เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1871 เหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตอนที่ 1,871 เหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หวังจงรู้สึกดีใจก็คือกลุ่มกองโจรกระบี่คงกระพันมีความซื่อสัตย์มากกว่าที่คิด ในยามวิกฤตที่ความเป็นความตายมาถึงตัว กลุ่มคนเหล่านั้นก็ยังไม่ยอมทรยศหักหลังหลินเป่ยเฉินแม้แต่คนเดียว
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่าสามารถเก็บไว้ใช้งานได้ในระยะยาวแล้ว
หลังจากนั้น หวังจงก็หันไปจ้องมองการต่อสู้บนท้องฟ้าที่อยู่ห่างออกไป
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
หลินเป่ยเฉินเหวี่ยงกำปั้นเข้าใส่ใบหน้ากู่โจวอย่างต่อเนื่อง
“มดปลวกต่ำต้อยใช่หรือไม่?”
“คิดว่าตนเองแข็งแกร่งอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้านี่มันหลงตัวเองมากเกินไปแล้ว”
“ดูเจ้าเถอะ… ใบหน้าอัปลักษณ์ถึงเพียงนี้ มีอะไรดีให้วางท่าใหญ่โต?”
เด็กหนุ่มต่อยหมัดพร้อมกับสบถไปด้วย
ยิ่งสู้กันไปนานมากเท่าไหร่ กู่โจวก็ยิ่งไม่ใช่คู่มือของเขามากเท่านั้น
ไม่ว่าจะใช้วิชาหรือกระบวนท่าใดออกมา กู่โจวก็ไม่สามารถรับการโจมตีด้วยกระบวนท่าสะบั้นฟ้าของหลินเป่ยเฉินได้อีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เด็กหนุ่มโจมตีด้วยหมัดเพียงข้างเดียวเท่านั้น
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็สามารถใช้งานวิชาแปดชั้นฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
และเพียงกระบวนท่าสะบั้นฟ้ากระบวนท่าเดียวก็สามารถจัดการจอมเทพระดับ 5 อย่างกู่โจวได้อย่างง่ายดาย
ใบหน้าของกู่โจวบวมช้ำ หัวคิ้วแตก จมูกหักงอ โลหิตสีทองเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า พลังปราณในร่างกายสูญหาย… ร่างกายที่มีขนาดใหญ่ยักษ์เริ่มต้นหดเล็กลงเรื่อย ๆ…
“คิดเหยียบข้าให้ตายอย่างนั้นหรือ? ข้านี่แหละจะเป็นฝ่ายเหยียบเจ้าเอง!”
หลินเป่ยเฉินยกเท้าขนาดใหญ่ของตนเองขึ้นมาข้างหนึ่งและเหยียบลงไปอย่างแรง
พลั่ก!
ร่างของกู่โจวพลันถูกเหยียบจนกลายเป็นม่านหมอกเลือด
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้โจวต้าเฟิง ฟางอี้และคนอื่น ๆ ที่ยืนมองอยู่จากระยะไกลรู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาจับใจ
หากกู่โจวพ่ายแพ้ให้แก่หลินเป่ยเฉิน นั่นก็หมายความว่าหอการค้าไท้กู่จะไม่มีผู้คนคอยปกป้องอีกแล้ว
ส่วนคนทรยศอย่างยั่วหลง เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงนี้ เขาก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดวิตก กำลังหาจังหวะเหมาะ ๆ เพื่อหลบหนี แต่สุดท้ายก็ยังหาจังหวะไม่ได้อยู่ดี
กู่โจวเป็นผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพัน แน่นอนว่าเขาคงไม่ถูกเหยียบตายในครั้งเดียว
กู่โจวฟื้นคืนชีพกลับมาใหม่ได้อีกครั้ง
แต่แล้ว…
พลั่ก!
