เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1820 บอกมาว่าเจ้าเป็นใครกันแน่
ตอนที่ 1,820 บอกมาว่าเจ้าเป็นใครกันแน่
“ข้าน้อยก็เป็นเพียงคนเสเพลแค่ในนามเท่านั้นแหละขอรับ”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แต่กระบี่ของข้ายังไม่เคยถูกชักออกจากฝักมาก่อน”
“หืม? เจ้าเป็นมือกระบี่ด้วยหรือ?”
ดวงตาของหลี่อี้สวิ่นเป็นประกายระยิบระยับอย่างหยอกเย้า “งั้นทำไมวันนี้ข้าถึงไม่เห็นเจ้าใช้กระบี่เลยล่ะ?”
เอ่อ คำถามนี้…
นางกำลังทดสอบอะไรเขาอยู่หรือเปล่าเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “กระบี่ที่กำลังลับคม ย่อมไม่นำมาแสดงให้ผู้คนพบเห็น”
“ฮ่า ๆๆ”
หลี่อี้สวิ่นหัวเราะและดึงมือกลับไป ก่อนจะถอยหลังเว้นระยะห่างเล็กน้อยและกล่าวว่า “เจ้าช่างเป็นบุรุษที่มีจิตใจมุ่งมั่นเหลือเกิน เจ้าซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้ เจ้าไม่เหมือนบุรุษหนุ่มผู้ใดที่เมื่อพบเห็นความงามของข้าก็ต้องคุกเข่ายอมศิโรราบโดยทันที… นั่นทำให้ข้าอดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดเจ้าถึงสมัครมาเป็นองครักษ์ของข้า?”
หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ
หรือว่าเขาจะถูกเปิดเผยตัวตนเสียแล้ว?
“หากข้าบอกความจริงกับท่านว่าข้าสมัครมาเพราะความงามของท่าน ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพจะเชื่อหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หลี่อี้สวิ่นส่ายศีรษะและกล่าวเสียงเรียบ “ไม่เคยมีบุรุษผู้ใดสามารถรักษาความลับต่อหน้าข้าได้สำเร็จมาก่อน บางทีเจ้าอาจจะคิดว่าตนเองปลอมตัวเข้ามาได้อย่างแนบเนียนแล้ว แต่ในสายตาของข้านั้น ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนธรรมดา บอกมาเถอะว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?”
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะให้คำตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงใจว่า “ท่านอย่ารู้เลยจะดีกว่า”
“แล้วถ้าข้าอยากรู้ล่ะ?”
หลี่อี้สวิ่นถามพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “ท่านอาจจะเจ็บปวดเอาได้”
หลี่อี้สวิ่นหัวเราะในลำคอ “ครั้งสุดท้ายที่ข้าเจ็บปวดคือเมื่อห้าร้อยปีก่อน”
เชี่ย!
นี่นางแก่ขนาดนี้เลยเหรอ?
หลินเป่ยเฉินเรียบเรียงคำพูดในสมองและกล่าวว่า “ประเสริฐ ถ้าอย่างนั้นข้าจะพูดความจริง ข้ามาที่นี่เพื่อฝึกวิชาขอรับ”
“มาเพื่อฝึกวิชา?”
หลี่อี้สวิ่นหยุดชะงัก
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าตอบรับว่า “วิชาร่างบริสุทธิ์ที่ข้าน้อยกำลังฝึกอยู่นั้น จำเป็นต้องอยู่ใกล้ชิดกับหญิงงามเพื่อยับยั้งอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง ยิ่งสามารถควบคุมตนเองได้มากเท่าไหร่ พลังของข้าน้อยก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ข้าน้อยจึงออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วเส้นทางดาราจักร เพื่อตามหายอดหญิงงามสำหรับการฝึกวิชา และในที่สุด ข้าน้อยก็ได้ยินชื่อเสียงของท่านแม่ทัพ ข้าน้อยได้ยินมาว่าท่านเป็นปีศาจสาวที่มีเสน่ห์ยั่วเย้าใจมากที่สุดในสำนักม่วงมหากาฬ ดังนั้น ข้าน้อยจึงอยากจะใช้ท่านเป็นหินลับมีดเพื่อฝึกวิชาของตนเองขอรับ”
หลี่อี้สวิ่นรับฟังพลางเอียงศีรษะจ้องมองเข้ามาในดวงตาของหลินเป่ยเฉิน “คำตอบของเจ้า… เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือ?”
“บางครั้งความเป็นจริงก็ฟังดูเหมือนคำโกหกนะขอรับ”
หลินเป่ยเฉินตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
หลี่อี้สวิ่นจ้องมองเด็กหนุ่มอย่างพินิจพิจารณา
ผ่านไปอึดใจใหญ่
นางก็กล่าวออกมาช้า ๆ ว่า “ข้าสามารถเชื่อคำพูดของเจ้าได้หรือไม่?”
“ย่อมได้ขอรับ”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “บุรุษผู้อื่นอยากครอบครองร่างกายของท่าน แต่ข้าน้อยเพียงอยากใช้ท่านเพื่อฝึกวิชาเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้เจ้าสังหารหัวหน้าคณะทูตของเผ่าอสุรกายเขียวเพราะเหตุใด?”
หลี่อี้สวิ่นสอบถาม
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “เพราะพวกมันดูหมิ่นท่านแม่ทัพขอรับ”
“เพียงเท่านั้นเองหรือ?”
