เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1823 เลื่อนขั้นได้สำเร็จ
ตอนที่ 1,823 เลื่อนขั้นได้สำเร็จ
เมื่อกลับมาถึงห้องพักของตนเอง หลินเป่ยเฉินก็ต้องยกมือลูบคลำใบหน้า
ใบหน้าของเขาแข็งกระด้าง
ปราศจากรอยยิ้ม
การสนทนากับหลี่อี้สวิ่นส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะเรื่องราวการสั่นคลอนทางอำนาจของสภาศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่หลินเป่ยเฉินที่เป็น ‘คนนอก’ ของเส้นทางดาราจักร ก็ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีบางอย่างผิดปกติ
มิน่าล่ะ เผ่าพันธุ์มนุษย์ถึงมีปัญหาอยู่เสมอ
แก่นแท้ของปัญหาอยู่ที่ตรงนี้เอง
สถานการณ์หลังจากนี้คงมีแต่ความวุ่นวายโกลาหลเพิ่มมากขึ้น
นี่ไม่ต่างจากสถานการณ์ในตลาดหุ้น ผู้ที่ได้รับทราบข่าววงในว่าหุ้นตัวไหนราคากำลังจะขึ้นหรือราคากำลังจะตก พวกเขาก็พยายามจะปิดข่าวอย่างสุดความสามารถ เพื่อใช้เวลาที่มีอยู่สร้างผลกำไรของตนเองให้ได้มากที่สุด
เช่นเดียวกับราชวงศ์อี้จื่อ
หลินเป่ยเฉินส่งคลิปวิดีโอการสนทนาไปทางแอปวีแชต
ข่าวคราวเรื่องการสั่นคลอนทางอำนาจของสภาศักดิ์สิทธิ์ คือสิ่งจำเป็นที่พวกของหวังจง หลิงจุนเซวียน ฉุยเฮาเฟิง หลิงไท่ซวี และคนอื่น ๆ ต้องล่วงรู้ เพื่อที่จะได้หาทางแก้ไขสถานการณ์ต่อไป
และหลินเป่ยเฉินยังคงให้โทรศัพท์มือถือ… ฝึกวิชาต่อไป
หลังการต่อสู้กับคณะทูตอสูรในวันนี้ หลินเป่ยเฉินก็ทราบดีว่าร่างกายของตนเองสามารถปรับตัวกับขั้นพลังใหม่ได้เรียบร้อยแล้ว
เขาจึงตัดสินใจนำโลหิตพิสุทธิ์ชุดที่สองออกมาสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตนเอง
เด็กหนุ่มรู้สึกไม่ไว้วางใจอยู่เสมอ
โดยเฉพาะข่าวเรื่องที่องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ถูกหักหลัง และสภาศักดิ์สิทธิ์กำลังจะล่มสลาย เรื่องราวเหล่านี้ทำให้หลินเป่ยเฉินรู้สึกร้อนใจขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เขาคิดว่าตนเองต้องแข็งแกร่งให้มากกว่านี้
มีแต่เพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะสามารถดูแลตนเองได้
หลินเป่ยเฉินเข้าไปอยู่ในห้องฝึกวิชาเพื่อปรับพลังในร่างกาย หลังจากนั้น เขาก็นำโลหิตโบราณที่ได้มาจากพี่สาวตาบอดออกมากิน
โลหิตพิสุทธิ์ไหลผ่านลำคอ จนเกิดเป็นความรู้สึกร้อนวูบ
คลื่นพลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายด้วยความรวดเร็ว
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็หลอมรวมพลังอย่างไม่รีบร้อน เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามวลอากาศรอบกายเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างแปลกประหลาด
ในเวลาเดียวกันนี้ แอปเคลื่อนย้ายกระแสปราณในโทรศัพท์มือถือก็กำลังทำงานอย่างเต็มอัตรา
การทำงานสอดประสานกัน
ทั้งตัวคนและโทรศัพท์มือถือ
กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลินเป่ยเฉินเร่งระยะเวลาในการหลอมรวมพลังจากโลหิตพิสุทธิ์มากขึ้น
มวลพลังจากโลหิตพิสุทธิ์ชุดนี้มีความหนาแน่นมากกว่าที่หลินเป่ยเฉินเคยคิดเอาไว้
มวลพลังที่แฝงอยู่ภายในมีจำนวนมหาศาลมากกว่าโลหิตพิสุทธิ์ชุดก่อน ๆ
แต่ยิ่งพลังแฝงมีจำนวนมากมายมหาศาลเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินรับรู้ได้ถึงมวลพลังที่อัดแน่นอยู่ในร่างกาย
พลังปราณไหลเวียนอย่างรุนแรงและรวดเร็วไม่ต่างจากกระแสน้ำป่าหลากล้น หลินเป่ยเฉินพยายามควบคุมพลังปราณเหล่านั้นไปตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อบรรเทาความปั่นป่วนให้ลดน้อยลง
และภายใต้การหลอมรวมพลังของวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณ หลินเป่ยเฉินจึงรู้สึกได้ว่าผิวหนังและกล้ามเนื้อของตนเองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
โลหิตที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเพิ่มแรงสูบฉีดไม่ต่างจากน้ำป่าไหลทะลัก
‘เหมือนเส้นเลือดในร่างกายเราจะขยายขนาดขึ้นเลยแฮะ?’
