เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1821 กองทัพเป่ยเฉิน
ตอนที่ 1,821 กองทัพเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “ข้ารู้ว่าท่านมีคนที่หลงรักอยู่แล้วและท่านก็ห่วงใยเขามาก แต่ท่านก็กลัวจะทำให้เขาต้องเดือดร้อน ท่านจึงสร้างภาพลักษณ์ของตนเองให้ดูแย่เพื่อทำให้เขาอยู่ห่างจากตนเองให้มากที่สุด… บอกมาสิว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”
สีหน้าของหลี่อี้สวิ่นไม่บอกอารมณ์ใด ๆ แต่ในหัวใจกำลังเต้นโครมครามราวกับพายุทะเลคลั่ง
“บอกข้ามาสิว่าคนผู้นั้นคือผู้ใด?”
นางถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอ “อยู่ไกลเกินเอื้อม แต่อยู่ใกล้หัวใจเสมอ”
หลี่อี้สวิ่นนิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
นางถามด้วยความประหลาดใจ
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “ข้าน้อยเป็นผู้ชำนาญเรื่องความรักระหว่างบุรุษสตรีขอรับ ข้าน้อยเคยรับชมซีรีส์ฮ่องกงและซีรีส์ไต้หวัน รวมไปถึงซีรีส์เกาหลี ซีรีส์ญี่ปุ่น ซีรีส์อังกฤษ ซีรีส์อเมริกา แม้แต่ละครไทย ข้าน้อยก็ยังดูมาแล้ว เพราะฉะนั้น เรื่องราวความรักอันแสนเศร้าของท่าน ข้าน้อยจึงเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน เพียงเห็นสีหน้าของท่าน ข้าน้อยก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
หลี่อี้สวิ่นเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
เพราะนางไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่?
“เจ้ารู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้มากเกินไปแล้ว”
ดวงตาของหลี่อี้สวิ่นเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยจิตสังหารอีกครั้ง ก่อนที่นางจะค่อย ๆ เดินสืบเท้าก้าวเข้ามาหาเขา
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักและพยายามกล่าวว่า “ใจเย็นก่อนขอรับ อย่าเพิ่งทำสิ่งใดวู่วาม บางทีอาจมีเรื่องราวบางอย่างที่ข้าน้อยสามารถช่วยเหลือท่านก็เป็นได้”
“ช่วยข้าหรือ? ฮ่า ๆๆ เจ้าเป็นคนที่ท่านจ้าวสำนักส่งมาใช่หรือไม่?”
หลี่อี้สวิ่นหัวเราะเยาะ “ข้ารายงานไปว่าเกิดความวุ่นวายในงานเลี้ยงเมื่อตอนเช้า ท่านจ้าวสำนักก็ส่งคนมาดูแลในตอนบ่ายทันที… ผ่านไปเนิ่นนานหลายปี เขายังไม่ตัดใจจากข้าอีกหรือ? หากเป็นเช่นนั้น พวกเราก็คงต้องแตกหักกันแล้ว”
“เดี๋ยวก่อนนะขอรับ”
หลินเป่ยเฉินโบกไม้โบกมือห้ามปรามเป็นพัลวัน “ท่านแม่ทัพเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ใช่คนของจ้าวสำนักของท่าน… ว่าแต่ว่าเขาเป็นใครหรือขอรับ? ปีศาจที่เป็นจ้าวสำนักของพวกท่านน่ะ?”
“หืม?”
เมื่อได้ยินคำถามและน้ำเสียงของหลินเป่ยเฉิน หลี่อี้สวิ่นก็เกิดอาการลังเลขึ้นมาเล็กน้อย “ยังไม่บอกมาอีกว่าเจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิด สุดท้ายก็ตอบว่า “ข้าน้อยเป็นเพียงคนที่ผ่านทางมาเท่านั้น… และข้าน้อยก็รู้สึกว่าพวกเราน่าจะเป็นมิตรสหายกันได้”
หัวใจของหลี่อี้สวิ่นกระตุกวูบ ทันใดนั้น ดูเหมือนนางจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เจ้าคือหน่วยพลีชีพจากพวกมนุษย์ใช่หรือไม่? เจ้าคงมาจาก… กองทัพเป่ยเฉินสินะ?”
