เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1767 แผนการครั้งใหม่
ตอนที่ 1,767 แผนการครั้งใหม่
หลินเป่ยเฉินกดค้นหาชื่อของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงในรายชื่อผู้ติดต่อของตนเอง
เขาไม่ได้ติดต่อกับนางมานานมากแล้ว
ไม่ทราบเลยว่าป่านนี้นางได้ครอบครองอาณาจักรหลิวเยวียนสมใจแล้วหรือไม่?
‘ไม่พบบุคคลนี้ในรายชื่อ’
ข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
เป็นไปได้อย่างไร?
เขาลองกดค้นหาใหม่อีกรอบ แต่ผลลัพธ์ก็ยังเป็นเช่นเดิม
ไม่มีชื่อของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงอยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อของเขา
ไม่น่าเป็นไปได้
หรือว่าเมื่อแอปวีแชตได้รับการอัปเดต ข้อมูลทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็จะถูกลบทิ้ง?
หลินเป่ยเฉินยังคงลองค้นหาชื่อของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้
แต่ผลลัพธ์ที่ว่างเปล่าก็ทำให้เขาต้องถอดใจในที่สุด
ติดต่อกันไม่ได้อีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินรู้สึกโหวงเหวงอยู่ในใจแปลก ๆ บัดนี้ เขารู้สึกได้ถึงความห่างไกลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนระหว่างตนเองกับหญิงสาว
เด็กหนุ่มรออยู่อีกพักใหญ่ แต่ก็ยังไม่เห็นผู้ใดกดรับเขาเป็นเพื่อนสักที สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็ไม่รออีกต่อไป เขาเปิดประตูมิติตรงเข้าไปที่แผ่นดินตงเต้าและปรากฏตัวขึ้นในจวนตระกูลหลินประจำเมืองหยุนเมิ่ง
“นายท่าน?”
เฉียนเหมยกำลังฝึกเหวี่ยงค้อนเหล็กในมืออยู่ที่ด้านหลังจวนตระกูลหลิน เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังปราณประจำตัวหลินเป่ยเฉิน นางก็กระโดดข้ามกำแพงทิ้งตัวลงมายืนอยู่เบื้องหน้าเขาด้วยความดีใจ “นายท่านกลับมารับข้าน้อยไปปราบศัตรูร้ายแล้วใช่ไหมเจ้าคะ?”
“มีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นบ้างหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
เฉียนเหมยนิ่งคิดด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนตอบว่า “เฉียนเจินนอนหลับบ่อยผิดปกติ นับว่าเป็นเหตุการณ์แปลก ๆ ไหมเจ้าคะ?”
หลินเป่ยเฉินได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น… ข้าหมายถึงเรื่องราวที่ไม่ชอบมาพากลน่ะ?”
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
“ไม่มีเจ้าค่ะ”
เฉียนเหมยส่ายหน้า
“เจ้าฟื้นฟูพลังกลับคืนมาได้กี่ส่วนแล้ว?”
