เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1862 การต่อสู้ของยักษ์ใหญ่
ตอนที่ 1,862 การต่อสู้ของยักษ์ใหญ่
“เป็นไปได้อย่างไร?”
สีหน้าของกู่โจวปรากฏความประหลาดใจอย่างชัดเจน
เขาไม่คิดเลยว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หลินเป่ยเฉินจะสามารถทำลายการพันธนาการของวิชาวายุอัคคีสลาตันได้สำเร็จ
นี่คือวิชาที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อจัดการกับผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ
แล้วหลินเป่ยเฉินสามารถทำลายได้อย่างไร?
น่าสนใจ น่าสนใจยิ่งนัก
เด็กหนุ่มผู้มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์จากดินแดนอันห่างไกลผู้นี้ นับเป็นวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมยิ่ง
กู่โจวยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้นมากกว่าเดิม
บัดนี้ เพียงหลินเป่ยเฉินผู้มีร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ขยับตัวเพียงเล็กน้อย มวลอากาศก็สั่นไหวจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็กำมือเป็นหมัดและเหวี่ยงหมัดออกมาข้างหน้า
วิชาแปดชั้นฟ้า: กระบวนท่าสะบั้นฟ้า
นี่คือกระบวนท่าที่มีขึ้นสำหรับโจมตีศัตรู
เมื่อพลังปราณและพละกำลังในร่างกายหลอมรวมเป็นหนึ่ง ความแข็งแกร่งในการโจมตีก็เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
หมัดของหลินเป่ยเฉินทำให้สถานีขนส่งถึงกับสั่นสะเทือน
สีหน้าของกู่โจวเคร่งเครียดขึ้นมาในพริบตา ร่างกายของเขากระตุกเฮือก จากนั้นตัวคนก็ลอยกระเด็นออกไป
กระบวนท่าพลิกภูผาคว่ำทะเล!
กู่โจวระเบิดพลังตอบโต้กลับไปในขณะที่ตนเองตีลังกาอยู่กลางอากาศ
ตู้ม!
คลื่นพลังจำนวนมากถาโถมเข้าใส่หลินเป่ยเฉินไม่ต่างจากคลื่นน้ำในมหาสมุทร
มวลอากาศปั่นป่วนโกลาหล
เมื่อยอดฝีมือที่แท้จริงปะทะกัน คลื่นพลังก็ระเบิดออกไปอย่างควบคุมไม่ได้
มวลอากาศสั่นไหวจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คลื่นพลังแห่งการทำลายล้างแผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้าง
ในรัศมีหลายร้อยวา ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นผุยผง
“ให้ตายเถอะ”
“พวกเรารีบถอย”
“เร็วเข้า พวกเรารีบไปจากที่นี่กันดีกว่า”
ไม่ว่าจะเป็นคนของหอการค้าไท้กู่หรือว่าคนของกองโจรกระบี่อวตาร เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี พวกเขาก็เริ่มล่าถอยโดยไม่รอช้า
ส่วนผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ต่างจากรูปปั้นที่ตั้งอยู่กลางพายุทะเลทราย
สถานีขนส่งอันใหญ่โตสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับว่าพวกมันพร้อมจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ
“เก่งจริงก็เข้ามา”
หลินเป่ยเฉินใช่กระบวนท่าเดิมโจมตีกลับไปอีกครั้ง
กระบวนท่าสะบั้นฟ้า
มวลอากาศปั่นป่วนอีกครั้ง
กำปั้นถูกเหวี่ยงออกไป
กำปั้นพุ่งทะลวงไม่ต่างจากมังกรยักษ์
คลื่นพลังทำลายล้างที่แผ่ออกมาในอากาศนั้น ทำให้โจวต้าเฟิงผู้เป็นหัวหน้าสาขาหอการค้าไท้กู่แห่งนี้ที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ไม่ไกลรู้สึกเวียนหัวตาลายและหูอื้อขึ้นมาทันที
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกตะลึง
ใต้เท้ากู่บอกว่าจะมาที่นี่เพียงเพื่อจัดการกับเด็กหนุ่มผู้นั้นเพียงคนเดียวไม่ใช่หรือ?
แล้วทำไมถึงต้องระเบิดพลังทำลายล้างรุนแรงเช่นนี้ด้วย?
หากเหตุการณ์ดำเนินเช่นนี้ต่อไป สถานีขนส่งคงต้องพังทลายลงแล้ว
“เร็วเข้า รีบบอกให้ผู้โดยสารทุกคนอพยพออกไปจากสถานีโดยด่วน แจ้งเตือนให้เรือเหาะที่จอดอยู่บริเวณท่าเทียบเรือรีบเดินทางออกไปทันทีด้วย”
โจวต้าเฟิงออกคำสั่งเสียงดัง
มิฉะนั้น หากสถานีขนส่งบนดาวเคราะห์ซานฉีพังทลายขึ้นมาจริง ๆ และเรือเหาะของผู้ใช้บริการได้รับความเสียหาย หอการค้าไท้กู่ก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายเหล่านั้นทั้งหมดตามกฎของกลุ่มพันธมิตรโกลาหลแต่เพียงผู้เดียว
หากเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นจริง หอการค้าไท้กู่ก็ต้องเป็นฝ่ายเสียหายใหญ่หลวง
โจวต้าเฟิงจ้องมองไปที่ร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ของหลินเป่ยเฉินด้วยความตกตะลึงและหวาดกลัว
และในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้
เด็กหนุ่มผู้นี้มาจากดินแดนชายขอบของเส้นทางดาราจักรอย่างอาณาจักรซือเว่ยจริง ๆ หรือ?
