เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1764 ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
ตอนที่ 1,764 ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
“ฝ่าบาท ท่านแม่ทัพใหญ่เหล่านี้กล่าวได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮวาไป๋คุกเข่าข้างเดียว ขณะประสานมือคำนับพร้อมกับกล่าวว่า “ฝ่าบาทคือเสาหลักแห่งราชวงศ์ที่แท้จริง ฝ่าบาทต้องทำตามกฎหมายบ้านเมืองนะพ่ะย่ะค่ะ หากผู้คนสามารถเข่นฆ่าผู้อื่นได้ตามใจชอบ… แล้วเช่นนี้อาณาจักรซือเว่ยของพวกเราจะอยู่กันอย่างสงบสุขได้อย่างไร?”
ตอนนี้ฮวาไป๋กำลังกล่าวโทษหลินเป่ยเฉิน
ในเมื่อเขาเอาชนะหลินเป่ยเฉินไม่ได้ ก็มีแต่ต้องใช้อำนาจของจักรพรรดิองค์ใหม่เท่านั้น
เมื่อถูกตัดสินโทษจากองค์จักรพรรดิ ฮวาไป๋ก็อยากจะรู้นักว่าหลินเป่ยเฉินจะสามารถเอาตัวรอดได้อย่างไรอีก?
กองทัพเซียนกระบี่กำลังจะกลายเป็นเพียงอดีตในไม่ช้า
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านผู้คุมสภากล่าวได้ถูกต้องทุกประการ”
บัดนี้ ราชครูประจําตัวองค์จักรพรรดิซึ่งได้รับการคัดเลือกมาจากฮวาไป๋ก็ส่งเสียงขึ้น “กราบทูลฝ่าบาท หลินเป่ยเฉินประพฤติตนชั่วร้ายมากเกินไป สมควรถูกนำตัวไปลงโทษพร้อมกับปี๋อวิ่นเถา เพื่อยับยั้งไม่ให้ประพฤติตนเป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่นพ่ะย่ะค่ะ”
นี่คือช่วงเวลาแห่งการสร้างความดีความชอบระหว่างท่านราชครูกับฮวาไป๋
และทุกคนย่อมทราบดีว่าองค์จักรพรรดิเป็นเพียงหุ่นเชิดของฮวาไป๋ หากพระองค์ไม่ยอมทำตามคำสั่งของเขา อนาคตในภายภาคหน้าของราชสำนักก็คงลำบากมากแล้ว
ปี๋อวิ่นเถาถอนหายใจ กล่าวว่า “กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมขอยอมรับผิดแต่โดยดีพ่ะย่ะค่ะ”
ทันใดนั้น บรรดาแม่ทัพใหญ่ก็ประสานเสียงขึ้นมาอีกครั้งว่า “ฝ่าบาทโปรดพิจารณาด้วยเถิด”
สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็ว
เกือบทุกคนคุกเข่าลงไปบนพื้นห้องท้องพระโรง
มีแต่เพียงกลุ่มของหวังจงเท่านั้นที่ยังยืนอยู่
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะ
และภายใต้การจ้องมองของทุกคน องค์จักรพรรดิบนบัลลังก์ทองคำก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและกล่าวออกมาในที่สุดว่า “ระ… ระ… เรื่องนี้… ปะ… ปะ… ปล่อยให้เป็น… นะ… นะ… หน้าที่… ขะ… ขะ… ของเซียนกระบี่… ละ… ละ… หลินเป่ยเฉินเถอะ… ขะ… ขะ… ข้าขอแต่งตั้งเขาเป็น… ผะ… ผะ… ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน”
ว่าไงนะ?
ฮวาไป๋และบรรดาขุนนางใหญ่คนอื่น ๆ หันมองหน้ากันด้วยความเหลือเชื่อ
เป็นไปได้อย่างไร?
นี่พวกเขาหูฝาดไปใช่หรือไม่?
