เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1773 โชคเข้าข้าง
ตอนที่ 1,773 โชคเข้าข้าง
หลินเป่ยเฉินหมุนวนฝ่ามือเล็กน้อย แล้วเมล็ดสีทองคำเหล่านั้นก็พุ่งเข้ามาหาฝ่ามือของเขา
เขาอาจจะนำมันไปปลูกในเกม Happy Farm ได้
หลินเป่ยเฉินไม่มีทางปล่อยผ่านสิ่งใดไปโดยเปล่าประโยชน์
เมื่อคิดได้ดังนี้ เด็กหนุ่มก็เก็บรวบรวมเศษซากเถาวัลย์และเมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ ที่หวงเฉิงอี้โปรยทิ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อมีเวลา เขาจะลองนำพวกมันไปปลูกในเกม Happy Farm แล้วเขาก็คงได้คำตอบว่าเมล็ดพันธุ์เหล่านี้สามารถนำมาเพาะปลูกได้หรือไม่
แต่หลินเป่ยเฉินเชื่อว่าไม่มีอะไรที่เกม Happy Farm จะปลูกไม่ได้
สำหรับผู้ใช้สายเลือดนักพฤกษา เมล็ดพันธุ์เหล่านี้มีค่าเทียบเท่ากับชีวิตของตนเอง
ต่อให้เป็นผู้ใช้สายเลือดนักพฤกษาชั้นปลายแถว แต่หากมีเมล็ดพันธุ์หายากเหล่านี้อยู่ในการครอบครอง ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นทวีคูณ
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็พุ่งตัวกลับลงไปที่เมืองเทียนหลางซิงที่อยู่ด้านล่าง
…
“เป็นไปได้อย่างไร?”
เด็กสาวยืนอยู่บนป้อมปราการ เห็นการระเบิดของม่านหมอกเลือดสีเขียวกระจายอยู่รอบบริเวณคฤหาสน์ลู่หลิว สีหน้าของนางบอกชัดถึงความตกตะลึง
และบรรดากองทัพที่ยกกำลังพลมาปิดล้อมคฤหาสน์ก็ตกอยู่ภายใต้ม่านหมอกสีเขียวเหล่านั้น ก่อนที่จะพ่ายแพ้ยับเยิน
ในฐานะนักหลอมโอสถ นางไม่เชื่อว่านี่จะเป็นหมอกพิษ เพราะนางไม่ได้กลิ่นยาพิษเลยแม้แต่น้อย
‘นี่เป็นระเบิดพิษจากอึของข้าเอง’
อากวงเขียนข้อความบนกระดานชนวนอย่างรวดเร็ว ‘ข้าวางระเบิดพิษไว้รอบคฤหาสน์ตั้งนานแล้ว’
เมื่อเขียนคำอธิบายเสร็จสิ้น เจ้าหนูอสูรหางกุดสีเงินก็ลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะ ‘ทิ้งระเบิด’ ลงมาทั่วพื้นที่รอบคฤหาสน์อีกครั้ง อึของมันผสมลงไปทั่วพื้นที่ในทุก ๆ สภาพแวดล้อมได้อย่างแนบเนียน ไม่มีผู้ใดจะสามารถสังเกตเห็นแม้แต่น้อย
และหากมีผู้คนมาเหยียบ ‘กับระเบิด’ ของอากวงเข้า หมอกพิษก็จะระเบิดออกมาโดยทันที… ต่อให้เป็นผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิก็ต้องมึนงงสับสน... ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
การระเบิดยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“นี่มัน…”
เมื่อเด็กสาวเข้าใจทุกอย่าง สีหน้าของนางก็ดูจะประหลาดพิกลขึ้นมาเล็กน้อย
ผิดกับเสี่ยวติงที่มีดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “นี่มัน… วิธีการเดียวกับที่ข้าใช้หลอมโอสถเลยนะท่านพี่ อย่าบอกนะว่าท่านพี่อากวงก็เป็นนักหลอมโอสถเหมือนกัน? ในที่สุด ข้าก็จะได้มีเพื่อนแล้ว!”
น่าเสียดายที่อากวงเป็นหนูเพศผู้
ถ้าอากวงเป็นหนูเพศเมียนะ…
ช้าก่อน ทำไมถึงมีความคิดแปลก ๆ ผุดขึ้นมาในหัวของข้าได้เนี่ย?
