เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1887 ต่างกันตรงไหน
ตอนที่ 1,887 ต่างกันตรงไหน
“อายุเพียงเท่านี้ ได้รับทราบข่าวร้ายรุนแรงเช่นนี้ แต่กลับสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก มิหนำซ้ำ ยังมีขั้นพลังแกร่งกล้า อนาคตของคนผู้นี้ต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน”
เจิ้งซินหลู่จ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลี่กวงซูและอดแสดงความซาบซึ้งใจออกมาไม่ได้
ผู้มีพรสวรรค์เช่นนี้คงมาแทนที่ตัวเขาเองในอนาคตอีกไม่ช้า
หลี่กวงอวี้เป็นศิษย์รุ่นใหม่ที่ชายชราตั้งความหวังเอาไว้ไม่น้อย และเขาก็หวังว่าข่าวการตายของน้องชายจะไม่ส่งผลกระทบต่ออนาคตของหลี่กวงอวี้
แต่ในเวลาเดียวกันนี้ เจิ้งซินหลู่ก็หวาดเกรงว่าสำนักศึกษาของตนเองกำลังจะต้องพบเจอกับปัญหาอีกครั้ง
แม้ว่าหลี่กวงซูจะมีความสามารถห่างไกลจากผู้เป็นพี่ชายหลายพันโยชน์ แต่เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในศิษย์อัจฉริยะของสำนักตงหลิน หลี่ซืออี้ผู้เป็นบิดาของพวกเขาเป็นอาจารย์ระดับสูงอยู่ในสำนักตงหลิน และปู่ของพวกเขาอย่างหลี่เยวียนซานก็เป็นถึงอาจารย์ใหญ่ เรียกได้ว่าตระกูลหลี่มีอิทธิพลกว้างขวางในสำนักตงหลิน และความตายของหลี่กวงซูก็คงก่อให้เกิดความวุ่นวายตามมาไม่น้อย
“เรื่องนี้ต้องรีบรายงานให้ทางเบื้องบนรับทราบ”
เจิ้งซินหลู่คิดได้ดังนี้ก็รีบลุกขึ้นเดินออกไปทันที
และในเวลาเดียวกันนี้
หลี่กวงอวี้ไม่ได้รีบร้อนไปแก้แค้นผู้ที่สังหารน้องชายของตนเอง
แต่เขากลับตรงไปยังสำนักตงหลินสาขาภูเขาเหวินเต้า พบกับบิดาของตนเองหลี่ซืออี้และเซวี่ยเฟิงชิงอาจารย์ใหญ่จากสำนักเฉิงเซินหลิวที่มาเป็นแขกคนสำคัญพอดี
…
ในเวลาไม่นาน
บรรยากาศของภูเขาเหวินเต้าก็ร้อนระอุขึ้นมาทันที
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัดร้างได้รับการเผยแพร่ออกไปอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้
“ว่าไงนะ? หลี่กวงซูถูกฆ่าตายอย่างนั้นหรือ?”
“สำนักตงหลินคงไม่อยู่เฉยแน่ ๆ”
“ข้าได้ยินว่าการสอบประจำปีนี้บิดาของเขาอย่างหลี่ซืออี้ก็มาที่นี่ด้วยนะ ไม่ทราบว่าอาจารย์ใหญ่ของสำนักตงหลินจะมาด้วยหรือไม่?”
“ว่าแต่ผู้ลงมือเป็นผู้ใดกัน?”
“เห็นว่าเป็นมือกระบี่สวมใส่ชุดบัณฑิตสีขาว หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางสง่าผ่าเผย”
“ที่นี่มีคนเช่นนั้นอยู่ด้วยหรือ?”
“เห็นว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเพราะนางแพศยาชินเหลียนเซินเพียงผู้เดียว”
“เฮ้อ ถึงกับฆ่ากันตายเพราะสตรีนางเดียว ข้าถึงได้บอกไงว่าสตรีคือหายนะที่อยู่เหนือหายนะทั้งปวง”
“แต่พยานบอกว่าคนของสำนักตงหลินเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน นอกจากพวกเขาจะขัดขวางชินเหลียนเซินไม่ให้เข้าสำนักศึกษาแล้ว พวกเขายังข่มขู่ว่าจะหักขานางอีกด้วย…”
“หึ ๆ พวกเจ้าก็รู้ว่าคนจากสำนักตงหลินเป็นเช่นไร พวกเขาไม่เคยเห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ครั้งนี้พวกเขาคงเจอยอดฝีมือตัวจริงเข้าให้แล้วกระมัง”
“ข้าเองก็ไม่ทราบหรอกนะว่ายอดฝีมือผู้นั้นเป็นผู้ใด แต่บัดนี้ เกิดความวุ่นวายขึ้นทั่วภูเขาเหวินเต้า ข้าคิดว่าสุดท้ายเดี๋ยวชินเหลียนเซินก็คงต้องตายอยู่ดี”
บทสนทนาทำนองนี้ปรากฏขึ้นทั่วภูเขาเหวินเต้าตลอดเวลา
ความแปลกประหลาดชนิดหนึ่งของข่าวลือก็คือ แม้ต้นเรื่องจะมาจากเรื่องเดียวกัน แต่เมื่อผ่านการบอกเล่ากันปากต่อปาก เนื้อหาก็เริ่มแตกกระจายเป็นหลายทิศทาง
ด้วยเหตุนี้ สาเหตุการตายของหลี่กวงซูจึงมีหลายรูปแบบ บางคนก็บอกว่าเขาตายเพราะไปลวนลามชินเหลียนเซิน ร่างกายท่อนล่างจึงถูกระเบิดกระจาย บางคนก็บอกว่าเขาถูกกลุ่มอันธพาลรุมทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตอย่างน่าอนาถ เพราะไปลวนลามใส่สตรีของกลุ่มอันธพาลนั้น บางคนก็บอกว่าเขาตายเพราะสู้บุรุษที่มาปกป้องชินเหลียนเซินไม่ได้…
กว่าที่สำนักตงหลินจะเริ่มยื่นมือเข้ามาควบคุมข่าวลือเหล่านั้น มันก็ช้าไปเสียแล้ว
สำนักไทปิง สำนักเทียนเจี้ยว หอตำราซางฉี สำนักศึกษาเซวียนเติ้ง สำนักชูซานและสำนักเซวี่ยไห่ต่างก็ได้รับทราบข่าวนี้หมดสิ้น
ด้วยเหตุนี้ พายุใหญ่จึงตั้งเค้าเตรียมโหมกระหน่ำเข้ามาแล้ว
นอกจากสำนักตงหลินจะพยายามหาที่อยู่ของชินเหลียนเซิน พวกเขายังพยายามตามล่าตัวพวกของหลินเป่ยเฉินไปทั่วเขตภูเขาเหวินเต้าอีกด้วย
“เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นเสียแล้ว พวกเราสมควรทำอย่างไรกันดี?”
ฉู่เหินกับเซียวปิงซึ่งเดินท่องเที่ยวอยู่ในตลาดได้รับทราบข่าวลือเหล่านี้ก็เกิดความพิศวงงงงวยทำสิ่งใดไม่ถูก
หวังจงพูดโดยไม่ลังเลว่า “พวกเรายังจะทำอันใดได้อีก? รีบกลับไปรอที่เรือเหาะเซียนกระบี่อมตะเถอะ นายน้อยคงหนีไปหลบซ่อนตัวแล้ว พวกเราอย่าอยู่ที่นี่ให้นายน้อยต้องเป็นกังวลอีกเลย”
“แล้วถ้าพี่ใหญ่ตกอยู่ในอันตรายล่ะ?”
