั่งแอปเวยป๋อก็ตาม
นอกจากนี้ หลินเป่ยเฉินยังจะได้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใหม่อีกสองแอปอีกด้วย
“ได้เวลาแห่งความตื่นเต้นแล้วสิ”
หลินเป่ยเฉินแตะนิ้วมือลงไปบนหน้าจอโทรศัพท์