เขาก็ถูกฝ่าเท้าของหลินเป่ยเฉินเหยียบย่ำจนร่างกายระเบิดกระจาย
เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กู่โจวฟื้นคืนชีพกลับมานับครั้งไม่ถ้วน
แต่ร่างกายก็ต้องถูกเหยียบแตกกระจายไปนับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน
ความเจ็บปวดทางร่างกายนั้นยังพอรับได้ แต่สิ่งที่ยอมรับไม่ได้เลยคือความเจ็บปวดทางจิตใจ
กู่โจวไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเวลาผ่านไปเพียงห้าวัน เมื่อหลินเป่ยเฉินกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง ตนเองจะไม่ใช่คู่ต่อกรของเด็กหนุ่มผู้นี้เสียแล้ว
กู่โจวพยายามหลบหนี
แต่ก็ถูกขวางหน้า
ต่อให้มีปีกก็หนีไม่รอด
สุดท้าย กู่โจวก็กลายเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งทางร่างกายและจิตใจ หลินเป่ยเฉินย่อตัวลงมาจนมีขนาดเท่ากับตอนปกติและลากคอกู่โจวกลับไปที่เรือเหาะซื่อเหยียนได้อย่างง่ายดาย
สถานการณ์ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม
หลินเป่ยเฉินนำเสื้อคลุมสีขาวออกมาสวมใส่
ยอดฝีมือของหอการค้าไท้กู่จำนวนมากมีสภาพกลายเป็นเศษเนื้อด้วยกรงเล็บของอากวง
เมื่อเห็นพรรคพวกของตนเองต้องตายกลายเป็นศพเกือบร้อยคน บรรดาคนของหอการค้าไท้กู่ที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างก็รีบคุกเข่าขอยอมแพ้โดยไม่ลังเล
ในกลุ่มคนเหล่านั้นย่อมต้องมีโจวต้าเฟิง ฟางอี้และยั่วหลงร่วมอยู่ด้วย
การกลับมาที่ดาดฟ้าเรือเหาะของหลินเป่ยเฉินได้ทำลายความหวังสุดท้ายในหัวใจของโจวต้าเฟิงและพรรคพวกหมดสิ้น… เมื่อกู่โจวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ นั่นก็หมายความว่าหอการค้าของพวกเขาได้พ่ายแพ้ไปด้วย
“นายน้อย ในที่สุด นายน้อยก็กลับมาแล้ว”
หวังจงรีบวิ่งเข้าไปหมอบกราบและกล่าวว่า “ฮื่อ ไม่เจอหน้ากันเพียงไม่กี่วัน บ่าวคิดว่านายน้อยตายเสียแล้ว”
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก
ฟังที่ตาเฒ่านี่พูดออกมาสิ นี่ยังเรียกว่าปากคนได้หรือไม่?
เด็กหนุ่มตวัดขาเตะ
พลั่ก!
หวังจงถูกเตะลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศ
“โอ๊ย ความรู้สึกนี้มัน…”
เมื่อร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นดาดฟ้าเรือ พ่อบ้านชราก็ยิ้มร่าอย่างมีความสุข “ลูกเตะของนายน้อยมีรสชาติที่ยากลืมเลือนจริง ๆ ขอรับ”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ให้ตายเถอะ
โครม!
กู่โจวถูกโยนลงไปบนพื้นดาดฟ้าเรือไม่ต่างจากเศษขยะชิ้นหนึ่ง
โซ่ตรวนดับดาราได้ถูกนำมาใช้พันธนาการร่างกายของกู่โจวโดยเฉพาะบริเวณข้อต่อแขนขาเพื่อป้องกันไม่ให้สามารถสลัดหนีได้
“ข้าน้อยขอคารวะคุณชายหลิน”
เฟิงซิงอวิ๋นรีบก้าวออกมาข้างหน้าประสานมือทำความเคารพด้วยความอ่อนน้อม “คุณชายหลินขอรับ ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่หวังเฟิงหลิวของพวกเราบัดนี้อยู่ที่ใด?”
