เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1763 เสียงที่คุ้นหู
ตอนที่ 1,763 เสียงที่คุ้นหู
อาวุธลับเหล่านั้นเมื่อปะทะเข้ากับกำแพงวายุ พวกมันก็หายวับไปไม่ต่างจากน้ำฝนที่หยดลงสู่มหาสมุทร
หลินเป่ยเฉินยกมือดีดนิ้ว
เสียงสายลมกระโชกแรง
พรึ่บ!
แล้วกลุ่มคนที่พยายามจะสังหารปี๋อวิ่นเถาก็ร่างระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือดไปทันที
“ดูเหมือนพวกท่านจะยังไม่เข้าใจกันสินะ”
หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ปี๋อวิ่นเถายังไม่ได้อธิบายให้ข้าฟังเลย ว่าคัมภีร์กระบี่สยบฟ้ามีแนวทางเป็นอย่างไร หากพวกท่านมีเจตนาฆ่าเขา… ก็เท่ากับมีเจตนาขัดขวางการฝึกวิชาของข้า”
เด็กหนุ่มเพิ่มประโยคต่อท้ายด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “และผู้ใดก็ตามที่ขัดขวางข้า มันผู้นั้นจะต้องตาย”
ทั้งภายในและภายนอกท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบ
กลุ่มคนที่ได้รับสัญญาณการโจมตีจากพวกฮวาไป๋รีบยุติความคิดที่จะลงมือต่อไป
ชีวิตของพวกเขาล้วนมีค่ามากกว่าการประจบเอาใจเจ้านาย
อีกอย่าง นับจากวันนี้ไป ก็ไม่มีสิ่งใดแน่นอนอีกแล้วว่าผู้ใดกันแน่ที่จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง
“เหตุไฉนท่านถึงไม่หลบการโจมตี?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองที่ปี๋อวิ่นเถา
ทว่าชายหนุ่มกลับนิ่งเงียบ
หลินเป่ยเฉินถามต่อไปว่า “ความแค้นของท่านได้รับการชำระสะสางเรียบร้อยแล้ว ท่านคงรู้สึกเบื่อหน่ายและอยากจะติดตามหญิงอันเป็นที่รักไปสู่โลกหลังความตายแล้วกระมัง?”
อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ
“โง่เขลา… ท่านยังตายไม่ได้”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองเข้าไปในดวงตาของปี๋อวิ่นเถา “รู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด?”
ปี๋อวิ่นเถาค่อย ๆ ก้มศีรษะลงและประสานมือทำความเคารพ “สิ่งที่ท่านแม่ทัพมอบให้แก่ข้าน้อยนั้นช่างมีคุณค่าเหลือเกิน ข้าน้อยรู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านแม่ทัพได้โปรดวางใจ ข้าน้อยจะใช้คำง่าย ๆ อธิบายแนวทางการฝึกวิชากระบี่สยบฟ้าให้ท่านแม่ทัพได้เข้าใจเอง”
“มีอันใดอีกหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินถาม
ปี๋อวิ่นเถาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “หากเพียงเท่านี้ท่านแม่ทัพยังไม่พอใจ ข้าน้อยขอสาบานต่อท่านแม่ทัพว่า ข้าน้อยยินดีทำงานตามคำสั่งท่านแม่ทัพสามครั้ง แต่เมื่อครบทั้งสามครั้งแล้ว…”
“หยุดพูดเถอะ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะขัดจังหวะ “คิดว่าข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่านหรือ?”
ปี๋อวิ่นเถาเบิกตาโตด้วยความตะลึงงัน
หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อไปว่า “หากข้าอยากให้สวีฉานหลี่ตาย ข้าก็ลงมือเองได้ ท่านเชื่อหรือไม่?”
ปี๋อวิ่นเถานิ่งเงียบ
ใช่แล้ว
หลินเป่ยเฉินมีพลังแข็งแกร่งเกินกว่าผู้ใดจะเทียบเปรียบ
ในกองทัพเซียนกระบี่ ไม่มีผู้ใดจะแข็งแกร่งเท่าหลินเป่ยเฉินอีกแล้ว
ปี๋อวิ่นเถาประสานมือทำความเคารพอีกครั้งพร้อมกับกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพโปรดสั่งสอนข้าน้อยด้วย”
หลินเป่ยเฉินกล่าวว่า “หากข้าเป็นท่าน ข้าจะนำหัวของศัตรูไปวางไว้บนหลุมฝังศพของหญิงอันเป็นที่รัก เพื่อทำพิธีปลอบโยนดวงวิญญาณของพวกเขา”
สีหน้าของปี๋อวิ่นเถาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
จริงด้วยสินะ
เขาไม่ได้นึกถึงเรื่องราวนี้เลย
หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อไป “ข้าได้ยินมาว่าท่านเคยเป็นคนโปรดขององค์จักรพรรดิ และท่านก็ได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษ ตอนนั้นท่านทำงานรับใช้องค์จักรพรรดิด้วยความซื่อสัตย์ บัดนี้ อาณาจักรซือเว่ยได้มีจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ท่านไม่คิดจะกลับมารับใช้ฝ่าบาทอีกหรือ?”