เสี่ยวติงยกมือเกาศีรษะด้วยความมึนงง
ว่าแต่ว่าบุรุษก็สามารถรักกันได้ไม่ใช่หรือ?
ทันใดนั้น เด็กชายก็รู้สึกว่าตนเองได้ค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่เข้าให้เสียแล้ว
…
วังหลวง
การต่อสู้ยุติลง
“ฮ่า ๆๆ…”
ฮวาไป๋จ้องมองไปที่วังหลวงซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาโดยสมบูรณ์ บัดนี้ เต้าเจี๋ยนเซียวกับปี๋อวิ่นเถาก็ถูกกองทัพอีกาดำปิดล้อม เมื่อเห็นเช่นนั้น ฮวาไป๋ก็ต้องเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นท้องฟ้า “นับว่าโชคเข้าข้างข้าแล้วจริง ๆ”
ฮวาไป๋รู้สึกว่าตนเองโชคดีเหลือเกิน
เมื่อการต่อสู้ครั้งนี้จบลง เขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาราชสำนักอีกต่อไป
เพราะเขานี่แหละจะกลายเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่
ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้แก่หลินเป่ยเฉิน
ฮวาไป๋รู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือดาวนำโชคของเขาอย่างแท้จริง
…
“ฝ่าบาท วังหลวงถูกตีแตกแล้ว รีบหนีก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
ร่างวิญญาณของแม่ทัพใหญ่กุ้ยจวิ้นเปียกโชกด้วยโลหิต กระบี่ที่เป็นอาวุธเล่นแร่แปรธาตุระดับ 25 แตกร้าว เขากล่าวออกมาด้วยความร้อนรน “พวกเราควรรีบหนีออกไปจากที่นี่และหาทางกลับไปหาท่านราชครูหลินให้ได้”
บัดนี้ เต้าเจี๋ยนเซียวยังอยู่ภายใต้การอารักขาของมารดาและหวังจงรวมถึงยอดฝีมืออีกประมาณสี่สิบชีวิต
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ราชสำนักเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
นอกจากถูกบุกโจมตีด้วยกองทัพของฮวาไป๋แล้ว พวกเขายังถูกทรยศจากคนในวังอีกด้วย
บัดนี้ ราชสำนักได้รับความเสียหายใหญ่หลวง
เชื้อพระวงศ์คนสำคัญนับร้อยชีวิต ถูกสังหารไปถึงแปดสิบแปดคน
ไม่กี่วันก่อน บรรดาองค์ชายที่อยากจะขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ ก็ต้องนอนทอดร่างกลายเป็นซากศพจากการต่อสู้ในครั้งนี้เช่นกัน ร่างกายของพวกเขาแหลกสลาย ไม่มีผู้ใดสามารถจดจำองค์ชายเหล่านี้ได้อีกแล้ว
ดังนั้น บุคคลสําคัญแห่งราชสำนักจึงหลงเหลืออยู่แต่เพียงเต้าเจี๋ยนเซียว ซึ่งขณะนี้ได้รับการคุ้มครองโดยกลุ่มราชองครักษ์ประจำวังหลวง ปี๋อวิ่นเถา แม่ทัพใหญ่กุ้ยจวิ้นและเหล่าทหารจากกองทัพเซียนกระบี่ที่มีหวังจงเป็นผู้บังคับบัญชา
ชุดเกราะทองคำที่เต้าเจี๋ยนเซียวสวมใส่เกิดรอยร้าวหลายส่วน
ในมือของเขาถือดาบคู่ขนาดใหญ่ สีหน้าของเด็กหนุ่มไม่ต่างจากเสือร้ายที่กำลังบ้าคลั่ง ทุกครั้งที่ดาบในมือตวัดออกไป ก็จะต้องมีศัตรูเสียชีวิตลงทันที