“ใช่แล้วขอรับ ในเมื่อข้าน้อยเป็นหัวหน้ากลุ่มองครักษ์ประจำตัวท่านแม่ทัพ มันก็เป็นหน้าที่ของข้าน้อยที่จะต้องปกป้องความปลอดภัยและภาพลักษณ์ของท่าน”
หลินเป่ยเฉินตอบด้วยสีหน้าจริงใจใสซื่อ
เฮ้อ
นี่เขากลายเป็นจอมโกหกไปได้อย่างไรเนี่ย?
เด็กหนุ่มนึกสะท้อนใจ สุดท้าย เขาก็กลายมาเป็นคนแบบที่ตนเองเกลียดชังมากที่สุด
หลี่อี้สวิ่นจ้องมองหลินเป่ยเฉินอยู่หลายอึดใจ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบว่า “ประเสริฐ ในเมื่อข้าสามารถไว้ใจเจ้าได้ หวังว่าเจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวังก็แล้วกัน”
หืม?
ไว้ใจหรือ?
นางพูดเหมือนจะส่งเขาไปทำภารกิจอะไรอย่างนั้นแหละ?
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าพร้อมที่จะรับการยั่วยวนจากข้าแล้วหรือยัง?”
หลี่อี้สวิ่นยิ้มกว้าง จากนั้นเดินเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินอย่างเชื่องช้า ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ สองมือวางลงบนหัวไหล่ของหลินเป่ยเฉินด้วยความนุ่มนวล นางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้างดงามอ่อนหวานราวกับมวลบุปผาบานสะพรั่ง กลิ่นกายหอมกรุ่นไร้พิษภัย
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินไม่ได้ขยับหลบหนี
“ข้าน้อยมีเรื่องหนึ่งคิดอยากจะสอบถามท่านแม่ทัพมาโดยตลอด”
มุมปากของเด็กหนุ่มยกตัวเป็นรอยยิ้ม
“เจ้าอยากถามเรื่องอะไรหรือ?”
ลมหายใจร้อนอุ่นของหลี่อี้สวิ่นเป่ารดใบหน้าหลินเป่ยเฉิน หากเป็นบุรุษหนุ่มผู้อื่น เสน่ห์อันเย้ายวนใจเช่นนี้ก็คงกระตุ้นให้พวกเขาอยากที่จะก้มหน้าลงจูบปากนางด้วยความดุดัน
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “ข้าน้อยสงสัยว่าเพราะเหตุใดหญิงร่านสวาทในตำนานอย่างท่าน แท้ที่จริงแล้วกลับเป็นเพียงหญิงสาวบริสุทธิ์ผู้หนึ่ง”
วูบ!
มือของหลี่อี้สวิ่นที่กำลังลูบไล้หน้าอกของหลินเป่ยเฉินพลันเด้งออกไปทันทีราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
นางถอยห่างจากเขาไปไกลหลายก้าว
เสน่ห์อันเย้ายวนใจก่อนหน้านี้สลายหายไปหมดสิ้น
สีหน้าของหลี่อี้สวิ่นมีแต่ความเย็นชาปานน้ำแข็งพันปี นางจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาเย็นชาน่าหวาดกลัว
“เจ้าดูออกได้อย่างไร?”
นี่คือความลับที่ใหญ่หลวงที่สุดของหลี่อี้สวิ่น
ในชีวิตที่ยืนยาวนับพันปีของนาง ไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้ความลับเรื่องนี้มาก่อน
ไม่มีผู้ใดทราบว่าภาพลักษณ์ที่นางสร้างขึ้นมานั้นเป็นเพียงถ้อยคำโกหก
“ท่านบอกเองว่าข้าเป็นคนเสเพลผู้หนึ่ง”
หลินเป่ยเฉินเห็นอาการของแม่ทัพหญิงก็รู้สึกได้ว่าตนเองคาดเดาได้ถูกต้อง
อันที่จริง เขาเพียงถามเพื่อหยั่งเชิงดูเท่านั้นเอง
แต่จากประสบการณ์ที่พานพบกับสตรีมาเป็นจำนวนมาก หลินเป่ยเฉินก็พอจะมองออกว่าสตรีผู้ใดที่ยังบริสุทธิ์และสตรีผู้ใดที่เคยแปดเปื้อนคาวโลกีย์มาแล้ว
แม้ว่าหลี่อี้สวิ่นจะสร้างภาพลักษณ์ให้กับตนเองเป็นหญิงร่านสวาท แต่ด้วยความที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับผู้หญิงของหลินเป่ยเฉิน เขาจึงมองออกว่าปฏิกิริยาตอบรับจากร่างกายของนางนั้นเป็นเพียงการแสดง
โดยเฉพาะตอนที่นางเข้ามาชิดใกล้กับเขาเมื่อสักครู่นี้ หลินเป่ยเฉินมองเห็นสีหน้าของหลี่อี้สวิ่นได้อย่างชัดเจน
เมื่อค้นพบเบาะแส เขาจึงลองถามดู
แล้วนางก็เปิดเผยความลับด้วยตนเอง
“เจ้ารู้สิ่งที่ไม่ควรรู้เข้าเสียแล้ว?”
ดวงตาของหลี่อี้สวิ่นเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความอำมหิต
“ท่านจะฆ่าข้าหรือ?”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอและกล่าวว่า “ความจริงนั้น ข้ายังรู้ความลับอีกอย่างของท่าน”
“หืม? เจ้าลองบอกมาสิ”
หลี่อี้สวิ่นหัวเราะเยาะ ท่าทีเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง