เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1809 ในกองทัพของศัตรู
ตอนที่ 1,809 ในกองทัพของศัตรู
หลังจากนั้น หญิงสาวตาบอดก็อดถามต่อไม่ได้ว่า “นายท่านได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย แต่ข้าน้อยมีหนึ่งคำถามที่สงสัยเหลือเกิน ในการสร้างอาณาจักรซือเว่ยนั้น เดิมทีมีเจตนาคือสร้างขึ้นมาเพื่อส่งมอบให้แก่นายท่าน และเมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจของเราครอบครองความยิ่งใหญ่ ที่นั่นก็จะกลายเป็นฐานบัญชาการใหญ่ของพวกเรา แต่บัดนี้ อาณาจักรซือเว่ยถูกส่งมอบให้แก่คุณชายหลิน นี่จะไม่ทำให้แผนการแก้แค้นของนายท่านต้องเสียหายหรือเจ้าคะ?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยิ้มเล็กน้อยและตอบว่า “เจ้าเห็นว่าเราต้องสูญเสียดินแดนไปโดยไม่มีเหตุผล แต่ข้าเห็นประโยชน์มากกว่านั้น หลินเป่ยเฉินคือบุคคลที่ควรค่าแก่การสนับสนุน การลงทุนของพวกเราในวันนี้จะให้ผลตอบแทนคืนมาเป็นพันเท่าในวันหน้า”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
เซี่ยเต๋อจีไม่กล้าถามอะไรออกมาอีก
“เจ้าเพิ่งได้ร่างใหม่คืนมา รีบไปฟื้นฟูพลังก่อนเถอะ”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกล่าว “หลังจากนี้ พวกเราจะไปพบกับกลุ่มกบฏซือเหลียน พวกเขาเคยติดหนี้ข้าอยู่ และพลังของเจ้าอยู่ในขั้นจอมเทพจักราระดับหนึ่งเท่านั้น ยังห่างไกลจากความแข็งแกร่งอีกมากโข เจ้าจำเป็นต้องรีบฟื้นฟูพลังของตนเองกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด”
…
เส้นทางดาราจักรอันกว้างใหญ่ ดวงดาวระยิบระยับรอบกาย
กองทัพเรือเหาะเคลื่อนขบวนไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
สัตว์อสูรลักษณะเหมือนวัวหกปีกขนาดใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งกำลังฉุดลากดาวเคราะห์ดวงหนึ่งอยู่ในใจกลางของกองทัพเรือเหาะ
ดาวเคราะห์ดวงนั้นถูกเจาะแกนกลางเป็นรูกลวง พื้นที่ขนาดใหญ่ได้รับการจัดสรรปันส่วนให้เป็นท่าเทียบเรือ ค่ายพักทหาร ค่ายซ่อมบำรุง พื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตร พื้นที่สำหรับความบันเทิง พื้นที่สำหรับการพักผ่อน ฯลฯ นอกจากนี้ ดาวเคราะห์ดวงนี้ยังสามารถถูกใช้งานเป็นอาวุธสงครามเคลื่อนที่ได้อีกด้วย
เรียกว่าเป็นป้อมปราการลอยฟ้าก็คงไม่ผิดนัก
ในเส้นทางดาราจักร นี่คือยุทธศาสตร์ที่ใช้กันทั่วไป
ในเส้นทางหวังซิน ดาวเคราะห์ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นป้อมปราการลอยฟ้านั้นมีอยู่ด้วยกันเพียงสี่ดวง
และทุกดวงก็อยู่ในการครอบครองของสำนักม่วงมหากาฬ
หลี่อี้สวิ่นเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักม่วงมหากาฬ
สำหรับการทำสงครามกับอาณาจักรซือเว่ย การนำป้อมปราการลอยฟ้ามาใช้งานเช่นนี้ แทบไม่ต่างไปจากการนำสิงโตออกล่ากระต่าย มองดูเป็นสิ่งที่ไม่คู่ควรกันอย่างยิ่ง
แต่แน่นอนว่าในมุมมองของหลี่อี้สวิ่น นางสมควรทำทุกวิถีทางเพื่อให้มั่นใจว่าตนเองจะสามารถเอาชนะอาณาจักรซือเว่ยได้สำเร็จ
จุดประสงค์ในการบุกโจมตีอาณาจักรซือเว่ยในครั้งนี้ คือการเพิ่มพื้นที่การปกครองให้แก่สำนักม่วงมหากาฬ นอกจากจะได้ทรัพยากรทางสงครามเพิ่มเติมแล้ว ชัยชนะในครั้งนี้ยังจะทำให้พวกอสูรกายเขียวไม่กล้าคิดหักหลังพวกเขาอีกด้วย…
“นายท่านขอรับ องครักษ์กลุ่มใหม่ถูกคัดเลือกและส่งตัวมายังจวนที่พักแล้ว บัดนี้ พวกเขากำลังรอคอยการตรวจสอบจากนายท่านอยู่ขอรับ”
