เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1772 ฝากไว้ก่อนเถอะ
ตอนที่ 1,772 ฝากไว้ก่อนเถอะ
บัดนี้ ร่างกายของหลินเป่ยเฉินมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ทองคำ
หนามแหลมที่ทิ่มแทงลงสู่ผิวหนังของเขานั้น ไม่สามารถสร้างความเจ็บปวดได้อีกต่อไป
“นี่มันอะไรกัน?”
หวงเฉิงอี้ร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก
สัญชาตญาณร้องเตือนให้นางรีบถอยห่างออกมา
แต่ในเวลาเดียวกันนี้
แขนขนาดใหญ่ของหลินเป่ยเฉินก็ม้วนกวาดเถาวัลย์ผีสางเหล่านั้นเข้าหาตัว เด็กหนุ่มร่างยักษ์พลันออกแรงดึงอย่างรุนแรง แล้วหวงเฉิงอี้ก็ไม่สามารถควบคุมสิ่งใดได้อีกต่อไป ร่างของนางถูกกระชากเข้ามายังทิศทางของเขาด้วยความรวดเร็ว
“เคี้ยก! เคี้ยก! เคี้ยก! เคี้ยก!”
หลินเป่ยเฉินฉุดกระชากหวงเฉิงอี้เข้ามาหาตนเองพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะ “ฮ่า ๆๆ ต่อต้านข้าสิ ดิ้นรนเข้าไป พยายามพิสูจน์ว่าตัวเจ้าไม่ได้อ่อนแอ… และเจ้าจะไม่มีทางพ่ายแพ้ให้แก่ข้าเป็นอันขาด!”
หวงเฉิงอี้พยายามดิ้นรนสุดความสามารถ
แต่เถาวัลย์ผีที่อยู่ในมือของหลินเป่ยเฉินเหล่านั้นเปรียบเสมือนอวัยวะในร่างกายของนาง
มันเติบโตออกไปจากร่างกายของนาง หวงเฉิงอี้จึงไม่สามารถตัดขาดมันออกไปได้
ระยะห่างระหว่างหลินเป่ยเฉินกับหวงเฉิงอี้ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ
คลื่นพลังกดดันในอากาศรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“วิชาเถาวัลย์พันดารา!”
“วิชาเถาวัลย์เพลิงตะวัน!”
“วิชาเถาวัลย์ปากอสูร!”
ขณะที่พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยความโกรธแค้น หวงเฉิงอี้ก็โจมตีออกไปอย่างต่อเนื่อง เมล็ดพันธุ์หายากจำนวนมากโปรยออกไปจากฝ่ามือของนาง แล้วพวกมันก็เติบโตเป็นรากไม้ขนาดใหญ่พุ่งเข้าไปหาหลินเป่ยเฉิน
แต่บัดนี้ การโจมตีของหวงเฉิงอี้ไม่สามารถสร้างอันตรายได้เลยแม้แต่น้อย
เถาวัลย์พันดารายังไม่ทันเข้าถึงตัวเขา พวกมันก็ถูกระเบิดด้วยพลังกดดัน
เถาวัลย์เพลิงตะวันที่มีอุณหภูมิร้อนสูงก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ผิวหนังของหลินเป่ยเฉินได้เลยสักนิด
ส่วนเถาวัลย์ปากอสูรที่พยายามงับหลินเป่ยเฉินด้วยฟันเลื่อยจำนวนนับไม่ถ้วนก็ต้องแหลกสลายลงไปเช่นกัน
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินถือเป็นปีศาจแห่งการทำลายล้างที่แท้จริง พลังกดดันแผ่ออกมาจากร่างกายอย่างรุนแรงและหนักหน่วง ในระหว่างที่สาวเถาวัลย์เข้าหาตัว สีหน้าของเขาก็ดูบ้าคลั่งและวิกลจริต
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”
ในที่สุด หวงเฉิงอี้ก็ตื่นตระหนกแล้วจริง ๆ
พลังกดดันโถมเข้าใส่จนนางหายใจไม่ออก
หวงเฉิงอี้ตกตะลึงในความแข็งแกร่งของหลินเป่ยเฉิน นางตระหนักชัดว่าตนเองคงไม่มีทางเอาชนะเขาได้อีกแล้ว
ผึ่ง! ผึ่ง! ผึ่ง! ผึ่ง!
เถาวัลย์จำนวนมากพลันขาดออกไปจากร่างกายของนาง
โลหิตสีเขียวพุ่งกระฉูดออกมาจากรูบนผิวหนัง
แต่มันก็ช้าเกินไป
หวงเฉิงอี้ถูกลากเข้าไปใกล้หลินเป่ยเฉินมากแล้ว
“อ่อนแอถึงเพียงนี้ ยังกล้ามาอาละวาดในอาณาจักรซือเว่ยอีกหรือ?”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นและบีบศีรษะของหวงเฉิงอี้
ไม่ต่างจากยักษ์ใหญ่ที่กำลังบีบลูกไก่ตัวหนึ่งอยู่ในกำมือ
โพละ!
ศีรษะของหวงเฉิงอี้ระเบิดกระจายด้วยแรงบีบ
โลหิตสาดกระเซ็น
“วิชาละอองเกสรสลายร่าง!”
