เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1858 เปิดทางหนี
ตอนที่ 1,858 เปิดทางหนี
ระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกันอยู่นี้ กลุ่มเรือเหาะติดอาวุธก็ปรากฏให้เห็นในสายตาแล้ว
พวกมันเป็นเรือเหาะที่มีสีแดงสลับฟ้าและบรรดาผู้คนที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือก็ใส่ชุดเกราะสีแดงสลับฟ้าเช่นกัน ปืนใหญ่ทุกกระบอกที่อยู่บนเรือเหาะเหล่านั้นต่างก็เล็งตรงมาที่เรือเหาะทะลวงคลื่นของพวกหลินเป่ยเฉิน
“ปิดม่านพลัง ลดโล่กำบัง และเตรียมตัวรับการตรวจค้นเดี๋ยวนี้”
เจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าหน่วยคุ้มกันส่งเสียงตะโกนดังสนั่น “ข้าคือหัวหน้าหน่วยผู้คุ้มกันของหอการค้าไท้กู่ มีนามว่าเหยียนเจิ้ง พวกเราได้รับรายงานมาว่าบนเรือเหาะของพวกเจ้ามีสายลับของพวกปีศาจแฝงตัวอยู่ จงส่งตัวสายลับออกมาเดี๋ยวนี้ ผู้ใดคิดขัดขืน มีโทษตายสถานเดียว”
เพียงพริบตาเดียว เรือเหาะทะลวงคลื่นก็ถูกล้อมจากทุกทิศทุกทาง
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว
สายลับของพวกปีศาจ?
หลินเป่ยเฉินหันขวับไปมองหน้าหวังเฟิงหลิว
ชายหนุ่มถึงกับรีบตะโกนว่า “สายลับมารดาเจ้าเถอะ ข้ามีนามว่าหวังเฟิงหลิว บอกให้โจวต้าเฟิงผู้จัดการสาขาของพวกเจ้าออกมาคุยกับข้าเดี๋ยวนี้ เรือเหาะลำนี้อยู่ในการคุ้มกันของกองโจรกระบี่อวตาร หากพวกเจ้ามีหลักฐานก็จงแสดงออกมา แต่ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าได้ก้าวขึ้นมาบนเรือเหาะของพวกเราเด็ดขาด มิฉะนั้นแล้ว นั่นเท่ากับเป็นการประกาศสงครามต่อกองโจรกระบี่อวตาร ข้าขอแนะนำให้เจ้าลองทบทวนดูให้ดี”
สีหน้าของหัวหน้าหน่วยผู้คุ้มกันจากหอการค้าไท้กู่มีความลังเลขึ้นมาในทันใด
กองโจรกระบี่อวตารเป็นหนึ่งในกลุ่มกองกำลังที่มีอำนาจมากที่สุดของกลุ่มพันธมิตรโกลาหล หากเกิดความขัดแย้งกับหอการค้าไท้กู่ขึ้นมา ความเสียหายคงใหญ่หลวงยิ่งนัก
นอกจากนี้ หวังเฟิงหลิวยังเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความโหดร้ายอำมหิตภายในกลุ่มพันธมิตรโกลาหลอีกด้วย
“หัวหน้าหวัง พวกเราไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นกองโจรกระบี่อวตารแต่อย่างใด”
หัวหน้าหน่วยผู้คุ้มกันพยายามสงบจิตใจและอธิบายว่า “พวกท่านอาจจะถูกหลอกตบตาเอาก็เป็นได้ โปรดให้ความร่วมมือกับเราเถอะ หลังจากนี้ หอการค้าไท้กู่ของเราต้องมอบคำอธิบายที่น่าพอใจให้แก่พวกท่านอย่างแน่นอน และเรายินดีจ่ายค่าชดเชยให้แก่พวกท่านด้วย นี่เป็นคำสั่งจากทางเบื้องบน ต่อให้ผู้จัดการสาขามาปรึกษากับท่าน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้อีก ข้าจึงอยากจะแนะนำให้ท่านหัวหน้าหวังยินยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีดีกว่า”
“ผายลมมารดาเจ้าเถอะ”
หวังเฟิงหลิวโต้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดัน “บนเรือเหาะลำนี้มีแต่คนของกองโจรกระบี่อวตารทั้งสิ้น จะไปมีสายลับจากพวกปีศาจได้อย่างไร รีบนำคนของเจ้ากลับไปซะ พวกเราจะออกเดินทางกันแล้ว… มิเช่นนั้น นี่จะเป็นการประกาศสงครามต่อกองโจรกระบี่อวตาร นับจากนี้ไป หอการค้าไท้กู่ของพวกเจ้าจะกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของเรา… แล้วพวกเจ้าจะรับผลที่ตามมาได้หรือไม่?”
