เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1768 จอมเทพจักราปรากฏตัว
ตอนที่ 1,768 จอมเทพจักราปรากฏตัว
“ในที่สุดก็มาถึงแล้ว”
เรือเหาะทองคำลอยอยู่กลางอากาศ หวงเฉิงอี้ยืนอยู่บนหัวเรือและจ้องมองดินแดนที่อยู่เบื้องล่างห่างไกลออกไป
เมืองเทียนหลางซิงแห่งอาณาจักรซือเว่ย
ที่นี่เป็นดินแดนที่สวยงาม
หวงเฉิงอี้คลี่ม้วนกระดาษในมือออกอ่าน นี่คือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉิน
ฉากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ถูกฉายออกมาจากม้วนกระดาษเป็นภาพเคลื่อนไหว
หวงเฉิงอี้เฝ้าดูด้วยสีหน้าจริงจัง
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตา
“ความแข็งแกร่งในระดับนี้ คงอยู่ในขั้นจอมเทพจักราระดับ 3 แล้วกระมัง”
เปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของนาง แล้วม้วนกระดาษนั้นก็ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน ภาพเคลื่อนไหวที่ฉายออกมาสลายหายไป
“สมแล้วที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ สามารถฆ่าคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังสามารถสร้างชื่อเสียงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เราจะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด… ดูเหมือนการเลือกร่วมมือกับฮวาไป๋ คงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว”
หวงเฉิงอี้คิด
หลังจากนั้น นางก็ระเบิดพลังในขั้นจอมเทพจักราออกไป
คลื่นพลังกดดันของนางครอบคลุมไปทั่วตัวเมืองเทียนหลางซิง
ทันใดนั้น สิ่งมีชีวิตทุกชนิดก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล สิ่งมีชีวิตบางสายพันธุ์มีร่างกายอ่อนแอจึงทนรับคลื่นพลังเหล่านี้ไม่ไหว พวกมันก็ถึงแก่ความตายไปโดยทันที
ในเวลาเดียวกันนี้ ผู้คนที่อยู่ภายในตัวเมืองก็หยุดทำกิจกรรมของตนเอง และได้แต่เงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความตื่นตระหนก
สิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือสตรีผู้มีร่างกายขนาดใหญ่นางหนึ่งกำลังก้มมองลงมาที่พื้นดิน
ดวงตาของนางกลมโตไม่ต่างจากตะวันสีแดงฉานที่แผ่รังสีอำมหิตไม่มีที่สิ้นสุด
สตรีผู้นี้ยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ ราวกับว่าสามารถทำลายล้างดินแดนแห่งนี้ได้ในพริบตา
น่ากลัว!
น่าสยดสยอง!!
หายใจไม่ออก!!!
ไม่ต่างจากจุดสิ้นสุดของโลก
“จอมเทพจักรา!”
“นี่มันพลังทำลายล้างในขั้นจอมเทพจักรา!”
“ให้ตายสิ!”
“ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรามาทำอะไรที่นี่?”
“หรือว่าพวกสภาขุนนางไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้อีกแล้ว?”
ผู้คนต่างก็ตัวสั่นเทา และรีบคุกเข่าลงบนพื้นดิน เพื่อสวดภาวนาให้จอมเทพจักราไม่ระเบิดความโกรธแค้นออกมาจนตนเองต้องได้รับความเดือดร้อนไปด้วย
ทุกคนย่อมทราบดีว่าความโกรธแค้นของผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรานั้นน่ากลัวเพียงใด
เพราะว่าจอมเทพจักรามีความสามารถในการทำลายล้างเมืองได้ทั้งเมือง
“หลินเป่ยเฉิน!!!”
พลัน เสียงคำรามที่เย็นชาดังกังวานไปทั่วเมืองเทียนหลางซิง ทำให้ผู้คนแทบหยุดหายใจ “จงไสหัวออกมาพบกับข้าเดี๋ยวนี้!”
หวงเฉิงอี้กระโดดขึ้นจากเรือเหาะและลอยตัวอยู่กลางอากาศ
บัดนี้ ผู้คนที่อยู่ในเมืองเทียนหลางซิงต่างก็รับทราบแล้วว่าจอมเทพท่านนี้มาปรากฏตัวที่นี่ด้วยเหตุอันใด
นางมาที่นี่เพื่อตามหาหลินเป่ยเฉิน
แทบไม่มีผู้ใดไม่รู้จักหลินเป่ยเฉิน
“ข้าให้เวลาเจ้าสิบลมหายใจ หากเจ้าไม่ปรากฏตัวออกมา ข้าจะทำลายที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง และข้าจะสังหารชาวเมืองทุกคนให้ตายไปพร้อมกับเจ้า”
หวงเฉิงอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและปลดปล่อยพลังกดดันออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด ก่อนจะเริ่มต้นนับถอยหลัง “สิบ... เก้า… แปด…”
ผู้คนสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความหวาดกลัวที่ปรากฏขึ้นในหัวใจ
หลินเป่ยเฉินไปทำอะไรเอาไว้ เหตุไฉนจอมเทพจักราถึงได้มาตามล่าเขาเช่นนี้?
ฮวาไป๋ไม่ใช่หรือที่สมควรตายมากกว่า?