ผู้ช่วยคนสนิทนามเยว่ชิงอานเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้ามา
เยว่ชิงอานเป็นบุรุษหนุ่มอายุยี่สิบปีเศษ ใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณขาวเนียน ลักษณะไม่ต่างจากบัณฑิตเคร่งตำรา มีความสุภาพอ่อนน้อมเป็นอย่างยิ่ง
ถือเป็นยอดฝีมือรุ่นใหม่ประจำสำนักม่วงมหากาฬ
แต่เขาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ปีศาจ
บุรุษหนุ่มยังไม่ได้เข้ารับการเปลี่ยนสายเลือด
เขาถูกจัดเป็นยอดฝีมือในการใช้กระบี่ ฝึกวิชาตามสายเลือดผู้แปรธาตุของเผ่าพันธุ์มนุษย์ พลังปราณแข็งแกร่ง ข้างเอวห้อยกระบี่สองเล่มตลอดเวลา
กระบี่เล่มหนึ่งมีด้ามจับสีน้ำเงิน
กระบี่อีกเล่มมีด้ามจับสีแดง
เยว่ชิงอานใช้งานแต่กระบี่ที่มีด้ามจับสีน้ำเงิน ไม่เคยมีผู้ใดเห็นชายหนุ่มใช้งานกระบี่ที่มีด้ามจับสีแดงมาก่อน
เพราะเพียงเขาชักกระบี่ที่มีด้ามจับสีน้ำเงิน ก็ไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนสามารถรอดชีวิตได้อีกแล้ว
ส่วนเหตุผลที่เยว่ชิงอานยังคงวนเวียนเป็นผู้ช่วยข้างกายหลี่อี้สวิ่นนั้น ก็เป็นเพราะว่าเขาหลงรักนางอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
เยว่ชิงอานจึงเลือกที่จะอยู่รับใช้นาง
เพื่อแสดงถึงความซื่อสัตย์
ดังนั้น เยว่ชิงอานจึงเป็นบุรุษเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติในการมาเคาะประตูและเข้าสู่ห้องนอนของหลี่อี้สวิ่น เพียงแต่ยังไม่เคยร่วมหลับนอนกับนางเท่านั้น
และเขาก็ไม่เคยสนใจด้วยว่าหลี่อี้สวิ่นจะหลับนอนกับผู้ใด
อย่างเช่นการจัดกลุ่มองครักษ์ชุดใหม่ในครั้งนี้ องครักษ์ที่ได้รับการคัดเลือกแต่ละคนล้วนเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามที่เยว่ชิงอานตรวจสอบและจัดหามาด้วยตนเองทั้งสิ้น
หลี่อี้สวิ่นชำเลืองมองผู้ช่วยคนสนิทของตนเองขณะปิดสมุดรูปภาพที่อยู่ในมือ
ด้านในสมุดเล่มนี้บรรจุด้วยรูปภาพและข้อมูลส่วนตัวขององครักษ์ชุดใหม่แต่ละคน
ไม่ว่าจะเป็นอายุ รูปร่างหน้าตาหรือชาติกำเนิด ข้อมูลเหล่านั้นล้วนอยู่ในสมุดเล่มนี้อย่างครบถ้วน
“ในกลุ่มองครักษ์ชุดใหม่ชุดนี้ บุรุษที่ชื่อฮ่าวไต๋ดูน่าสนใจมากที่สุด”
หลี่อี้สวิ่นแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
รูปลักษณ์ของนางบริสุทธิ์ผุดผ่อง ร่างกายปราศจากตำหนิไร้ราคีและดูบอบบางอ่อนแอ ชวนให้บุรุษหนุ่มรู้สึกอยากจะปกป้องด้วยชีวิต
ลักษณะท่าทางของหลี่อี้สวิ่นช่างแตกต่างจากชื่อเสียงคาวโลกีย์ของนางเป็นอย่างมาก
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เมื่อได้พบเจอตัวจริงของหลี่อี้สวิ่น พวกเขาก็ไม่เชื่อเลยว่านางจะเป็นบุคคลเดียวกับหญิงร่านสวาทในตำนาน
“ในจำนวนองครักษ์ที่คัดเลือกมาทั้งหมดนี้ เขาเป็นผู้ที่มีหน้าตาหล่อเหลามากที่สุดแล้วขอรับ ฮ่าวไต๋เป็นบุรุษที่มีหน้าตาหล่อเหลาอย่างที่ข้าน้อยไม่เคยพบเห็นมาก่อน”
เยว่ชิงอานพยักหน้าอย่างเห็นด้วยและกล่าวต่อ “นอกจากนี้ เขายังมีขั้นพลังไม่ต่ำต้อย ฮ่าวไต๋อยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิระดับ 2 เขาเกิดในดินแดนการปกครองของราชวงศ์อี้จื่อ น่าเสียดายที่ต้องพบเจอกับชะตากรรมที่น่าเศร้าในวัยเด็ก บ้านแตกสาแหรกขาด ฮ่าวไต๋ออกร่อนเร่พเนจรตั้งแต่อายุสิบขวบ และฝึกวิชาด้วยตนเองเรื่อยมา ข้าน้อยตรวจสอบข้อมูลของเขาดูทุกอย่างแล้ว ไม่มีสิ่งใดน่าสงสัยเลยขอรับ”
“ให้ตายเถอะ”
หลี่อี้สวิ่นแลบลิ้นเลียริมฝีปากอีกครั้ง “ข้ารอแทบไม่ไหวแล้ว”
“นายท่านอยากพบเจอพวกเขาเลยไหมขอรับ?”
