เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 656 ตรวนคนบาป
ตอนที่ 656 ตรวนคนบาป
ในนครเจาฮุยมีวิหารเทพีกระบี่ตั้งอยู่หลายร้อยแห่ง
แต่มีเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ถูกเรียกว่าวิหารประจำเมือง
มันตั้งอยู่บนเนินเขาใจกลางพื้นที่เขตสี่ ถูกเรียกขานว่าเป็นวิหารหลวงของมณฑลเฟิงอวี่ และแทบจะเป็นวิหารอันดับหนึ่งของจักรวรรดิก็ว่าได้
ทุกๆ สิบวัน ชาวเมืองจะต้องเดินทางมาที่วิหารแห่งนี้หนึ่งครั้ง
และผู้คนที่เข้ามาสักการะเทพีกระบี่ในวิหารหลวงเมื่อครบกำหนดสิบวัน ก็จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทางเมื่อแสดงป้ายประจำตัวสาวกเทพีกระบี่ให้เจ้าหน้าที่ดู
กลุ่มผู้ศรัทธาจำนวนมากเลือกที่จะนั่งคุกเข่าอยู่บริเวณตีนเขา แต่ก็มีอีกไม่น้อยเช่นกันเลือกเดินขึ้นเขาไปสักการะรูปปั้นของเทพีกระบี่บนลานจัตุรัสด้านบน ที่นั่น พวกเขาจะได้รับฟังเสียงสวดมนต์โดยนักบวชที่อยู่ในวิหาร หรือถ้าผู้ใดต้องการทำพิธีจุ่มศีลล้างบาป รักษาโรคหรือขอรับพร ก็สามารถแจ้งต่อนักบวชที่ประจำการอยู่ในวิหารได้เช่นกัน
วันนี้ เป็นวันที่วิหารเปิดให้ชาวเมืองเข้าสักการะพอดี
ถึงบัดนี้จะเป็นเวลายามบ่ายแล้ว แต่ก็ยังมีผู้คนมารวมตัวกันทั้งบริเวณตีนเขาและบนเนินเขาอย่างหนาแน่น
ณ ใจกลางลานจัตุรัสหน้าวิหารขณะนี้ มีชาวเมืองมารวมตัวกันคุกเข่าอยู่ต่อหน้ารูปปั้นเทพีกระบี่เป็นจำนวนมาก
สำหรับวันที่เปิดวิหารให้ชาวเมืองเข้ามาสักการะเทพีกระบี่เช่นนี้ ทุกคนจะสามารถเดินเข้าเดินออกวิหารได้โดยสะดวก เว้นแต่เพียงพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์บางส่วนเท่านั้นที่เป็นเขตต้องห้าม นอกจากนี้ ทางวิหารยังได้จัดเตรียมอาหารให้ผู้คนรับประทานโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
บริเวณพื้นที่ทางขวามือของตัววิหาร เป็นเนินเขาค่อนข้างลาดชัน
เนินเขาตรงจุดนี้เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคม
แม้จะมีสายลมของฤดูหนาวพัดมาแล้ว แต่ทิวทัศน์รอบกายก็ยังอุดมด้วยสีเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า
นี่คือจุดชมวิวที่ดีที่สุดของวิหารประจำเมืองเจาฮุย
ด้วยเหตุนี้จึงมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
สายลมโชยพัดผ่านขั้นบันไดหิน ซึ่งมีราวจับแกะสลักเป็นรูปมังกรอย่างสวยงาม ราวจับมังกรเหล่านี้ถูกแกะสลักขึ้นมาจากหยกเขียวบริสุทธิ์ ทำให้ภูเขาทั้งลูกดูมีสง่าราศีและความน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน
ภายใต้แสงแดดยามบ่าย หญิงชราผู้สวมใส่เสื้อคลุมสีดำคนหนึ่ง กำลังหาบถังไม้สองถังซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าตัวนางเอง เดินลงมาตามขั้นบันไดหินอย่างเชื่องช้า
ถังน้ำที่ทำจากไม้ทั้งสองใบนี้มีฝาปิดอยู่ด้านบน จึงไม่มีใครรู้ว่าของที่อยู่ด้านในคือสิ่งใดกันแน่
แต่กลิ่นชวนคลื่นไส้ที่ลอยออกมาจากถังไม้เป็นบางครั้ง ก็จะทำให้ผู้คนที่หญิงชราเดินผ่านย่นจมูกและทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความขยะแขยง
“แหวะ กลิ่นเหม็นบัดซบ”
“นี่มันกลิ่นอาจม รีบไสหัวไปให้ไกลเลย นางเฒ่า”