หลินเป่ยเฉินถามพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเฉียนเหมย
เฉียนเหมยเชิดหน้าขึ้นกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “ฟื้นฟูกลับมาได้ทั้งหมดแล้วเจ้าค่ะ”
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิดเล็กน้อย ก็ตอบว่า “อีกไม่นานหรอก... พยายามฝึกฝนต่อไป รอให้เจ้าเลื่อนขั้นพลังได้สำเร็จ ข้าจะพาเจ้าไปที่เส้นทางดาราจักร”
ผู้คนในแผ่นดินตงเต้าเมื่อไปถึงดินแดนในเส้นทางดาราจักร พวกเขาก็จะถูกสภาพแวดล้อมกดดันจนมีร่างกายที่อ่อนแอ เพราะฉะนั้น หลินเป่ยเฉินจึงต้องรอให้ทุกคนเลื่อนขั้นพลังแข็งแกร่งมากกว่านี้เสียก่อน ถึงจะสามารถพาเดินทางผ่านประตูมิติข้ามไปได้
ครั้งนี้ เขามีโอสถคืนวิญญาณติดตัวมาห้าเม็ด เท่ากับว่าสามารถช่วยเหลือผู้คนได้ห้าคน
หลินเป่ยเฉินรู้อยู่แล้วว่าตนเองจะชุบชีวิตให้แก่ผู้ใด
หลินเป่ยเฉินต้องการชุบชีวิตหลี่อี้เทียน ฮันลั่วเซวี่ย เหยียนอิงผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน เยว่เว่ยหยาง…
และอาจารย์ติงของเขา
กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่อาณาจักรซือเว่ยต้องการตัวเป็นการด่วน
…
จวนประจำตำแหน่งผู้คุมสภา
ฮวาไป๋กำลังนั่งดื่มน้ำชาด้วยความสงบนิ่ง
รอบโต๊ะประชุมนั่งเรียงรายด้วยบรรดาขุนนางและแม่ทัพใหญ่
และในกลุ่มคนที่เข้าร่วมการประชุม ย่อมต้องมีเต้าอู่ซือผู้ถูกปลดออกจากตำแหน่งราชครูโดยไม่ทันตั้งตัวร่วมอยู่ด้วย
สถานการณ์ของพวกเขาในขณะนี้นับว่าย่ำแย่ยิ่งนัก สีหน้าของทุกคนจึงไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่
หากเป็นในอดีต เมื่อมีการรวมตัวของเหล่าขุนนางใหญ่เช่นนี้ ก็จะต้องมีผู้คนมายืนต่อแถว เพื่อส่งมอบของขวัญให้แก่พวกเขายาวเหยียดไปถึงหน้าประตูรั้ว
แต่บัดนี้ มีผู้คนมาขอเข้าพบพวกเขาไม่ถึงสามสิบคนด้วยซ้ำ นับว่าอำนาจของพวกเขาได้เสื่อมถอยลงไปแล้วจริง ๆ
หัวใจของผู้คนยิ่งรู้สึกหมองเศร้า
“ฮ่า ๆๆ เหตุไฉนพวกท่านถึงได้มีสีหน้าอมทุกข์เช่นนี้เล่า?”
ฮวาไป๋เป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ยังคงยิ้มออก
เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นอย่างแช่มช้า เป่าใบชาที่ลอยอยู่ในแก้วแผ่วเบา ก่อนกล่าวว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงล่ากวางเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น ข้าได้จัดเตรียมแผนการใหม่ไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเราจะได้ทุกอย่างกลับคืนมาโดยเร็ว ทุกท่านอย่าได้เป็นกังวลไปเลย”
“ใต้เท้ากล่าวจริงนะขอรับ?”
ขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งอดถามออกมาไม่ได้
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินมีความแข็งแกร่งไร้เทียมทาน เมื่อได้องค์จักรพรรดิคอยหนุนหลัง ผู้คนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงล่ากวางก็ย้ายฝั่งไปรับใช้หลินเป่ยเฉินโดยไม่ลังเล ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่กลุ่มขุนนางใหญ่ผู้เข้าร่วมการประชุมไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อย
“สิ่งที่ข้าพูดย่อมต้องเป็นความจริง”
