เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1789 ช่วยเหลือหลิงเฉิน
ตอนที่ 1,789 ช่วยเหลือหลิงเฉิน
วูบ!
เงาร่างของคนผู้หนึ่งทิ้งตัวลงมาจากกลางอากาศ
หลินเป่ยเฉินปรากฏตัวขึ้นในเมืองเทียนหลางซิง
“ตลาดอวิ๋นม่อฟาง…”
เขาป้อนจุดหมายปลายทางลงไปในแอปไป่ตู้ แมป
ตลาดอวิ๋นม่อฟางเป็นตลาดค้าขายเครื่องมือเล่นแร่แปรธาตุที่ใหญ่ที่สุดในเมือง และที่นั่นยังเป็นฐานบัญชาการลับของเผ่ามนุษย์ทะเลทรายในอาณาจักรซือเว่ยอีกด้วย และหลิงเฉินก็ถูกจับตัวอยู่ในฐานบัญชาการแห่งนั้นเอง
หลินเป่ยเฉินขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจพุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว
เพียงอึดใจเดียว เขาก็มาถึงนอกตลาดอวิ๋นม่อฟาง
บัดนี้ ตลาดปิดแล้ว
ประตูปิดสนิทแน่น
เปรี้ยง!
หลินเป่ยเฉินต่อยประตูพังทลายลงไป
หลังจากนั้น เขาก็เร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้าไปด้านในตลาด
“ผู้ใดกล้าบุกรุกตลาดอวิ๋นม่อเฟิง?”
“หยุดเขาให้ได้”
เงาร่างคนปรากฏออกมาอย่างรวดเร็ว
กลุ่มคนเหล่านี้ย่อมต้องเป็นผู้คุ้มกันตลาด ดูเหมือนว่าการคุ้มกันตลาดจะรัดกุมกว่าที่เขาคิดเอาไว้
“เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมไว้หมดแล้ว ผู้ใดไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ขอให้นั่งอยู่กับที่ห้ามเคลื่อนไหวโดยเด็ดขาด”
หลินเป่ยเฉินส่งเสียงตะโกนและโยนระเบิดควันออกไปหลายลูก
พื้นที่โดยรอบพลันมีควันโขมงขึ้นมาทันที ผู้คุ้มกันตลาดเหล่านั้นจึงมองไม่เห็นสิ่งใดได้อีก ความชุลมุนจึงบังเกิดขึ้นโดยทันที
หลินเป่ยเฉินขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามการนำทางของโทรศัพท์มือถือโดยไม่หยุดพัก
ทุกครั้งที่มียอดฝีมือออกมาสกัดขัดขวาง เขาก็จะจัดการคนเหล่านั้นในกระบวนท่าเดียว
ในไม่ช้า รถมอเตอร์ไซค์ก็พาเด็กหนุ่มมาหยุดอยู่ที่หน้ากระท่อมไม้หลังหนึ่ง
ม่านพลังสีทองคำที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าปิดล้อมอยู่รอบกระท่อมไม้
ที่นี่มีเวรยามอารักขาหนาแน่น
ในอากาศเต็มไปด้วยคลื่นพลังจากผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิ
หลินเป่ยเฉินไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าในเมืองเทียนหลางซิง จะมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่มากมายขนาดนี้
“เจ้าเป็นผู้ใด?”
“ถ้าไม่อยากตายก็หยุดอยู่ตรงนั้น”
“ห้ามเข้ามาใกล้เด็ดขาด”
ในขณะที่ส่งเสียงตะโกนแข็งกร้าว กลุ่มผู้คุ้มกันกระท่อมไม้ก็ระเบิดพลังโจมตีใส่หลินเป่ยเฉินโดยไม่ลังเล
อาวุธเล่นแร่แปรธาตุจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตรงเข้ามาหาเด็กหนุ่ม
“ผู้ใดคิดขวางทางข้า มันต้องตาย”
หลินเป่ยเฉินทะยานร่างขึ้นไปบนท้องฟ้าและขยายร่างของตนเองให้มีขนาดเท่ากับยักษ์ตัวหนึ่ง
ตึง!
ร่างกายที่มีความสูงเท่ากับตึกห้าชั้นทิ้งตัวกลับลงมากระแทกพื้นดินอย่างรุนแรง เพียงหลินเป่ยเฉินกระทืบเท้าข้างเดียว คลื่นแรงสั่นสะเทือนก็แผ่กระจายออกไปโดยรอบ บรรดาเวรยามที่ไม่ทันตั้งตัวพากันล้มคะมำและกลิ้งกระเด็นไปตามแรงสั่นสะเทือน อาวุธเล่นแร่แปรธาตุแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี
หลินเป่ยเฉินต้องการบุกเข้าไปช่วยเหลือผู้คนให้เร็วที่สุด
ดังนั้น เขาจึงต้องทำลายล้างกลุ่มศัตรูให้เร็วที่สุด
มิเช่นนั้น หากรอให้อีกฝ่ายมีเวลาได้ตั้งตัว พวกมันก็อาจจะนำตัวหลิงเฉินหลบหนีไปในฐานะตัวประกัน หรือทำอะไรที่มันรุนแรงมากไปกว่านั้น ความเสียหายใหญ่หลวงก็จะเกิดขึ้น
พลั่ก!