พรึ่บ!
แล้วร่างของหวงเฉิงอี้ก็ระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือดสีเขียวเข้ม
หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น การที่ศีรษะและร่างกายระเบิดถึงเพียงนี้ย่อมหมายถึงความตายอย่างแน่นอน หรือมิเช่นนั้น ก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่หลินเป่ยเฉินอ้าปากเหวอ
เพราะว่ามวลอากาศหมุนตัวเป็นลมหมุนหอบม่านหมอกเลือดเหล่านั้นห่างไกลออกไป
แม้แต่หยดเลือดที่กระเด็นมาเปรอะเปื้อนตามเนื้อตัวของหลินเป่ยเฉินก็ถูกสายลมพัดพาออกไปเช่นกัน
“หลินเป่ยเฉิน ข้าไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่”
ห่างออกไปหลายร้อยวา หวงเฉิงอี้ก็กลับมารวมร่างสมบูรณ์ดังเดิมอีกครั้ง
“แล้วข้าจะกลับมาใหม่ ฝากไว้ก่อนเถอะ”
สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความขมขื่นขณะกัดฟันกล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดจะหนีรอดเงื้อมมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจ… เมื่อข้ากลับมาอีกครั้ง นั่นจะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเจ้า”
ครืน!
หลินเป่ยเฉินตอบรับด้วยการเหวี่ยงหมัดออกไป
คลื่นพลังพุ่งออกจากกำปั้นของเขาไม่ต่างไปจากลำแสงกระบี่สายหนึ่ง
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินมีร่างกายใหญ่ยักษ์ พลังหมัดของเขาจึงมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นราวกับว่าเด็กหนุ่มสามารถทำลายล้างโลกได้ทั้งใบด้วยหมัดเดียว และพลังทำลายล้างของหมัดนี้ ก็น่าจะทำให้หวงเฉิงอี้ได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน
ลำแสงจากหมัดของหลินเป่ยเฉินพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วสายฟ้าฟาด
หวงเฉิงอี้ทิ้งตัวกลับยืนอยู่บนเรือเหาะทองคำ
แต่ในพริบตาต่อมา เรือเหาะก็ระเบิดกลายเป็นฝุ่นผงสีทองคำ
“วิชาละอองเกสรสลายร่าง…”
หวงเฉิงอี้ใช้วิชาเดิมอีกครั้งด้วยความตื่นกลัว
แล้วร่างของนางก็ระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือด
ก่อนที่จะกลับมารวมร่างใหม่อีกครั้ง
ด้วยร่างกายที่ชุ่มเลือด!
“วิชาไม้เลื้อยลื่นไหล!”
นางนำผงสมุนไพรออกมาโปรยใส่บาดแผลของตนเอง หลังจากนั้น หวงเฉิงอี้ก็พุ่งตัวหายวับไปทางเส้นขอบฟ้าในที่สุด
หลินเป่ยเฉินไม่ได้ไล่ตามต่อไปอีก
เพราะหลังจากที่ร่างกายของเขาขยายขนาดใหญ่ยักษ์ แม้จะมีพลังในการตั้งรับและการโจมตีเพิ่มมากขึ้น
แต่สิ่งที่ลดน้อยลงก็คือความรวดเร็ว!
โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวทางอากาศ เขาไม่มีทางไล่ตามผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักราทันอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้น ไล่ตามไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด
จุดประสงค์ในการต่อสู้ครั้งนี้ลุล่วงแล้ว
หลินเป่ยเฉินรู้แล้วว่าร่างกายของตนเองมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับใด
เขาสามารถต่อสู้กับจอมเทพจักราที่ต่ำกว่าระดับ 3 ได้ทุกคน... แต่อีกฝ่ายต้องไม่มีสุดยอดอาวุธเล่นแร่แปรธาตุอยู่ด้วยน่ะนะ
หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าความแข็งแกร่งของตนเองขณะนี้สามารถรับมือกับจอมเทพจักราได้ถึงระดับ 5 ด้วยซ้ำไป
แต่ถ้าสูงกว่าระดับ 5…
เรื่องนั้นเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ
และไม่มีประโยชน์ที่จะนึกถึงในตอนนี้
ร่างของเด็กหนุ่มเริ่มหดเล็กลง
จนกระทั่งเขากลับมาอยู่ในร่างขนาดปกติอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย
การต่อสู้ครั้งนี้ผลาญพลังไปเป็นจำนวนมาก
“พวกมันนำตัวจอมเทพจักราออกมาต่อสู้กับเรา ภายในเมืองจึงเหลือยอดฝีมือเพียงไม่กี่คน แสดงว่าคงวางแผนร้ายบุกโจมตีเอาไว้แน่… เราคงต้องรีบกลับไปแล้วสิ”
หลินเป่ยเฉินกำลังจะพุ่งตัวกลับสู่เมืองเทียนหลางซิง ทันใดนั้น สายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับผงสีทองคำที่ลอยว่อนอยู่ในอากาศรอบตัว
“หืม? นี่มันเมล็ดเถาวัลย์พันดาราไม่ใช่หรือ?”