ความเงียบปกคลุมในบรรยากาศ
หัวหน้ากลุ่มผู้คุ้มกันไม่คิดเลยว่าตนเองอุตส่าห์ไว้หน้าอีกฝ่ายถึงเพียงนี้ แต่หวังเฟิงหลิวกลับไม่ยอมให้ตรวจค้นเรือเหาะอยู่ดี
เมื่อเป็นเช่นนี้ สถานการณ์ก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
บนดาดฟ้าเรือเหาะ หวังเฟิงหลิวรีบหันกลับมายิ้มประจบหลินเป่ยเฉินพลางกล่าวว่า “นายท่านอย่าได้กังวล ไม่ว่าอย่างไรหอการค้าไท้กู่ก็ไม่กล้าเป็นศัตรูกับกองโจรกระบี่อวตารเด็ดขาด ข้าน้อยรับประกันว่าพวกเขาไม่มีทางกล้า…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ตู้ม! ตูู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ปืนใหญ่จากเรือเหาะสีแดงสลับฟ้าซึ่งล้อมรอบเรือเหาะทะลวงคลื่นอยู่นั้นส่งเสียงระเบิดดังอื้ออึง
ลำแสงจากปืนใหญ่ยิงเข้าใส่ม่านพลังที่คุ้มกันเรือเหาะของหลินเป่ยเฉิน
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
พวกเขาได้ยินเสียงเหมือนแก้วที่กำลังแตกร้าวดังขึ้น
เรือเหาะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“บัดซบ…”
หวังเฟิงหลิวอุทานด้วยความไม่อยากเชื่อ ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธแค้น “พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว… ตอบโต้กลับไป ตอบโต้กลับไปให้รุนแรงที่สุด”
เขาไม่เคยจินตนาการเลยว่าหอการค้าไท้กู่จะกล้าโจมตีตนเองมาก่อน
นี่ไม่ใช่แค่การยิงขู่
เมื่อสักครู่นี้ หวังเฟิงหลิวเพิ่งรับปากกับนายน้อยด้วยความมั่นใจ แต่เขากลับถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง
ให้อภัยไม่ได้
เมื่อได้ยินคำสั่งจากหวังเฟิงหลิว เรือเหาะทะลวงคลื่นก็เริ่มมาตรการตอบโต้กลับไปอย่างรวดเร็ว
กลุ่มผู้คุ้มกันของกองโจรปรากฏตัวขึ้นจากหลายทิศทาง
บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงร้องตะโกนและการฆ่าฟัน
ตู้ม!