เซียวปิงถามขึ้นมาด้วยความลังเล
“เจ้านี่ก็กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง”
หวังจงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “นายน้อยมีวิชาการปลอมตัวเป็นเลิศ ไม่มีผู้ใดจะหลบหนีได้เก่งกาจไปกว่านายน้อยอีกแล้ว อีกอย่าง พวกเรามีกันเพียงเท่านี้ อยู่ต่อไปก็คงช่วยอะไรไม่ได้ แต่กลับจะยิ่งทำให้นายน้อยลำบากมากกว่าเดิมซะอีก เจ้าลองนึกดูนะว่าหากพวกเราถูกจับตัวไปเป็นตัวประกันใช้ข่มขู่นายน้อย นั่นจะยิ่งเป็นปัญหาใหญ่มากกว่าเดิมอีก”
ฉู่เหินยกแขนกลของตนเองจับคางอย่างใช้ความคิด “ที่ท่านพูดมาก็มีเหตุผล แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ว่าอะไรทั้งนั้น พวกเรารีบหนีกันเถอะ”
ด้วยเหตุนี้ หวังจงจึงนำทุกคนหลบหนีออกมาราวกับกระต่ายน้อยผู้ตื่นกลัว พวกเขารีบกลับไปที่เรือเหาะลำเล็กซึ่งเช่าออกมาและเดินทางกลับไปยังเรือเหาะเซียนกระบี่อมตะด้วยความรวดเร็วฉับไว
“ข้ารู้สึกเหมือนตนเองลืมอะไรบางอย่างชอบกลแฮะ”
เซียวปิงพูดอย่างใช้ความคิดพร้อมกับกินไส้กรอกในมือ
…
หลินเป่ยเฉินไม่เคยคิดเรื่องการหลบหนีเลย
เพราะว่าเขายังอยากอยู่ช่วยเหลือนักพรตหญิงชินให้เข้าเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาฉิวจื่อ และกลายเป็นศิษย์โดยตรงของราชันแห่งความรู้ให้ได้เสียก่อน
ณ จวนที่พักของหลินเป่ยเฉิน
เมื่อนำตัวนางมาส่งถึงห้องพักแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ยังไม่รีบร้อนขอตัวกลับ
มิหนำซ้ำ เขายังอยู่ในห้องและจัดการปิดประตูลงกลอนอีกด้วย
ส่วนคู่เด็กชายและเด็กหญิงนั้นยืนอยู่หน้าห้อง ได้แต่มองหน้ากันด้วยความพิศวง
ภายในห้องพัก
มีการสร้างค่ายอาคมป้องกันไม่ให้เสียงและการเคลื่อนไหวภายในห้องเล็ดลอดออกไปสู่ด้านนอก
“ทำไมเจ้ายังไม่กลับไปอีก?”
นักพรตหญิงชินมองหน้าเด็กหนุ่ม
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “พวกเราไม่เจอกันตั้งนาน น่าจะมีเรื่องราวให้พูดคุยกันเยอะเลยนะขอรับ”
“ไม่เห็นต้องปิดประตูเลยนี่”
นักพรตหญิงชินกล่าวเสียงเรียบ
“เด็กน้อยสองคนนั้นน่ารำคาญเกินไป ให้พวกเขาอยู่ข้างนอกดีแล้วขอรับ”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม “ว่าแต่สถานการณ์เช่นนี้ ท่านไม่รู้สึกคุ้นเคยบ้างหรือ?”
นักพรตหญิงชินหัวเราะในลำคอ “เจ้าหมายถึงอะไร?”
หลินเป่ยเฉินตอบอย่างฉะฉานว่า “ในอาณาจักรหลิวเยวียน ห้องรับรองระดับสูงของกองทัพ ตอนนั้นก็มีเพียงท่านกับข้าอยู่สองคนเช่นกัน”
“แต่นั่นเป็นยามกลางคืน”
นักพรตหญิงชินกล่าว
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างมากกว่าเดิม “จะกลางคืนหรือกลางวันมันต่างกันด้วยหรือขอรับ?”
นักพรตหญิงชินกัดริมฝีปากของตนเองเล็กน้อย “ย่อมมีความต่างกัน”
“ต่างกันตรงไหนขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินก้าวเท้าเข้าไปหา ลมหายใจที่พ่นผ่านจมูกมีความเร่าร้อนยิ่งนัก!