หากว่ากันด้วยการต่อสู้ในระยะประชิดตัว เต้าเจี๋ยนเซียวแข็งแกร่งกว่าอัจฉริยะยอดฝีมืออย่างปี๋อวิ่นเถาเสียอีก
และด้านหลังของเต้าเจี๋ยนเซียวในขณะนี้ ยังมีวิญญาณของอดีตจักรพรรดิลอยล่องอยู่อีกตนหนึ่ง
เป็นวิญญาณขององค์จักรพรรดิลำดับที่สิบ เต้าซุนกง ซึ่งเป็นผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพันขั้นจอมเทพจักรพรรดิระดับ 2 ร่างกายจึงมีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้คนทั่วไป พลังในการต่อสู้เทียบเท่ากับจอมเทพจักรพรรดิระดับ 7 และเมื่อวิญญาณของจักรพรรดิเต้าซุนกงถ่ายเทพลังของตนเองเข้าสู่ดาบในมือเต้าเจี๋ยนเซียว จึงแทบไม่มีผู้ใดสามารถรับมือการโจมตีของเด็กหนุ่มร่างอ้วนได้อีกแล้ว
แต่ศัตรูมีกำลังพลมากเกินไป
เมื่อเห็นกลุ่มราชองครักษ์รอบกายลดน้อยลงเรื่อย ๆ เต้าเจี๋ยนเซียวก็รู้แล้วว่าตนเองคงไม่สามารถพิทักษ์วังหลวงได้อีกแล้ว
“ตามข้ามา”
ในช่วงเวลาวิกฤต เจ้าอ้วนไม่ได้ติดอ่างอีกแล้ว
เขาพุ่งตัวไปข้างหน้า นำทางทั้งคนเป็นและวิญญาณคนตายไปยังทางออกของวังหลวง
บัดนี้ ฮวาไป๋ได้ส่งคนให้มาสร้างค่ายอาคมวิเศษเอาไว้และนั่นทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้พลังในการเหาะเหินเดินอากาศได้ ทุกคนจำเป็นต้องหลบหนีออกไปด้วยสองเท้าเท่านั้น
เต้าเจี๋ยนเซียวใช้ดาบคู่ในมือของตนเองเป็นใบเบิกทางสู่ประตูหลบหนี
รอบกายเขายังมีมารดา หวังจงและคนอื่น ๆ
แม่ทัพใหญ่กุ้ยจวิ้นกับปี๋อวิ่นเถาคอยพิทักษ์อยู่สองข้างกายซ้ายขวา
ห่างออกไป บัลลังก์ในท้องพระโรงของตำหนักหมาป่าถูกเผาไหม้เป็นเปลวไฟลุกโชน ฮวาไป๋ยืนมองภาพทั้งหมดนี้ด้วยความสะใจยิ่งนัก
เมื่อการต่อสู้ครั้งนี้จบลง บรรดาเชื้อพระวงศ์ก็แทบสูญสิ้นผู้สืบทอด
ต่อจากนี้ไป จะเป็นช่วงเวลาแห่งราชวงศ์ฮวาขึ้นครองราชย์บ้างแล้ว!
“ใต้เท้าฮวา”
เต้าอู่ซือเดินเข้ามาด้วยใบหน้าซีดขาวและกล่าวอย่างประจบประแจงว่า “ข้าทำภารกิจที่ท่านมอบหมายให้สำเร็จแล้ว… เอ๊ะ?”
กล่าวยังไม่ทันจบประโยค
กระบี่เล่มหนึ่งก็เสียบแทงทะลุหน้าอกมาจากทางด้านหลัง
เต้าอู่ซือก้มหน้ามองหน้าอกตนเองด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนที่สีหน้าจะแสดงออกถึงความตื่นกลัวและความโกรธแค้น
ผู้ลงมือเป็นคนสนิทของฮวาไป๋อย่างลั่วอี้หูู
หากไม่มีคำสั่งจากฮวาไป๋ นางย่อมไม่มีทางลงมือด้วยตนเองเด็ดขาด
“เจ้า… คำพูดของเจ้ามันเชื่อถือไม่ได้จริง ๆ”
เต้าอู่ซือกัดฟันกรอด จ้องมองฮวาไป๋ด้วยความเคียดแค้น
“ผู้ใดบอกว่าคำพูดของข้าเชื่อถือไม่ได้…”
ฮวาไป๋ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ข้าก็ทำตามคำสัญญาที่มอบให้เจ้าอยู่นี่ไง เจ้ากำลังจะได้ตามไปรับตำแหน่งท่านราชครูประจำตัวองค์จักรพรรดิในปรโลก!”