เยว่ชิงอานถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หลี่อี้สวิ่นยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับขณะจ้องมองผู้ช่วยคนสนิท “ก่อนที่จะได้พบเจอพวกเขา เจ้ามีสิ่งใดจะพูดกับข้าบ้างหรือไม่?”
เยว่ชิงอานมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที “ข้าน้อยอยากแต่งงานกับนายท่าน ไม่ทราบว่านี่คือสิ่งที่สมควรพูดหรือไม่?”
หลี่อี้สวิ่นอ้าปากหาวและลุกขึ้นนั่งหลังตรงก่อนตอบว่า “อย่าได้คิดถึงเรื่องนี้อีก เจ้าอาจจะได้ขึ้นเตียงกับข้าในอนาคต แต่เจ้าไม่มีทางได้แต่งงานกับข้าเด็ดขาด เพราะว่าเจ้ายังไม่หล่อเหลามากพอ”
“ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยจะไปจัดเตรียมให้องครักษ์ชุดใหม่เหล่านั้นมาพบกับนายท่านนะขอรับ”
เยว่ชิงอานกล่าว หมุนตัวเดินออกไปจากห้องนอนด้วยสีหน้าสงบสุขุม
…
“เชี่ย เอาดาวเคราะห์มาทำเป็นดินแดนลอยฟ้าได้ด้วยเหรอวะเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินกวาดตามองพื้นที่ด้านในดาวเคราะห์ใหญ่ด้วยความตกตะลึง
นี่คือสิ่งที่เขาเคยพบเห็นแต่ในอนิเมะเท่านั้น เมื่อได้มาเจอของจริงกับตัวเช่นนี้ หลินเป่ยเฉินจึงสามารถรับชมทุกอย่างได้โดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลยสักนิด
ว่ากันตามการใช้งาน ดาวเคราะห์ดวงนี้สมควรถูกเรียกว่าป้อมปราการลอยฟ้า
แต่พื้นที่ด้านในได้รับการตกแต่งด้วยค่ายอาคมจำนวนมาก มีการแบ่งสรรปันส่วนพื้นที่ต่าง ๆ อย่างสวยงามและมีสีสัน
ใช่แล้ว
เด็กหนุ่มถูกส่งตัวมาเข้าร่วมกองทัพของศัตรูด้วยฝีมือของหวังจง
แม้เขาจะไม่ทราบเลยว่าหวังจงสามารถทำได้อย่างไร แต่หลินเป่ยเฉินก็มาอยู่ที่นี่แล้วจริง ๆ
ไม่มีผู้ใดสงสัยในตัวตนของหลินเป่ยเฉิน
ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้แปลงโฉมเลยด้วยซ้ำ
ตลอดขั้นตอนทุกอย่าง หลินเป่ยเฉินผ่านการตรวจสอบอย่างง่ายดาย
ตอนแรก หลินเป่ยเฉินเข้าร่วมการคัดเลือกเป็นองครักษ์ร่วมกับผู้คนจำนวนนับร้อย
แต่ก็มีผู้คนที่ไม่ผ่านการคัดเลือกมากมาย
ผู้คนเหล่านั้นถ้าไม่ได้ถูกตรวจพบว่าเป็นสายลับ ก็ต้องเป็นนักฆ่าแฝงตัวมา ซึ่งทุกคนก็จะถูกนำตัวไปสังหารหมดสิ้น
บัดนี้จึงมีผู้คนหลงเหลืออยู่เพียงยี่สิบคนเท่านั้น