เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1782 หลงทาง
ตอนที่ 1,782 หลงทาง
หลินเป่ยเฉินเพิ่มแรงผลักประตูขึ้นอีกนิด แล้วบานประตูทองสัมฤทธิ์ก็ค่อย ๆ เปิดออก
ครืด!
ประตูทั้งสองบานเปิดเข้าไปทางด้านใน
ด้านในห้องมีแสงสลัว
หลินเป่ยเฉินก้มหยิบเทียนไขที่ปักอยู่บนพื้นหินขึ้นมาและเดินเข้าไปด้านในอย่างเชื่องช้า
การปล้นสุสานให้ความรู้สึกที่น่าตื่นเต้น
เทียนไขเล่มนี้ทำขึ้นมาจากไขมันสัตว์อสูร จึงให้แสงสว่างเป็นสีเขียวเรืองรอง
ด้านหลังประตูทองสัมฤทธิ์ยังคงเป็นอุโมงค์ทางเดินทอดยาวเข้าไป มิหนำซ้ำ หลินเป่ยเฉินยังเจอทางแยกที่ไม่ต่างจากเขาวงกต
หลินเป่ยเฉินก้มมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่กำลังบอกทิศทางแก่เขา แต่เดินต่อไปได้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น เด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงครืดคราดจากทางด้านหลัง แล้วประตูทองสัมฤทธิ์ก็งับปิดปัง!
หลินเป่ยเฉินเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้ว เขาจึงเดินต่อไปอย่างไม่หวาดหวั่น
เมื่อเดินต่อไปได้อีกเพียงเล็กน้อย เขาก็เห็นแสงสว่างมาจากสุดปลายทางเดินของอุโมงค์
มีแสงสว่างได้อย่างไร?
ในสุสานหลักมีสิ่งที่ให้แสงสว่างได้ด้วยหรือ?
หลินเป่ยเฉินเดินตามเส้นทางในแผนที่ด้วยความระมัดระวัง จนกระทั่งไปถึงตำแหน่งที่มีแสงสว่างสาดส่องออกมา
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงนกน้อยส่งเสียงร้องขับขาน
ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของมวลบุปผา
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่ที่ปลายสุดทางเดินของอุโมงค์แห่งนี้ สีหน้าของเขาตกตะลึงไม่ต่างจากมนุษย์ต่างดาวที่ค้นพบโลกมนุษย์
เบื้องหน้าเขาคือสวนดอกไม้ที่สวยงาม
ดวงตะวันสาดส่อง นกน้อยส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว ดอกไม้เบ่งบาน สายน้ำไหลริน ลมเย็นพัดโบก
บรรยากาศแสนสงบสุขไม่ต่างจากสรวงสวรรค์
มันดูไม่เหมือนกับเป็นสุสานที่ถูกปิดตายเลยสักนิด
‘หรือว่านี่คือภาพมายาจากค่ายอาคม?’
หลินเป่ยเฉินคิด
แต่ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็ต้องตกตะลึงเพราะเกิดแสงสว่างขึ้นเบื้องหน้าเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ห่างไปทางเบื้องหน้าเขาไม่กี่วา มีร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งเดินผ่านสวนดอกไม้ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ นางสวมใส่ชุดกระโปรงแดงคลุมเข่าและสวมรองเท้าหนังสีดำ ผิวพรรณขาวเนียนไร้ตำหนิ ผมผูกรวบเป็นหางม้ายกสูง… บนใบหน้ามีผืนผ้าสีแดงคาดปิดดวงตา ชายผ้าผืนนั้นปลิวไสวตามแรงลมอยู่ทางด้านหลังศีรษะ
นี่คือเซี่ยเต๋อจี!
นางไม่ใช่รูปปั้นอีกแล้ว!!
แต่นี่เป็นเพียงภาพมายา… หรือว่าเป็นวิญญาณของนางจริง ๆ กันแน่?
“มาแล้วหรือ?”
หญิงสาวตาบอดกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เสียงของนางลอยมาตามสายลม
สายลมนั้นทำให้สวนดอกไม้ไหวเอน
“ข้า…”
หลินเป่ยเฉินก้มมองเทียนไขที่ถืออยู่ในมือ ไม่รู้เลยว่าเทียนไขเผาไหม้หมดเล่มไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“???”
จะตอบยังไงดีวะ?
หลินเป่ยเฉินรวบรวมความกล้าตอบกลับไปว่า “ขออภัยพี่สาว ข้าน้อยเพียงหลงทางมาเท่านั้น ท่านคงจำคนผิดแล้ว”
พูดจบ เด็กหนุ่มก็หมุนตัวเดินออกมา
“อย่าได้หวาดกลัวไปเลย”
เสียงของหญิงสาวตาบอดดังมาจากทางด้านหลัง “ข้าเป็นเพียงวิญญาณ ไม่ใช่คนเป็นอีกแล้ว”
ก็เพราะเป็นวิญญาณนี่แหละถึงได้กลัวไงเล่า!
“ขอตัวก่อนขอรับ”
หลินเป่ยเฉินเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
ตลอดการผจญภัยของเขา หลินเป่ยเฉินเคยพบเจอกับปีศาจร้ายและอสูรสยองมากมาย แต่เขายังไม่เคยเจอวิญญาณคนตายที่น่าขนลุกเช่นนี้มาก่อน... แถมนางยังเป็นวิญญาณคนตายที่อมทุกข์อีกด้วย!