สีหน้าของปี๋อวิ่นเถาตกตะลึงและละอายใจยิ่งนัก
หลินเป่ยเฉินยังคงกล่าวอย่างต่อเนื่อง “ที่ผ่านมา ท่านยังแข็งแกร่งไม่มากพอที่จะปกป้องราชสำนักเอาไว้ได้ แต่บัดนี้ ท่านได้ศึกษาวิชากระบี่สยบฟ้า ท่านฆ่าได้แม้แต่กระทั่งรองผู้คุมสภา นี่แสดงให้เห็นว่าท่านแข็งแกร่งมากพอแล้ว ท่านไม่อยากจะกลับมาทำงานรับใช้องค์จักรพรรดิอีกหรือไร?”
เม็ดเหงื่อที่เย็นเฉียบผุดขึ้นมาบนหน้าผากของปี๋อวิ่นเถา
เขาหันหน้ามองไปทางบัลลังก์ทองคำ
จักรพรรดิองค์ใหม่ยังคงนั่งเงียบขรึมอยู่บนบัลลังก์ พระองค์ท่านสวมใส่หน้ากากหมาป่าทองคำ ร่างกายปกคลุมด้วยเสื้อคลุมทองคำหรูหรา ดวงตาที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากนั้นลึกล้ำดั่งมหาสมุทรสุดหยั่งถึง
หืม?
เมื่อสักครู่นี้ เกิดการต่อสู้อันดุเดือดขึ้นไม่ใช่หรือ?
เหตุไฉนองค์จักรพรรดิจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใด ๆ เลย?
ปี๋อวิ่นเถาคิดสงสัยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ในขณะนี้ ผู้คนที่อยู่ทั้งด้านในและด้านนอกท้องพระโรงต่างก็สังเกตเห็นเช่นเดียวกับปี๋อวิ่นเถา
แม้แต่สีหน้าของฮวาไป๋ก็ยังดูประหลาดใจ
องค์จักรพรรดิผู้เป็นหุ่นเชิดของเขาผู้นี้ไม่แสดงออกถึงความตื่นตระหนกเลยแม้แต่นิดเดียว หรือว่าองค์จักรพรรดิจะซ่อนความแข็งแกร่งของตนเองเอาไว้?
แววตาของหลินเป่ยเฉินก็บ่งบอกถึงความประหลาดใจเช่นกัน
และในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดคล้ายกับว่าตนเองเคยพบเห็นองค์จักรพรรดิผู้นี้ที่ไหนมาก่อน
แต่เป็นเช่นนี้ไม่ถูกต้อง
ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ทำให้หลินเป่ยเฉินเกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้ ก็มักจะเป็นบรรดาสาวงามเท่านั้น
แต่นี่องค์จักรพรรดิเป็นบุรุษไม่ใช่หรือ?
“กระหม่อมปี๋อวิ่นเถา ถวายบังคมฝ่าบาท”
ปี๋อวิ่นเถาคุกเข่าลงข้างเดียว รีบประสานมือทำความเคารพด้วยความนอบน้อม
นี่คือสิ่งสำคัญที่เขาลืมเลือนไปโดยปริยาย
การแสดงความซื่อสัตย์ภักดีต่อองค์กษัตริย์
ทันใดนั้น ชีวิตที่มืดมนของปี๋อวิ่นเถาก็คล้ายกับมีแสงสว่างสาดส่องลงมาอีกครั้ง
“อืม”
องค์จักรพรรดิเพียงรับคำในลำคอแผ่วเบาและค่อย ๆ ยกมือขึ้น
นี่คือครั้งแรกที่หลินเป่ยเฉินได้ยินเสียงขององค์จักรพรรดิองค์ใหม่
เฮ้ย?
สงสัยสมองของเขาต้องมีปัญหาแน่ ๆ
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหนมาก่อน
เป็นเสียงที่คุ้นหู
นี่เขาคิดไปเองหรือไม่?
หรือการฝึกวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณจะทำให้มวลกล้ามเนื้อของเขาใหญ่ขึ้นสวนทางกับขนาดของสมอง?
“ฝ่าบาท”
ทันใดนั้น ซงชิงหล่วน แม่ทัพใหญ่จากกองทัพหลี่หล่วนพลันก้าวออกมาข้างหน้าด้วยสีหน้าโกรธแค้น เขาก้มหน้าลงและกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่สืบสวนระดับสามปี๋อวิ่นเถาบุกเข้าตำหนักหมาป่าโดยมิชอบ มิหนำซ้ำ ยังสังหารท่านรองผู้คุมสภาสวีฉานหลี่ แม้เขาจะมีเหตุผลในการล้างแค้น แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรเกิดขึ้นในท้องพระโรงเด็ดขาด เพราะฉะนั้น กระหม่อมขอให้ฝ่าบาททรงตัดสินลงโทษปี๋อวิ่นเถาด้วยพะยะค่ะ”
“แม่ทัพซงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
“ฝ่าบาทได้โปรดลงโทษคนผิดด้วย”
“ฝ่าบาททรงพิจารณาด้วยพะยะค่ะ”
“แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ที่ถูกกระทำมาก่อน แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้ปี๋อวิ่นเถาสามารถบุกเข้ามาในวังหลวงได้ตามอำเภอใจเช่นนี้”
แม่ทัพใหญ่อีกหลายนายก้าวออกมาข้างหน้าด้วยสีหน้าจริงจังและจริงใจ ก่อนจะคุกเข่าลงหน้าบัลลังก์ทองคำและประสานเสียงพร้อมกันอย่างด้วยความสามัคคียิ่ง
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
น่าสนใจแฮะ
แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายที่กำลังจะตามมาใช่หรือไม่?