เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1752 อย่าเข้าไป
ตอนที่ 1,752 อย่าเข้าไป
เมื่อออกมาจากตึกของหน่วยสืบสวนพิเศษ ปี๋อวิ่นเถาผู้ถูกผู้บังคับบัญชาเรียกตัวเข้าไปดุด่าก็รู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง
ในเมื่อเห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ คิดจะแย่งชิงตัวผู้บาดเจ็บไปอย่างไร้เหตุผล แล้วเขาที่ประพฤติตนตามกฎทุกประการ กลับเป็นฝ่ายผิดได้อย่างไร?
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ปี๋อวิ่นเถาก็ยิ่งโกรธแค้นมากเท่านั้น เขารู้ดีว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังแรงกดดันในครั้งนี้ย่อมต้องเป็นเมี่ยวอวี้อย่างแน่นอน
หน่วยสืบสวนพิเศษ… กลายเป็นเครื่องมือทางอำนาจของพวกคนใหญ่คนโตไปเสียแล้ว
ปี๋อวิ่นเถายกมือนวดขมับและถอนหายใจออกมายาวแรง ราวกับว่าต้องการจะระบายความทุกข์ใจทั้งหมดออกมาจากการถอนหายใจในครั้งนี้
สายลมโชยพัด ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่หนุ่มก็นึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันวิวาห์ของตนเอง
ทันใดนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างไม่รู้ตัว
เขารู้จักไป๋เสี่ยวอี้สตรีผู้เป็นคนรักมาหลายปีแล้ว เรียกได้ว่ารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ และวันนี้ ปี๋อวิ่นเถาก็กำลังจะได้แต่งงานกับนาง ชีวิตที่ดูหมองหม่นของเขาก็คล้ายกับมีแสงแดดเจิดจ้าขึ้นมาในพริบตา
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ปี๋อวิ่นเถาก็รีบเร่งฝีเท้ากลับบ้าน
ระหว่างทาง ปี๋อวิ่นเถากัดฟันซื้อสุราราคาแพงจากร้านสุราชื่อดัง นอกจากนี้ยังซื้อเนื้ออสูรดาราระดับ 16 กลับไปอีกถึงสิบชั่ง
จากการตกลงกันก่อนหน้านี้ บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายจะมารวมตัวกันที่บ้านตระกูลปี๋ สุราและอาหารได้จัดเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้วเพื่อรองรับบรรดาเพื่อนบ้านที่เป็นแขกในงานวิวาห์ บรรยากาศสมควรคึกคักแจ่มใสไม่ต่างไปจากงานเทศกาล
เหลือเพียงข้ามถนนไปเท่านั้น
ปี๋อวิ่นเถาสามารถมองเห็นบ้านของตนเองได้แล้ว
บ้านที่เงียบสงบทว่าสวยงาม หลังได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษ ปี๋อวิ่นเถาก็เก็บเงินเดือนครึ่งปีเพื่อมาซื้อบ้านหลังนี้
แน่นอนว่ามันคงเทียบกับคฤหาสน์ใหญ่โตไม่ได้
แต่นี่เป็นสิ่งที่ทำให้บิดามารดาของเขามีความสุขและภาคภูมิใจ
ตระกูลปี๋ยึดมั่นในความดีมาโดยตลอดจึงเป็นที่รักของเพื่อนบ้านทุกหลังคาเรือน
ปี๋อวิ่นเถารีบเร่งฝีเท้า ต้องการจะได้ยินเสียงของบรรยากาศรื่นเริงภายในงานวิวาห์ของตนเอง
แต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้กำแพงบ้านของตนเองมากเท่าไหร่ หัวคิ้วของเจ้าหน้าที่หนุ่มก็ยิ่งขมวดเข้าหากันมากขึ้นเรื่อย ๆ
เงียบกริบ!