หากไม่ใช่ว่ามีการปิดข่าวเอาไว้ อัจฉริยะยอดฝีมือระดับสูงส่งเช่นนี้ ก็น่าจะมีผู้คนเคยได้ยินชื่อเสียงมาบ้าง
แต่น่าเสียดายที่เด็กหนุ่มผู้นั้นต้องมาพบเจอกับกู่โจวจอมวายร้ายแห่งสภาศักดิ์สิทธิ์
ดอกไม้งามดอกนี้จึงต้องร่วงโรยโดยที่ไม่ทันได้เบ่งบาน
ตู้ม! ตู้ม!
คลื่นแรงระเบิดแผ่กระจายไปทั่วสถานีขนส่ง
คานเหล็กและเสาหินบิดงอผิดรูปผิดร่าง ก้อนหินและเศษเหล็กจำนวนมากร่วงกราวลงมาจากด้านบน
พลังทำลายล้างเช่นนี้ทำให้ผู้คนในสถานีขนส่งตื่นตกใจ
เรือเหาะจำนวนมากรีบบินหนีไปอย่างรวดเร็ว
“นี่เป็นวิชาการต่อสู้รูปแบบใดกัน?”
กู่โจวเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าของตนเองหลายครั้ง เขาจำได้ว่าตนเองใช้กระบวนท่าไม่ซ้ำกันเลยถึงหกครั้งติด แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะกระบวนท่าสะบั้นฟ้าของหลินเป่ยเฉินได้อยู่ดี
ทันใดนั้น ร่างของพวกเขาก็แยกออกจากกัน
ความแข็งแกร่งที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของกู่โจวมีความเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“นี่เป็นวิชาที่ถ่ายทอดโดยคนตาบอดผู้หนึ่ง” หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะ
เมื่อกู่โจวได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็เป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น
เด็กน้อย เจ้าโอหังมากเกินไปแล้ว
กู่โจวสูดหายใจลึก ก่อนที่ร่างจะขยายใหญ่ขึ้นและเพียงพริบตาเดียว กู่โจวก็กลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีขนาดตัวเท่ากับหลินเป่ยเฉิน
พลังการโจมตีของเขาก็เพิ่มมากขึ้น
“หมัดค้อนเหล็ก!”
กู่โจวในสภาพร่างยักษ์ส่งเสียงคำรามแหบต่ำและใช้กระบวนท่าที่เคยโจมตีหลินเป่ยเฉินจนได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ออกมาอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินโต้ตอบกลับไปด้วยกระบวนท่าสะบั้นฟ้าอย่างไม่หวาดกลัว
ตู้ม!
พลังทำลายล้างของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดชะงัก แต่แล้วในลมหายใจต่อมานั้นเอง การระเบิดอย่างรุนแรงก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
คลื่นแรงสั่นสะเทือนอันน่าหวาดกลัวนั้นทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่โดยรอบ
ไม่ว่าคลื่นพลังเหล่านั้นเคลื่อนผ่านไปยังบริเวณใด ทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนั้นก็จะถูกทำลายลงไป
ตู้ม!
โครงสร้างของสถานีขนส่งเริ่มพังถล่ม เพดานพังทลายลงมา ท่อเหล็กและเศษหินจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวกระจัดกระจายในอากาศ
และคลื่นพลังทำลายล้างก็ยังไม่ยุติ
การต่อสู้ระหว่างยักษ์ใหญ่ทั้งสองคนยังดำเนินต่อไป
“ฮ่า ๆๆ สู้ได้ดี”
เลือดลมในร่างกายของหลินเป่ยเฉินร้อนระอุ เขาเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะใส่ท้องฟ้า
จิตวิญญาณแห่งนักสู้พลุ่งพล่าน
ต้องยอมรับเลยว่ากู่โจวผู้นี้มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้าสำนักม่วงมหากาฬเสียอีก
มิหนำซ้ำ คนผู้นี้ยังใช้สายเลือดผู้คงกระพัน จึงเป็นคู่มือที่เหมาะสมสำหรับวิชาแปดชั้นฟ้าของพี่สาวตาบอด
การต่อสู้ระหว่างกู่โจวกับหลินเป่ยเฉินดำเนินไปด้วยความดุเดือดเลือดพล่าน ตาต่อตา ฟันต่อฟัน กำปั้นต่อกำปั้น ยิ่งต่อสู้ไปนานมากเท่าไหร่ ละอองน้ำสีขาวก็ยิ่งพุ่งออกมาจากรูขุมขนบนร่างกายของหลินเป่ยเฉินมากเท่านั้น เด็กหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ไม่ต่างจากร่างกายของเขาเป็นหม้อต้มน้ำที่กำลังเดือดปุด
บัดนี้ บริเวณสถานีขนส่งหลงเหลือเพียงความว่างเปล่า
พวกของหวังเฟิงหลิวเช่นเดียวกับพวกของโจวต้าเฟิง… ต่างก็ล่าถอยออกไปตั้งหลักอยู่ห่างไกลหมดสิ้น