ลำแสงปืนใหญ่สามารถยิงทะลุผ่านม่านพลังเข้ามาได้สำเร็จ เศษฝุ่นกระจายไปทั่ว เช่นเดียวกับเศษเหล็กที่กระเด็นไปทุกทิศทุกทาง
“นายท่าน ระวังตัว”
หวังเฟิงหลิวโคจรพลังปราณในร่างกายยืนหยัดอยู่เคียงข้างหลินเป่ยเฉินพร้อมกับร้องตะโกนว่า “สถานการณ์ไม่ชอบมาพากล กลุ่มคนเหล่านี้ตั้งใจโจมตีพวกเราตั้งแต่แรก”
ทันใดนั้น หวังเฟิงหลิวก็ได้เข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน เหตุการณ์ในครั้งนี้หอการค้าไท้กู่ได้เตรียมตัวล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี ไม่ว่าพวกเขาจะโต้แย้งอย่างไรก็ไร้ความหมาย เรือเหาะทะลวงคลื่นไม่มีทางหลบหนีออกไปจากดาวเคราะห์ดวงนี้อย่างปลอดภัยได้อีกแล้ว
แต่หวังเฟิงหลิวไม่ได้เป็นกังวลเลยแม้แต่น้อย
เพราะคนของหอการค้าไท้กู่ไม่รู้ถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของเรือเหาะทะลวงคลื่น
หลินเป่ยเฉินรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในใจว่า
กลุ่มคนเหล่านี้มาเพื่อตามล่าตัวเขา
ต้องใช่แน่ ๆ
แต่ปัญหาก็คือหลินเป่ยเฉินเพิ่งมาถึงที่นี่ยังไม่ถึงครึ่งวัน แล้วเขาจะไปมีศัตรูได้อย่างไร?
ต่อให้เขาจะน่าหมั่นไส้ถึงเพียงใด ก็ไม่สมควรมีเรื่องให้ถูกตามล่าตัวรวดเร็วถึงเพียงนี้
“จี๊ด”
อากวงพลันส่งเสียงร้องขึ้นมา
ตัวมันและเสี่ยวหูลูกบุญธรรมของมัน เซียวปิง เยว่หงเซียงและฉู่เหินต่างก็รีบวิ่งขึ้นมาที่ดาดฟ้าเรือด้วยความตื่นตระหนก
ตู้ม! ตู้ม!
บรรดาเรือเหาะสีแดงสลับฟ้ายังคงยิงปืนใหญ่เข้ามาไม่หยุดยั้ง
เพียงไม่นาน เรือเหาะทะลวงคลื่นก็เริ่มต้านทานไม่ไหว ตัวเรือสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและชิ้นส่วนบางส่วนก็เริ่มหลุดกระเด็น…
คนของกองโจรกระบี่อวตารถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเข้าใส่ร่างกายแตกกระจาย บางคนก็ถูกไฟไหม้ เสียงกรีดร้องดังระงม ผู้คนเริ่มบาดเจ็บล้มตาย
ในขณะนี้ บรรยากาศไม่ต่างจากประตูนรกได้ถูกเปิดออก
“นายท่าน พวกเราคงอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว รีบอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีกันก่อนดีกว่าขอรับ อีกฝ่ายคงไม่กล้ายิงใส่พวกเดียวกันเองแน่”
หวังเฟิงหลิวรีบให้คำแนะนำด้วยความร้อนรน
“หวังจงอยู่ที่ไหน?”
หลินเป่ยเฉินถามเสียงดัง “อากวง เจ้าไปตามหาหวังจง คุ้มครองความปลอดภัยให้เขา แล้วพาตัวหลบหนีไปจากที่นี่”
“จี๊ด”
อากวงพยักหน้ารับคำสั่ง เมื่อตัวของมันก้าวถอยหลัง ร่างกายก็ล่องหนหายไปกลางอากาศ
“พวกเรารีบไปกันเถอะ”
หลินเป่ยเฉินกระชากเสื้อคลุมสีขาวตัวนอกออก เผยให้เห็นถึงชุดเกราะเล่นแร่แปรธาตุสีเงินที่สวมใส่อยู่ด้านใน มือซ้ายของเขาหมุนวน แล้วกระบี่ฆ่าวาฬก็ปรากฏขึ้นในมือในพริบตาต่อมา “เปิดทางหนี”
“ฮ่า ๆๆ กราบเรียนนายท่าน... ข้าน้อยจะรับหน้าที่เปิดทางหนีเอง”
หวังเฟิงหลิวระเบิดเสียงคำราม เลือดลมในร่างกายร้อนระอุ เขาล้วงมือเข้าไปในเป้ากางเกงและดึงสายแส้เส้นยาวออกมาสะบัดไม่ต่างจากหางแมงป่อง