ไม่มีเสียงแห่งความรื่นเริงดังลอยเข้ามาถึงหูของเขา
ประตูร้านค้าและบ้านเรือนทุกหลังที่อยู่สองฝั่งถนนปิดสนิทแน่น
ไม่มีผู้คนเดินอยู่บนถนนแม้แต่คนเดียว
แต่ที่น่าประหลาดใจมากที่สุดก็คือแม้แต่ประตูบ้านของเขาก็ปิดสนิทด้วยเช่นกัน
เกิดอะไรขึ้น?
ปี๋อวิ่นเถาเริ่มใจคอไม่ดี ขณะเร่งฝีเท้าเดินไปที่ประตูรั้ว
เขายกมือขึ้นและผลักประตูเปิดเข้าไป
เอ๊ะ?
ประตูถูกลงกลอนจากด้านใน
ทันใดนั้น ปี๋อวิ่นเถาก็รู้สึกได้ถึงลางร้ายบางอย่าง
เขาปีนกำแพงข้ามเข้าไป
สนามหญ้าหน้าบ้านยังคงเงียบสงบ
ยังคงมีโต๊ะอาหารหลายสิบโต๊ะจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ บนโต๊ะยังมีจานอาหารที่จัดมาเพื่อรับรองแขกเหรื่อ ข้างจานยังคงมีตะเกียบวางอยู่
ในอากาศได้กลิ่นสุราและอาหารหอมฉุย
แต่กลับไม่มีคน
ปี๋อวิ่นเถายิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้น
ทันใดนั้น สายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับร่างของคนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าสนามหญ้า
เป็นว่าที่น้องเขยของเขาในอนาคต เสี่ยวไป๋
เสี่ยวไป๋ยืนนิ่งเงียบ เมื่อเห็นปี๋อวิ่นเถาปรากฏตัว ก็ไม่พูดไม่จาสักคำ
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
ปี๋อวิ่นเถาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “บิดามารดาของข้าอยู่ที่ใด? แล้วผู้คนหายไปไหนกันหมด?”
เสี่ยวไป๋ตอบกลับด้วยสีหน้าเยือกเย็น “ข้าเพิ่งกลับมาจากหน่วยสืบสวนพิเศษ บิดามารดาท่านพาเสี่ยวอี้ไปซื้อหาเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ส่วนบิดามารดาของข้ากำลังเดินทางออกมาจากบ้าน แขกที่ได้รับเชิญยังมาไม่ถึง ส่วนข้าผ่านมาทางนี้พอดีจึงแวะมารอท่านก่อน… อีกอย่าง ท่านรองผู้บังคับการจางเรียกตัวท่านไปพบเป็นการด่วน นี่ก็ได้เวลาพอดี ท่านคงต้องกลับไปที่หน่วยสืบสวนพิเศษก่อนเสียแล้ว”
“ใต้เท้าจางเนี่ยนะต้องการพบตัวข้า?”
ปี๋อวิ่นเถาหยุดชะงักและกล่าวต่อ “เช่นนั้นคงมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว ประเสริฐ ข้าจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้”
ท่านรองผู้บังคับการจางที่เสี่ยวไป๋เอ่ยถึง เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ฝีมือดีเพียงไม่กี่คนของหน่วยสืบสวนพิเศษ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ใต้เท้าจางดูแลปี๋อวิ่นเถาเป็นอย่างดี และยังได้ช่วยเหลือเขายามเดือดร้อนหลายครั้ง ดังนั้น เมื่อใต้เท้าจางอยากจะพบตัวเขา ปี๋อวิ่นเถาจึงไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ
แต่หมุนตัวเดินออกมาได้เพียงสองก้าว ปี๋อวิ่นเถากลับหยุดชะงัก
เขาหันกลับไปมองหน้าเสี่ยวไป๋และถามว่า “ไม่ นี่เจ้ากำลังขับไล่ข้าไปต่างหาก? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เสี่ยวไป๋ส่ายศีรษะ “ท่านกลับไปที่หน่วยสืบสวนพิเศษก่อน แล้วค่อยกลับมาที่งานวิวาห์ของท่านทีหลัง”
ปี๋อวิ่นเถาส่ายศีรษะตอบกลับไปบ้างเช่นกัน “ไม่… เจ้าเป็นอะไรไป เสี่ยวไป๋?”