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งโหยง
กองทัพเป่ยเฉิน?
มันคืออะไรกันล่ะนั่น
ชื่อกองทัพเหมือนจะตั้งตามชื่อเขา แต่ว่า… หลินเป่ยเฉินกลับไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลยแม้แต่น้อย
หลี่อี้สวิ่นกำลังเปิดเผยข้อมูลสำคัญออกมาโดยไม่รู้ตัว
หลินเป่ยเฉินพยายามซึมซับข้อมูลให้ได้มากที่สุด
แต่เขาก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่ากองทัพเป่ยเฉินคืออะไร จึงต้องถามออกไปว่า “กองทัพเป่ยเฉินคืออะไรหรือขอรับ? แล้วหน่วยพลีชีพคืออะไร?”
หลี่อี้สวิ่นสังเกตสีหน้าและคำพูดของเด็กหนุ่มเพื่อจับพิรุธ “นี่เจ้าไม่รู้จริง ๆ หรือ?”
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “พวกเราพูดคุยเปิดอกกันถึงขนาดนี้ ข้าน้อยยังจะโกหกท่านไปเพื่ออะไรอีก?”
หลี่อี้สวิ่นยกมือกอดอก เสื้อคลุมสีม่วงปลิวไสว ผิวกายขาวเนียนเป็นประกายระยิบระยับ นางขมวดคิ้วใช้ความคิด และกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “เรื่องของเรื่องก็คือ… สถานการณ์ของสภาศักดิ์สิทธิ์ในขณะนี้กำลังย่ำแย่ นายทหารของเผ่าพันธุ์มนุษย์บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ศูนย์กลางอำนาจที่องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เคยสร้างเอาไว้กำลังจะล่มสลาย เรื่องนี้เจ้าน่าจะพอรู้บ้างกระมัง?”
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินแปรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ท่านอย่าได้ล้อเล่น”
เขากล่าว
หลี่อี้สวิ่นจ้องมองเด็กหนุ่มในความเงียบ ไม่พูดคำใด
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินบอกถึงความตกตะลึงที่แท้จริง
เป็นไปได้อย่างไร?
เกิดอะไรขึ้น?
นี่มันเป็นเรื่องใหญ่แล้วนะ
“ท่านต้องล้อเล่นแน่ ๆ”
หลินเป่ยเฉินพยายามควบคุมสติของตนเองไม่ให้ตื่นตระหนก “สภาศักดิ์สิทธิ์คือศูนย์กลางอำนาจที่องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้เคยสร้างเอาไว้เพื่อใช้ปกครองเส้นทางดาราจักร ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถโค่นล้มสภาศักดิ์สิทธิ์ได้เด็ดขาด… ท่านอย่าได้พูดจาเหลวไหลอีก”
หลี่อี้สวิ่นยังคงยกมือกอดอกและจ้องมองสีหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความพินิจพิเคราะห์ต่อไป
ดูเหมือนเขาจะไม่รู้จริง ๆ
“ข่าวลือเริ่มแพร่สะพัดมาได้พักใหญ่แล้วว่าสภาศักดิ์สิทธิ์กำลังจะล่มสลาย สาเหตุก็คือองค์จักรพรรดิ์ศักดิ์สิทธิ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะถูกคนสนิทใกล้ตัวหักหลัง… ด้วยเหตุนี้ ศูนย์กลางอำนาจของเส้นทางดาราจักรจึงเกิดความสั่นคลอน และอาณาจักรต่าง ๆ ก็เริ่มที่จะขยายเขตแดนของตนเองโดยไม่เกรงกลัวการถูกลงโทษ”
หลี่อี้สวิ่นยังคงเปิดเผยข้อมูลสำคัญต่อไปในขณะที่พิจารณาสีหน้าของหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินเริ่มตั้งสติได้จึงสามารถไต่ตรองข้อมูลได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
ว่ากันตามความจริง ตำนานความยิ่งใหญ่ขององค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์นั้น ล้วนเป็นข้อมูลที่เขาถูกผู้อื่นป้อนใส่สมองมาโดยตลอด หลินเป่ยเฉินจึงสร้างภาพลักษณ์ขององค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และสภาศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์กลางอำนาจที่ไม่มีทางล่มสลาย
เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น
เมื่อได้ยินข้อมูลจากปากของหลี่อี้สวิ่น เด็กหนุ่มจึงอดหวาดกลัวไม่ได้
ด้วยเหตุผลนี้เองสินะ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น ไล่ตั้งแต่ในอาณาจักรหลิวเยวียน อาณาจักรซือเว่ย มาจนถึงดินแดนต่าง ๆ ในเส้นทางหวังซิน
ทุกหนทุกแห่งมีแต่ความวุ่นวายโกลาหล
เพราะพวกเขาทราบว่าสภาศักดิ์สิทธิ์กำลังสั่นคลอน
องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ถูกหักหลัง?