เซี่ยเต๋อจีไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
เซี่ยเต๋อจีที่หลินเป่ยเฉินพบเจอเป็นเพียงวิญญาณเท่านั้น
เขาไม่มีประสบการณ์รับมือกับวิญญาณคนตายมาก่อน
ต่อให้เป็นผีสตรี หลินเป่ยเฉินก็ไม่แน่ใจว่าตนเองจะสามารถรับมือได้
เมื่อร่างของหลินเป่ยเฉินหายลับไปจากสายตา หญิงสาวตาบอดก็แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาเล็กน้อย
“ท่านก็เห็นแล้วนะ อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน”
ดูเหมือนนางกำลังจะอธิบายอะไรบางอย่าง
…
ภายในอุโมงค์
หลินเป่ยเฉินเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นมากกว่าตอนขาเข้าหลายเท่า
แต่ในไม่ช้า เขาก็พบว่าตนเองกำลังหลงทาง
เชี่ย!
เด็กหนุ่มเปิดแอปไป่ตู้ แมป
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเซี่ยเต๋อจีดังขึ้นในหูอีกครั้งว่า “คุณชายหลิน ข้าไม่ได้มีเจตนาคิดร้าย… ท่านเดินกลับมาเถอะ พวกเราจะได้พูดคุยกัน ข้ามีบางสิ่งบางอย่างอยากจะมอบให้กับท่าน”
หลินเป่ยเฉินพูดคำใดไม่ออก
เฮ้อ
“ท่านรู้จักข้าด้วยหรือ?”
เขาถามกลับไปด้วยความหวาดหวั่น
“ท่าน... เป็นสหายของสหายเก่าของข้าผู้หนึ่ง”
เสียงของเซี่ยเต๋อจีดังตอบกลับมา “คุณชายหลิน ข้าไม่ได้มีเจตนาคิดร้ายกับท่านจริง ๆ ท่านกลับมาเถอะ…”
จะกลับไปดีไหมนะ?
หลินเป่ยเฉินชั่งใจด้วยความลังเล
แต่เมื่อลองนึกทบทวนดูดี ๆ หลินเป่ยเฉินก็พบว่าไม่มีเหตุผลที่เขาต้องหวาดกลัว
อย่าลืมสิว่าเขามีร่างกายแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ขนาดมนุษย์ตัวเป็น ๆ ยังทำอะไรเขาไม่ได้ แล้ววิญญาณคนตายตนหนึ่งจะทำอันตรายเขาได้อย่างไร ซ้ำยังเป็นวิญญาณสตรีอีกด้วย เพราะฉะนั้น ไม่มีอะไรที่เขาต้องกังวล
เหตุผลหลักที่หลินเป่ยเฉินต้องการหลบหนีออกมาเมื่อสักครู่นี้ ก็เป็นเพราะเขาอ่านนิยายแนวโจรขุดสุสานมากเกินไป เมื่อเจอวิญญาณเจ้าของสุสานออกมาปรากฏตัว บรรดาตัวละครเอกก็ต้องหลบหนีกันทุกที… นี่นับว่าเขาอ่านนิยายมากเกินไปแล้วจริง ๆ
ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงให้โทรศัพท์มือถือนำทางกลับไปสู่ปลายทางเดินอุโมงค์อีกครั้ง
“ก่อนที่พวกเราจะพูดคุยกัน ข้าขอถามบางอย่างให้ชัดเจนก่อนเถอะ สหายเก่าที่ท่านพูดถึงคือผู้ใดหรือ?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสงสัยใจ
ขณะที่มือซ้ายของเขาถือกระบี่ฆ่าวาฬ ส่วนมือขวาถือกีบลาดำ
“คนที่ท่านรู้จักดี คนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขมากับท่าน คนที่ยินดีเสียสละเพื่อท่านโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน…” เซี่ยเต๋อจีตอบกลับมาเป็นคำใบ้
“หวังจงหรือ?”
หลินเป่ยเฉินถึงกับตกตะลึง “เป็นตาเฒ่านั้นได้อย่างไร?”
“???”
เซี่ยเต๋อจีขมวดคิ้วนิ่วหน้า “ไม่ใช่เขา”
“หรือว่าจะเป็น… นักพรตหญิงชิน?”
หลินเป่ยเฉินพยายามเดาอีกครั้ง
เพราะบัดนี้นางกำลังไปเก็บตัวศึกษาวิชาอยู่ต่างแดน
และการศึกษาวิชาตามสายเลือดผู้เยียวยา ก็อาจจะทำให้นางได้รู้จักกับวิญญาณของหญิงสาวตาบอดก็เป็นได้กระมัง?
เซี่ยเต๋อจีไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ลักษณะคล้ายกับนางต้องการจะพูดชื่อคนผู้นั้นออกมา แต่ก็จำเป็นต้องปิดบังเอาไว้
“ไม่ใช่นาง” เซี่ยเต๋อจีตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเฉียนเหมย? เฉียนเจิน?”
หลินเป่ยเฉินพยายามเดาต่อไป
นับตั้งแต่ที่สงสัยว่าหวังจงอาจจะมีตัวตนแท้จริงไม่ธรรมดา หลินเป่ยเฉินจึงเริ่มสงสัยในตัวตนของสองสาวรับใช้แล้วเช่นกัน
“ท่าน...”
เซี่ยเต๋อจีทำหน้าปวดเศียรเวียนเกล้า เส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบ ๆ นางกัดฟันกล่าวว่า “ไม่ ท่านอย่าได้เดาอีกต่อไปเลย…”
“ขอข้าเดาหน่อยเถอะนะ”
หลินเป่ยเฉินคัดค้าน พยายามนึกถึงชื่อบุคคลอื่น ๆ ขึ้นมาในหัว
“อย่าเดาเลย!”
เซี่ยเต๋อจียังคงยืนยันคำเดิมต่อไป