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิดเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมเขาจึงนึกถึงแขนกลของอาจารย์ฉู่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน หลินเป่ยเฉินสงสารพวกของหวังเฟิงหลิวขึ้นมาจับใจ สงสัยคงต้องรีบกลับไปดูอาการสักหน่อยแล้ว
“พี่ใหญ่ของพวกเจ้าอยู่ในที่ปลอดภัย อีกไม่นานเขาจะกลับมา วางใจเถอะ”
เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น พวกของเฟิงซิงอวิ๋นก็มีสีหน้าสบายใจมากขึ้น
แค่ยังมีชีวิตอยู่รอดก็นับว่าประเสริฐมากแล้ว
เฟิงซิงอวิ๋นกล่าวต่ออีกครั้งว่า “คุณชายหลินขอรับ คนของกองโจรกระบี่อวตารจำนวนมากถูกคุมขังอยู่ในสถานีขนส่งของพวกหอการค้าไท้กู่…”
หลินเป่ยเฉินหันมาชำเลืองมองที่อากวง
“จี๊ด”
เจ้าหนูรีบรับคำอย่างรู้งาน
“การช่วยชีวิตผู้คนถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก”
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่ง “โจมตีได้ไม่ต้องยั้งมือ… ผู้ใดขัดขวางสามารถฆ่าทิ้งได้ทันที”
เฟิงซิงอวิ๋นและพรรคพวกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
การอดทนและความซื่อสัตย์ของพวกเขาได้รับผลตอบแทนแล้ว
“ขอบคุณคุณชายหลินมากขอรับ”
ใบหน้าของเฟิงซิงอวิ๋นและผู้ติดตามที่แสดงออกถึงความซาบซึ้งใจอย่างแท้จริง
หลินเป่ยเฉินผงกศีรษะ “ด้วยความยินดี พวกเจ้าจะตามไปช่วยเหลือพรรคพวกก็ได้นะ ข้าเปิดทางให้”
แล้วผู้คนก็รีบไปช่วยเหลือนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกของสถานีขนส่ง
ส่วนบรรดาสมาชิกคนอื่น ๆ ของกองโจรกระบี่อวตารที่ยังยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะนั้นต่างก็พร้อมใจกันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
แต่เมื่อจ้องมองไปยังกลุ่มคนของหอการค้าไท้กู่ ดวงตาของพวกเขาก็ร้อนผ่าวด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธแค้น
“เจ้าน่ะ”
หลินเป่ยเฉินชี้มือไปที่หนึ่งในหัวหน้ากลุ่มผู้คุ้มกันของหอการค้าพร้อมกับถามว่า “อยากจะตายหรืออยากจะมีชีวิตอยู่?”
หัวหน้ากลุ่มผู้คุ้มกันเป็นชายวัยกลางคนหนวดเครายาวรุงรัง ลักษณะไม่ต่างจากหมีป่า เมื่อได้ยินคำถามของหลินเป่ยเฉินเขาก็ต้องตอบด้วยความหวาดกลัวว่า “กราบเรียนนายท่าน ข้าน้อยอยากมีชีวิตอยู่ ข้าน้อยมีมารดาอายุแปดขวบและมีบุตรอายุแปดสิบปีให้คอยดูแล…”
เพียะ!
หลินเป่ยเฉินตบหน้าชายวัยกลางคนกลิ้งกระเด็น ก่อนที่เขาจะกวาดตามองไปยังกลุ่มคนของกองโจรกระบี่อวตารและสบถว่า “นี่มันอะไรกันเนี่ย? สหายของข้าต่างก็เหน็บหนาวและหิวโหย แล้วบาดแผลบนร่างกายของพวกเขาคืออะไร? เจ้ารีบตามหมอมารักษาพวกเขาเดี๋ยวนี้ อย่าลืมนำอาหารและน้ำดื่มมาให้พวกเขารับประทาน หาเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้พวกเขาเปลี่ยนด้วย… ข้าให้เวลาเจ้าจัดการเรื่องนี้ชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย หากจัดการไม่สำเร็จ รับรองได้ว่าพวกเจ้าตายยกครอบครัวแน่”