หลินเป่ยเฉินคิดอยู่ในใจ
นี่คือการพัฒนาไปอีกขั้นของกระดูก กล้ามเนื้อและผิวหนัง
ในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินก็สัมผัสได้ถึงการไหลเวียนที่แปลกประหลาดของพลังปราณในร่างกาย
มวลพลังกำลังปรับตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
การเลื่อนขั้นพลังของวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง…
หลินเป่ยเฉินได้แต่ลุ้นอยู่ในใจว่าขอให้การเลื่อนขั้นผ่านไปอย่างราบรื่น
ไม่ทราบเลยว่าผ่านไปนานเพียงใด
ตู้ม!
ตู้ม!
มวลพลังก็ระเบิดออกในร่างกายและวิญญาณของหลินเป่ยเฉิน
คลื่นพลังแผ่กระจายออกจากรูขุมขน
ทันใดนั้น แสงสีเงินก็สว่างเจิดจ้าปกคลุมไปทั่วห้องฝึกวิชา ผิวหนังแปรสภาพกลายเป็นผลึกแก้วใส ก่อนที่ทุกอย่างจะปรับสภาพกลับคืนสู่ภาวะปกติอย่างช้า ๆ…
หัวใจกระตุกวูบ
หลินเป่ยเฉินสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของคลื่นพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายขณะนี้
“ไม่นะ หรือว่า…”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
นี่ไม่ใช่มวลพลังในขอบเขตจอมเทพจักรพรรดิอีกแล้ว
แต่ว่า…
“นี่มันมวลพลังในขั้นจอมเทพจักราไม่ใช่หรือ?”
หลินเป่ยเฉินไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อคืนก่อน เขาเพิ่งจะเลื่อนขั้นขึ้นสู่ขอบเขตจอมเทพจักรพรรดิตอนต้นได้สำเร็จ แล้วคืนนี้ เขาจะกระโดดขึ้นมาสู่ขอบเขตจอมเทพจักราได้อย่างไร?
นี่คือการเลื่อนระดับอย่างก้าวกระโดดถึงสิบขั้นเชียวนะ
หลินเป่ยเฉินรีบตั้งสมาธิและสำรวจดูภายในร่างกายของตนเอง
เขาพบว่าคลื่นพลังยังคงไหลเวียนด้วยความรุนแรง
นี่คือภาวะปกติของผู้ที่อยู่ในขอบเขตจอมเทพจักรา พลังปราณจะไม่ได้ไหลเวียนตามเส้นลมปราณในร่างกายอีกต่อไป แต่พวกมันจะหลอมรวมเข้ากับเลือดเนื้อ ผิวหนังและโครงกระดูกเช่นเดียวกับอวัยวะภายในส่วนต่าง ๆ และด้วยมวลพลังที่มากมายมหาศาลเช่นนี้ เขาจึงไม่ต้องกลัวเลยว่าพลังปราณในร่างกายจะหมดสิ้นไปอีกแล้ว
นอกจากนี้ ตามจุดลมปราณบนร่างกายยังมีแสงสว่างเรืองรองออกมาอย่างต่อเนื่อง
แสงสว่างเหล่านั้นไม่ต่างจากแสงดาราบนฟากฟ้ายามราตรี
นี่คือแสงสว่างจากพลังปราณแท้จริง
นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่าหลินเป่ยเฉินสามารถเลื่อนขั้นพลังขึ้นมาอยู่ในขอบเขตจอมเทพจักราได้สำเร็จ
“นี่เราเลื่อนขั้นได้จริง ๆ เหรอวะเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินยังคงไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ดี
แต่นี่คือความจริง
แม้จะรู้สึกแปลกประหลาดอยู่สักหน่อยก็ตาม
เพียงสองวันเท่านั้น หลินเป่ยเฉินก็สามารถเลื่อนขั้นพลังได้ถึงสองขอบเขต
หากเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยออกไป บรรดาผู้ฝึกยุทธ์ในอาณาจักรซือเว่ยก็คงแทบจะคลั่งตาย
ไม่เคยมีผู้ใดสามารถเลื่อนขั้นพลังได้รวดเร็วถึงเพียงนี้มาก่อน
นี่คืออิทธิฤทธิ์ของโลหิตพิสุทธิ์จากพี่สาวตาบอดใช่หรือไม่?
หลินเป่ยเฉินเพิ่งรู้เอาก็ตอนนี้เองว่าโลหิตโบราณที่เซี่ยเต๋อจีมอบให้แก่เขานั้น เป็นสิ่งของที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
“ช้าก่อน หรือว่าทุกคนจะทำภารกิจจากแอป Keep สำเร็จแล้ว?”
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็นึกถึงอีกหนึ่งความเป็นไปได้ จึงนำโทรศัพท์มือถือออกมาวิดีโอคอลไปสอบถามกับเฉียนเหมย และเขาก็ได้รับคำตอบว่าภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น
เมื่อวางสายจากสาวรับใช้ หลินเป่ยเฉินก็ยิ่งมึนงงสงสัยมากกว่าเดิม
เพราะในเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น หลินเป่ยเฉินก็สามารถก้าวกระโดดขึ้นมาจากขั้นจอมเทพธรรมดาสู่ขอบเขตจอมเทพจักราได้โดยตรง!
ความเร็วในการเลื่อนขั้นพลังนั้นน่าเหลือเชื่อมากเกินไป
แล้วมันจะทำให้รากฐานพลังของเขาไม่มั่นคงหรือเปล่านะ?
หลินเป่ยเฉินลองตรวจสอบร่างกายของตนเองอีกครั้งด้วยความระมัดระวัง