ให้ตายเถอะ
ผู้ที่มีอายุยืนยาวนับหมื่นปีเช่นนั้น ผู้ที่มีขอบเขตพลังแข็งแกร่งไร้เทียมทานเช่นนั้น จะสามารถถูกผู้อื่นหลอกลวงง่าย ๆ ได้อย่างไร
ในหัวใจของหลินเป่ยเฉินเกิดความรู้สึกเหลือเชื่อ ประหลาดใจและโศกเศร้า
ไม่ต่างจากผู้คนที่ค้นพบว่าเสาหลักอันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจได้ล่มสลายลงไป
“แล้วอะไรคือหน่วยพลีชีพรวมไปถึงกองทัพเป่ยเฉินที่ท่านพูดถึงก่อนหน้านี้หรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ไม่ทราบเลยว่าหลี่อี้สวิ่นสวมใส่ชุดเสื้อคลุมที่รัดกุมมากกว่าเดิมตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมของนางถูกรวบเป็นหางม้าอยู่ทางด้านหลัง และนั่นก็ยิ่งทำให้หลี่อี้สวิ่นมีความงดงามมากยิ่งขึ้น
นางตอบว่า “พวกเขาอ้างตนว่าเป็นกองทัพสำหรับการปลดแอกเผ่าพันธุ์มนุษย์ กองทัพเป่ยเฉินต่อต้านสภาศักดิ์สิทธิ์ คอยสู้รบกับเผ่าพันธุ์อสูรและเผ่าพันธุ์ปีศาจ หลักการของพวกเขาก็คือการชำระบาปและฟื้นฟูเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาใหม่…”
“กองทัพเป่ยเฉินมีนายทหารที่เป็นหน่วยพลีชีพอยู่เป็นจำนวนมาก กลุ่มคนเหล่านั้นยอมแม้แต่การสละชีวิตของตนเองเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ ข้าคิดว่าเจ้าเป็นหนึ่งในหน่วยพลีชีพ และเจ้ามาที่นี่เพื่อขัดขวางการประชุมระหว่างเผ่าพันธุ์อสุรกายเขียวและสำนักม่วงมหากาฬ ไม่ทราบว่าที่ข้าพูดนั้นถูกต้องหรือไม่?”
“มันจะไปถูกต้องได้อย่างไร”
หลินเป่ยเฉินตกตะลึง แต่ก็อดถามออกไปด้วยความประหลาดใจไม่ได้ว่า “แล้วทำไมผู้คนที่อาศัยอยู่ในเส้นทางหวังซิน ถึงไม่เคยล่วงรู้ข้อมูลเหล่านี้เลยล่ะขอรับ?”
หลี่อี้สวิ่นยิ้มเล็กน้อย ก่อนให้คำตอบว่า “ราชวงศ์อี้จื่อทำการปิดข่าว… มิเช่นนั้น พวกเขาจะกล้าเสี่ยงเปิดฉากทำสงครามกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันเองได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินได้รับฟังดังนั้นก็ต้องตกตะลึง
ราชวงศ์อี้จื่อช่างชั่วร้ายจริง ๆ
พวกมันไม่นับว่าเป็นมนุษย์อีกแล้ว!