ชาวเมืองทุกคนได้แต่คิดแล้วก็สงสัยอยู่ในใจ
…
จวนประจำตำแหน่งผู้คุมสภา
ฮวาไป๋พยายามแสร้งดื่มน้ำชาด้วยความสงบนิ่ง แต่มือของเขากลับสั่นเทาเล็กน้อย ในที่สุด สีหน้าก็ปรากฏความลิงโลดใจออกมาแล้ว
สุดท้าย ช่วงเวลานี้ก็มาถึง
“ใต้เท้าฮวา ข้าไม่ได้โกหกท่าน”
เงาร่างในชุดเสื้อคลุมสีดำกล่าวออกมาอย่างแช่มช้า
“ข้าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจอมเทพจักราท่านนี้จะสามารถฆ่าหลินเป่ยเฉินได้สำเร็จหรือไม่” ฮวาไป๋พยายามสะกดกลั้นความตื่นเต้นในหัวใจและกล่าวต่อไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัยว่า “มีข่าวลือมาโดยตลอดว่าในกองทัพของหลินเป่ยเฉิน ยังคงมีจอมเทพจักราคนอื่นซ่อนตัวอยู่อีก”
ร่างในชุดเสื้อคลุมสีดำหัวเราะในลำคอและตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านวางใจเถอะ จอมเทพจักราแบ่งแยกเป็นระดับสูงต่ำ และจากข้อมูลการต่อสู้ก่อนหน้านี้ จอมเทพจักราที่คอยช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินเป็นเพียงจอมเทพจักราชั้นต่ำเท่านั้น ไม่สามารถขัดขวางแผนการสังหารของเราได้เด็ดขาด”
ผู้ที่คอยช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินเป็นเพียงจอมเทพจักราชั้นต่ำอย่างนั้นหรือ?
ฟังดูเป็นถ้อยคำที่ยโสโอหังไม่น้อย
ฮวาไป๋สวมใส่เสื้อคลุมและลุกขึ้นยืน “หากเป็นเช่นนั้นข้าก็เบาใจ”
ร่างในชุดเสื้อคลุมสีดำกล่าวต่อไป “บัดนี้ หลินเป่ยเฉินกำลังลุ่มหลงในเงินทองและอำนาจของตนเอง ย่อมไม่ทันตั้งตัวรับมือการโจมตีอย่างกะทันหัน หากท่านช่วยสนับสนุนและส่งเสริมพวกเรา เราก็จะทำให้ท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่แห่งอาณาจักรซือเว่ย ขอเพียงท่านช่วยขนส่งสินค้าบางประการให้เราก็พอแล้ว”
ฮวาไป๋นิ่งเงียบด้วยความสงสัยใจว่า ‘สินค้า’ เหล่านั้นคืออะไรกันแน่
แต่เขาก็รู้ดีว่านี่คือสิ่งที่ตนเองไม่ควรถามออกไปเด็ดขาด
อีกฝ่ายถึงกับยอมนำตัวจอมเทพจักรามาจัดการหลินเป่ยเฉินเพื่อแลกกับการขนส่งสินค้าเหล่านั้น นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสินค้าที่เอ่ยถึง ต้องไม่ใช่สิ่งของธรรมดาอย่างแน่นอน
ฮวาไป๋เดินออกมาจากห้องประชุมและออกคำสั่งให้นายทหารทุกคนเตรียมความพร้อมทันที
…
คฤหาสน์ลู่หลิว
เด็กสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความตื่นตระหนก
เงาร่างขนาดใหญ่ของมนุษย์ผู้หนึ่งปกคลุมแผ่นฟ้า มวลพลังกดดันแพร่กระจายรอบทิศทาง ราวกับสามารถทำลายล้างเมืองเทียนหลางซิงได้ในพริบตาเดียว
ความแข็งแกร่งระดับนี้เป็นได้เพียงยอดฝีมือในตำนานเท่านั้น
“นายท่านของเจ้าไปมีเรื่องขัดใจกับยอดฝีมือระดับสูงเช่นนี้เชียวหรือ?”
นางหันหน้าไปมองอากวงด้วยความสงสัย
เจ้าหนูอสูรหางกุดเงยหน้าขึ้น พลางพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก เมินเฉยที่จะตอบคำถาม
คอยดูให้ดีเถอะ แม่สาวน้อยผู้มีตาแต่หามีแววไม่
รอให้นายท่านของข้าแสดงฝีมือเสียก่อน รับรองว่าจอมเทพจักราผู้นี้จะต้องถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น อย่ามาคุกเข่าขอร้องให้นายท่านของข้าผสมพันธุ์กับเจ้าก็แล้วกัน
เสี่ยวติงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงผู้เห็นแจ้งว่า “นี่เรียกว่าไม่ห่วงหาจึงไม่ถามถึง”
เด็กสาวขมวดคิ้วแล้วหันมามองหน้าน้องชาย “เจ้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”
ผู้เป็นน้องชายตอบว่า “ดูเหมือนข้าจะได้เป็นพยานของตำนานรักครั้งยิ่งใหญ่เสียแล้ว”
ผู้เป็นพี่สาวถึงกับพูดคำใดไม่ออก
นางหันกลับมามองหน้าอากวงอีกครั้งและถามว่า “นายท่านของเจ้าหายหัวไปที่ใดแล้ว? เขายังอยู่ดีหรือไม่? เหตุไฉนถึงไม่ปรากฏตัวออกมา? หรือเขารู้ตัวดีว่าสู้ไม่ได้ ก็เลยหลบหนีไปเสียแล้ว?”