หลินเป่ยเฉินก็สะดุ้งโหยงไม่แพ้ทุกคนเช่นกัน
เสียงนี้…
การพูดติดอ่างเช่นนี้…
ช่างเหมือนคนที่เขาเคยพบเจอมาก่อนเหลือเกิน
อย่าบอกนะว่าพวกเขาจะได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง?
หลินเป่ยเฉินจำได้ดีว่านี่เป็นเสียงของเจ้าอ้วน
นี่คือสถานการณ์ที่แปลกประหลาดยิ่งนัก
มารดาของเจ้าอ้วนเคยบอกว่านางและบุตรชายอพยพมาจากดินแดนอื่น พวกนางจึงไม่ใช่ประชากรของดินแดนทวยเทพโดยกำเนิด
แต่อยู่ดี ๆ เจ้าอ้วนกลายเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่แห่งอาณาจักรซือเว่ยได้อย่างไร?
แต่ถ้าหลินเป่ยเฉินจำไม่ผิด เจ้าอ้วนมีชื่อจริงว่าเต้าเจี๋ยนเซียว… และจักรพรรดิองค์ก่อนของอาณาจักรซือเว่ยก็ใช้แซ่เต้าเช่นกัน
“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ฝาบาทกำลังไม่รู้สติ”
ฮวาไป๋รีบร้องตะโกนออกมาเร็วไว “อาการของฝ่าบาทกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว ท่านราชครู รีบพาตัวฝ่าบาทกลับเข้าไปก่อน”
ไม่ว่าองค์จักรพรรดิจะเสียสติจริงหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญคือต้องรีบพาตัวกลับเข้าไปยังห้องบรรทมให้เร็วที่สุด
บัดนี้ ฮวาไป๋จะปล่อยให้สถานการณ์พลิกผันอีกครั้งไม่ได้เป็นอันขาด
แม่ทัพใหญ่สองคนที่อยู่ข้างกายเขาตอบรับเร็วไว พวกเขาเดินขึ้นไปบนขั้นบันไดทองคำ แยกเป็นซ้ายขวาอย่างละหนึ่งคน ก่อนจะเอื้อมมือไปหมายฉุดลากให้องค์จักรพรรดิเสด็จลงจากบัลลังก์ทองคำ
หลินเป่ยเฉินกำลังจะยื่นมือเข้าไปขัดขวาง…
เปรี้ยง!
ทันใดนั้น องค์จักรพรรดิหุ่นเชิดก็ระเบิดพลังออกมา
นับเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่มีสิ่งใดซับซ้อน
ไม่ต่างจากเกลียวคลื่นในมหาสมุทรที่ซัดเข้าหาชายฝั่ง
กำปั้นกระหน่ำต่อยออกมาซ้ายขวา
ในขณะนี้ คลื่นพลังมหาศาลทำให้มวลอากาศในท้องพระโรงปั่นป่วน
“ฟู่!”
แม่ทัพใหญ่ทั้งสองคนไม่ทันตั้งตัวก็ถูกหมัดขององค์จักรพรรดิซัดเข้าใส่ร่างกายอย่างแรง เพียงพริบตาเดียว ร่างของพวกเขาก็ระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือด
นับเป็นหมัดที่หนักหน่วงรุนแรงยิ่งนัก
อยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิเชียวหรือ?
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างของแรงหมัด หัวใจของผู้คนที่อยู่ทั้งด้านในและด้านนอกท้องพระโรงต่างก็เต้นโครมครามด้วยความตื่นตระหนก
แม่ทัพใหญ่ทั้งสองท่านนั้นอย่างน้อยก็มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิระดับ 2
แต่องค์จักรพรรดิแข็งแกร่งมากกว่านั้นอีกหรือ?
ฮวาไป๋เลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความตื่นตะลึง และหันไปจ้องมองท่านราชครูด้วยความโกรธแค้น
ที่แท้ท่านราชครูก็คือเสด็จอาขององค์จักรพรรดิหุ่นเชิดนั่นเอง
นี่หรือ ‘องค์ชายที่ใช้การไม่ได้’ ที่ท่านคัดเลือกมาแล้ว?