ทันใดนั้น จมูกของปี๋อวิ่นเถาก็ได้กลิ่นคาวเลือดลอยออกมาจากทางหลังบ้าน
นี่ไม่ใช่กลิ่นเลือดเป็ดเลือดไก่ หรือกลิ่นเลือดสุกรและวัว
ปี๋อวิ่นเถาทำงานอยู่ในหน่วยสืบสวนมาหลายปี ย่อมรู้ดีว่านี่เป็นกลิ่นเลือดมนุษย์
ปี๋อวิ่นเถาหัวใจกระตุกวูบ รีบเดินอ้อมไปทางหลังบ้าน
เสี่ยวไป๋เอื้อมมือมาคว้าหัวไหล่ของเขาเอาไว้และส่ายศีรษะด้วยความร้อนรน “อย่าเข้าไป”
ปี๋อวิ่นเถาจะเชื่อฟังได้อย่างไร?
“ปล่อยข้า”
เขาสะบัดมือเสี่ยวไป๋ออก ก่อนจะรีบเหินกายไปยังลานด้านหลังบ้านอย่างรวดเร็ว
ความเจ็บปวดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสี่ยวไป๋ โลหิตและหยดน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาของเขา
เสี่ยวไป๋ก็ติดตามไปทางลานด้านหลังบ้านเช่นกัน
ที่นั่นมีศพมนุษย์ยี่สิบกว่าศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นดิน ศพเหล่านี้นอกจากเป็นกลุ่มเพื่อนบ้านที่มาร่วมงานเลี้ยงแล้ว ก็ยังมีศพบิดามารดาของปี๋อวิ่นเถากับบิดามารดาของเสี่ยวไป๋รวมอยู่ด้วย
แน่นอนว่าย่อมต้องมีศพคนรักของปี๋อวิ่นเถาอย่างไป๋เสี่ยวอี้รวมอยู่ด้วยเช่นกัน
กลุ่มเพื่อนบ้านถูกฟันลำคอเสียชีวิตคาที่
ส่วนบิดามารดาของปี๋อวิ่นเถาและบิดามารดาของเสี่ยวไป๋ถูกตัดแขนขา ถูกตัดลิ้น เฉือนใบหู ควักลูกตา ตัดจมูก… ก่อนตายต้องได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส
เสื้อผ้าบนซากศพของไป๋เสี่ยวอี้ฉีกขาด
ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิง ตามร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว แสดงให้เห็นว่าก่อนตายนางคงถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนักหน่วง…
นี่คือภาพที่น่าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากส่งเสียงร้องตะโกนโหยหวน ปี๋อวิ่นเถาก็ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางกองซากศพไม่ต่างไปจากท่อนไม้ท่อนหนึ่ง ดวงตาของเขาเหม่อลอย ไม่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไป
เสี่ยวไป๋เข้าใจดีว่าสหายของตนเองต้องทุกข์ทรมานใจเพียงใด
“ข้าบอกแล้วว่าท่านไม่ควรเข้ามา”
เสี่ยวไป๋ยกมือปาดน้ำตาที่ไหลเป็นโลหิตด้วยสีหน้าเจ็บแค้น “หากท่านไม่เข้ามา ท่านก็ไม่ต้องพบเห็นภาพเหล่านี้ และท่านก็จะได้ไม่ต้องโทษตนเอง… ข้าเพียงอยากถ่วงเวลาให้ท่านไปที่อื่น ข้าจะได้เก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุเสียก่อน ต่อให้ภายหลังท่านรู้ว่าบิดามารดาถูกสังหาร แต่ท่านก็จะได้ไม่ต้องนอนฝันร้ายไปช่วยชีวิตเพราะเห็นภาพเหล่านี้… พี่ปี๋ ข้าเสียใจด้วยจริง ๆ”