ร่างของยอดฝีมือที่อยู่ในขอบเขตจอมเทพจักรพรรดิระดับ 2 ถูกหลินเป่ยเฉินต่อยตัวแตกกระจายกลางอากาศ
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
กำปั้นยักษ์ยังคงถูกเหวี่ยงออกไปอย่างต่อเนื่อง
เหล่าผู้คุ้มกันที่อยู่ในขอบเขตจอมเทพจักรพรรดิร่างระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือดไม่หยุดยั้ง
ม่านฝนโลหิตโปรยปรายลงมาจากกลางอากาศ
หลินเป่ยเฉินเดินหน้าฆ่ามันอย่างบ้าคลั่ง
เขาต่อยหมัดใส่ม่านพลังสีทองคำ
เปรี๊ยะ!
ม่านพลังปรากฏรอยร้าวขึ้นมาโดยทันที
และม่านพลังก็พังทลายลงไปในพริบตาต่อมา
หลินเป่ยเฉินวิ่งเข้าไปในสนามหญ้าหน้ากระท่อมไม้ เขาเอื้อมมือไปยกหลังคาของกระท่อมไม้ออกอย่างไม่รอช้า
ก่อนจะก้มหน้ามองลงไป
ด้านในกระท่อมไม้มีกรงขังทองคำตั้งอยู่สองกรง
กรงขังหนึ่งกรงใช้เป็นที่คุมขังคนหนึ่งคน ซึ่งคนทั้งสองกำลังนั่งขัดสมาธิด้วยพลังที่อ่อนล้า หากไม่ใช่หลิงเฉินกับองค์ชายหลิงแล้วยังจะเป็นผู้ใดได้อีก?
ในขณะนี้ ทั้งสองคนรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวจากด้านบน พวกเขาจึงเงยหน้ามองขึ้นมา
“พะ…พี่หลิน?”
หลิงเฉินเบิกตาโต เมื่อหายตกตะลึง ดวงตาของนางก็เป็นประกายระยิบระยับ มุมปากยกตัวเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย แม้ว่าขณะนี้ใบหน้าของหลินเป่ยเฉินจะขยายใหญ่มากกว่าเดิมถึงหกเท่า แต่นางก็จำได้ดีว่านี่คือใบหน้าของเขาอย่างแน่นอน
นางรู้ดีว่าหากจะมีผู้ใดมาช่วยเหลือตนเอง ผู้นั้นก็ต้องเป็นหวานใจของนางไม่มีทางผิดพลาด
หลินเป่ยเฉินเอื้อมมือเข้าไปหากรงขังทองคำทั้งสองกรงนั้น
“ช้าก่อน”
องค์ชายหลิงรีบส่งเสียงเตือนโดยเร็ว
แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว
มือของหลินเป่ยเฉินสัมผัสเข้ากับกรงทองคำ กรงขังระเบิดแสงสีทองคำออกมาเป็นประกายระยิบระยับ แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินเพิ่มแรงมือเพียงเล็กน้อย กรงขังก็ถูกพังทลาย แล้วแสงสีทองเหล่านั้นก็จางหายไปทันที
หลิงเฉินกระโดดขึ้นมายืนอยู่บนฝ่ามือของหลินเป่ยเฉิน ก่อนที่เขาจะยกนางขึ้นมาจากด้านในกระท่อมไม้
องค์ชายหลิงยืนตกตะลึงอยู่ที่เดิม
ก่อนหน้านี้ เขาตั้งใจจะเตือนหลินเป่ยเฉินว่านี่คือกรงขังที่ผ่านการเล่นแร่แปรธาตุมาอย่างรอบคอบรัดกุม มันคือวัตถุเล่นแร่แปรธาตุระดับ 36 เมื่อร่างกายของมนุษย์สัมผัสกับกรงขัง มนุษย์ผู้นั้นก็จะสูญเสียพลังในการต่อสู้ ร่างกายชาดิกไปทุกสัดส่วน
แต่ใครจะไปคิดว่ากรงขังทองคำจะถูกหลินเป่ยเฉินทำลายได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มบาดเจ็บแม้แต่น้อย
เจ้าเด็กคนนี้มันแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้วสิ!
องค์ชายหลิงประหลาดใจ
นี่ผ่านมานานขนาดไหนแล้วนะ?
นี่หรือคือพลังของผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์?
หลินเป่ยเฉินยกเด็กสาวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับใบหน้าของตนเอง
นี่คือการโอบอุ้มคนรักอยู่บนฝ่ามือที่แท้จริง
ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นภาพเช่นนี้ก็คือตอนดูภาพยนตร์เรื่องคิงคองนั่นแหละ
แต่แล้วหลินเป่ยเฉินก็ตั้งสติได้ เขารีบไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมอง และต้องย้ำเตือนกับตนเองว่าเขาไม่ใช่ลิงยักษ์หน้าตาอัปลักษณ์นั่นสักหน่อย
“เฉินเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองด้วยความห่วงใยและพบว่าหลิงเฉินมีพลังปราณแผ่วอ่อน แต่ว่าตามร่างกายไม่มีบาดแผล หน้าตาก็ยังดูเป็นปกติดี ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงสามารถโล่งใจได้เล็กน้อย
“แค่ถูกปิดผนึกพลังยุทธ์เท่านั้นเจ้าค่ะ”
หลิงเฉินตอบกลับมาด้วยดวงตาเป็นประกาย นางอ้าแขนโอบกอดแก้มของหลินเป่ยเฉินและจุมพิตลงบนแก้มของเขาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า “ใหญ่จัง… อิอิ ว่าแต่ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่?”
เรื่องนี้คงต้องพูดคุยกันอีกยาวเลยน่ะสิ