ไฉนองค์ชายที่ใช้การไม่ได้ถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้?
หากไม่ใช่เห็นว่าท่านราชครูก็มีสีหน้าตกตะลึงไม่แพ้กัน ฮวาไป๋ก็คงต้องสงสัยแล้วว่าท่านราชครูอาจแอบวางแผนเพื่อยึดครองอำนาจเอาไว้เองก็เป็นได้
ตำหนักหมาป่าตกอยู่ในความเงียบ บนพื้นเจิ่งนองด้วยกองเลือด
“มีผู้ใดกล้าขัดขวางข้าอีกหรือไม่?”
บัดนี้ คำพูดขององค์จักรพรรดิไม่ได้ติดอ่างอีกแล้ว
องค์จักรพรรดิระเบิดเสียงคำรามไม่ต่างจากฟ้าผ่า
องค์จักรพรรดิค่อย ๆ เดินลงมาจากบัลลังก์ทองคำ
เสื้อคลุมที่เปรอะเปื้อนโลหิตปลิวไสวอยู่ด้านหลัง ช่วยส่งเสริมให้องค์จักรพรรดิร่างอ้วนดูสง่างามและน่าเกรงขามมากขึ้น
พระองค์ค่อย ๆ ยกมือขึ้นปลดหน้ากากหมาป่าออก เผยให้เห็นถึง…
ใบหน้าอ้วนกลมราบเรียบและจริงใจ
หากไม่ใช่เจ้าอ้วนแล้วยังจะเป็นผู้ใดอีก?
เจ้าอ้วนจ้องมองเพียงแต่หลินเป่ยเฉิน โดยไม่สนใจความตกตะลึงของฮวาไป๋และพรรคพวก ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่สูญหายไปเนิ่นนาน
สำหรับเจ้าอ้วน การปรากฏตัวของหลินเป่ยเฉินถือเป็นความประหลาดใจครั้งใหญ่
ไม่นานหลังจากที่ตัวเขากับมารดากลับมาถึงอาณาจักรซือเว่ย ทั้งแม่ทั้งลูกต่างก็ถูกทางราชสำนักควบคุมตัวอย่างเข้มงวด ทำให้ติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้ยาก
เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากมาได้ และเข้ารับการตรวจสอบสายเลือดที่แท้จริง ในที่สุด พระบิดาก็ทรงยอมรับเจ้าอ้วนเป็นพระโอรส แต่ไม่นานหลังจากนั้น พระบิดาก็ต้องสวรรคต
เจ้าอ้วนกับมารดาจึงต้องอยู่กับความโดดเดี่ยวอีกครั้ง
ตลอดเวลาที่ถูกคุมตัวอยู่ในคุกใต้ดิน เพราะมีท่านแม่ดูแล เจ้าอ้วนจึงไม่เคยแสดงพลังที่แท้จริงออกมาเลยสักครั้ง
พวกเขาไม่ทราบเลยว่าที่โลกภายนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง
พวกเขาคิดเพียงอย่างเดียวว่าตนเองต้องอดทนให้ได้นานมากที่สุด
ดังนั้น เจ้าอ้วนจึงคิดไม่ถึงเลยว่าพี่ชายร่วมสาบานของเขาอย่างหลินเป่ยเฉินซึ่งเคยพบเจอกันในดินแดนทวยเทพนั้นจะมาปรากฏตัวขึ้นในงานเลี้ยงล่ากวางวันนี้
แล้วเจ้าอ้วนจะทนอยู่นิ่งเฉยอีกต่อไปได้อย่างไร?
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ความต้องการของมารดาก็ตาม
แต่เจ้าอ้วนก็เลือกที่จะเปิดเผยตัวตนต่อหน้าสาธารณะและเลือกที่จะเข้าไปหาหลินเป่ยเฉิน
“พี่หลิน”
เจ้าอ้วนกางแขนกว้างและเดินตรงเข้าไปหาหลินเป่ยเฉิน