ฮวาไป๋ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวด้วยความมั่นใจ “พวกท่านวางใจเถอะ ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลินเป่ยเฉินเป็นเพียงซากศพที่ยังหายใจอยู่เท่านั้น อีกสามชั่วยามหลังจากนี้ เขาจะต้องถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน”
“หากหลินเป่ยเฉินถูกฆ่าตายจริง ๆ พวกเราก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องเป็นกังวลอีกแล้ว”
ความดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกลุ่มขุนนางใหญ่
“ฮ่า ๆๆ ถูกต้อง ตราบใดที่เรากำจัดคนผู้นี้ทิ้งไปได้ ไม่ว่าจะเป็นปี๋อวิ่นเถาหรือหวังจง ก็ไม่ใช่ภัยคุกคามของเราอีกแล้ว”
“ไม่มีหลินเป่ยเฉินสักคน กองทัพเซียนกระบี่ก็คงถูกทำลายในพริบตาเดียว”
อีกหลายคนส่งเสียงสนับสนุนด้วยความตื่นเต้นดีใจ
นี่นับเป็นข่าวดีสำหรับพวกเขา
ความยิ่งใหญ่ของกองทัพเซียนกระบี่ ณ บัดนี้ สามารถก่อสร้างขึ้นมาได้ก็ด้วยความแข็งแกร่งของหลินเป่ยเฉินทั้งสิ้น
ส่วนคนอื่น ๆ อย่างองค์จักรพรรดิเต้าเจี๋ยนเซียว ปี๋อวิ่นเถา หวังจงและผู้ติดตามนั้น ย่อมอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาได้ไม่ยาก
กลุ่มคนผู้เข้าร่วมการประชุมที่ก่อนหน้านี้ตื่นตระหนกเคร่งเครียด บัดนี้ สีหน้าแววตาของพวกเขาก็ผ่อนคลายลงมากแล้ว
“ใต้เท้าฮวา ท่านช่วยอธิบายให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่ ว่าเพราะเหตุใดหลินเป่ยเฉินจึงจะถึงแก่ความตายในอีกสามชั่วยาม?”
เต้าอู่ซืออดถามขึ้นมาไม่ได้จริง ๆ
ฮวาไป๋หันกลับมามองหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “นี่เป็นแผนการของข้า ท่านจะรู้ไปทำไม?”
เต้าอู่ซือถึงกับนิ่งอึ้งตะลึงงัน
ฮวาไป๋กล่าวออกมาอีกครั้ง “ท่านยังมีหน้ามาอยากรู้เรื่องราวของหลินเป่ยเฉินอีกหรือ? หากไม่ใช่ท่านคัดเลือกเจ้าเด็กติดอ่างเต้าเจี๋ยนเซียวนั่นขึ้นมารับตำแหน่ง พวกเราก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ตั้งแต่แรก”
เต้าอู่ซือได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเขาก็สงสัยเรื่องนี้เช่นกัน
ไม่ว่าขบคิดอย่างไร เต้าอู่ซือก็ได้คำตอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้นว่า เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลินเป่ยเฉินเจ้าเล่ห์มากเกินไป
ฮวาไป๋วางถ้วยน้ำชาลงและกล่าวต่อ “ทุกท่านรับฟังให้ดี อีกสามชั่วยามหลังจากนี้ หลินเป่ยเฉินจะต้องถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน หลังจากนั้น เราก็แค่ต้องบุกโจมตีคฤหาสน์ลู่หลิวให้เร็วที่สุด และใช้โอกาสนี้สังหารพวกขุนนางที่แปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับหลินเป่ยเฉินซะ เพียงเท่านี้ อาณาจักรซือเว่ยก็จะตกเป็นของพวกเราโดยสมบูรณ์แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นใต้เท้าได้โปรดมอบคำบัญชามาเถอะ”
ทุกคนส่งเสียงขึ้นด้วยความคึกคัก
ฮวาไป๋หันกลับมาจ้องมองเต้าอู่ซืออีกครั้งและถามว่า “ข้ามีภารกิจสุดท้ายให้ท่านทำ เมื่อท่านทำภารกิจนี้สำเร็จ ข้าจะแต่งตั้งท่านกลับขึ้นเป็นราชครูประจำตัวองค์จักรพรรดิตามเดิม… ไม่ทราบว่าท่านต้องการทำภารกิจนี้หรือไม่?”
“จริงหรือ?”
เต้าอู่ซือแสดงสีหน้าประหลาดใจ
ฮวาไป๋ถามว่า “คำพูดของข้าเชื่อถือไม่ได้ตั้งแต่เมื่อใด?”
เต้าอู่ซือกัดฟันกรอดและพยักหน้ารับคำ “ย่อมต้องการ”
ฮวาไป๋ยิ้มออกมาทันที