“ไม่เห็นหรือไงว่ามีคนนั่งอยู่เต็มไปหมด”
ผู้คนจำนวนไม่น้อยระเบิดเสียงคำรามใส่หญิงชราด้วยความเดือดดาล
หญิงชราหันกลับไปมองหน้าทุกคนอย่างขออภัย ใบหน้าของนางมีแต่ความเยือกเย็น ก่อนที่จะต้องเลี่ยงมาเดินบริเวณข้างราวบันไดเพื่อรบกวนชาวเมืองให้น้อยที่สุด
เส้นผมของนางเป็นสีเทาแกมขาว บนใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลา หน้าผากปรากฏเม็ดเลือผุดพราว เช่นเดียวกับบริเวณหัวไหล่และแผ่นหลังซึ่งทำให้เสื้อคลุมของนางเปียกชุ่ม แต่ที่น่าเวทนาที่สุดก็คือข้อมือและข้อเท้าของนางถูกใส่ตรวนซึ่งเต็มไปด้วยหนามแหลมคม นี่เป็นอุปกรณ์ที่มีไว้สำหรับลงโทษคนบาปผู้กระทำความผิดอย่างรุนแรงเท่านั้น
“สมน้ำหน้านางเฒ่าผู้นี้ นางถูกลงโทษให้ทำความสะอาดห้องน้ำและขนถ่ายอุจจาระเน่าเหม็นในทุกๆ วัน”
“โชคดีที่เมื่อก่อนนางเป็นถึงนักพรตใหญ่ ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนั้น อายุอานามขนาดนี้คงได้เหนื่อยตายไปนานแล้ว”
เหล่าผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเหลียวมองหญิงชราและบริภาคอย่างสนุกปาก
มีชาวเมืองจำนวนไม่น้อยจดจำได้ว่าหญิงชรานางนี้ ก็คือท่านนักพรตใหญ่หลงเยว่ในอดีตนั่นเอง
แต่นั่นคืออดีต
ปัจจุบันนางคือคนบาปประจำวิหาร
คนบาปที่ถูกลงโทษโดยเทพีกระบี่
ใบหน้าของหญิงชรายังคงเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ไม่มีริ้วรอยของความโกรธแค้นหรือความอับอายแม้แต่น้อย
แววตาของนางที่เหมือนจะมองทุกอย่างด้วยความขุ่นมัว ทว่าในความเป็นจริง หญิงชรามีแววตาที่สดใสกระจ่างแจ้ง
นางมองกลุ่มคนที่กำลังก่นด่านาง รวมถึงกลุ่มคนที่กำลังทำสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ ด้วยแววตาแห่งความเวทนาเหมือนกำลังมองลูกแกะหลงทางฝูงหนึ่ง
วิหารประจำเมืองเจาฮุยก็เป็นเช่นนี้มาตลอด
คนบาปที่ถูกลงโทษจะต้องถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ
จนกว่าจะได้รับการให้อภัยจากผู้เป็นสาวกของเทพีกระบี่เท่านั้น
มีเพียงวิธีนี้วิธีเดียวที่จะทำให้การลงโทษหญิงชราจบลง
หญิงชรานั่งพักเล็กหน่อย ก่อนลุกขึ้นเตรียมตัวหาบถังน้ำทั้งสองใบลงบันไดไปอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง…
“หาอยู่ตั้งนานว่าเจ้าหายหัวไปที่ใด ที่แท้ก็มานั่งขี้เกียจอยู่ตรงนี้เอง”
เสียงตวาดพลันดังขึ้น
คนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินลงมาจากขั้นบันไดหินด้านบนอย่างแช่มช้า
ผู้ที่เดินนำมาหน้าสุดเป็นนักบวชสาวสวมใส่เสื้อคลุมสีทอง ใบหน้าของนางสวยหวาน ผิวพรรณขาวเนียนผุดผ่อง บริเวณมุมปากด้านขวาประดับด้วยไฝหนึ่งเม็ด เช่นเดียวกับขี้แมลงวันที่อยู่เหนือกลางหว่างคิ้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความมีสง่าราศีของนางลดลงเลย โดยเฉพาะเมื่อสวมใส่เสื้อคลุมสีทองเช่นนี้ นักบวชสาวยิ่งดูสูงส่งมากกว่าเดิมหลายเท่า
ด้านหลังของนางติดตามมาด้วยกลุ่มชายหนุ่มในชุดเสื้อผ้าหรูหราอีกหกคน
เพียงมองดูก็รู้ว่าเป็นกลุ่มคุณชายตระกูลใหญ่
หัวหน้ากลุ่มคุณชายเป็นบุรุษหนุ่มอายุราว 25 – 26 ปี แต่งกายชุดขาว ร่างผอมสูงคาดเข็มขัดหยก คิ้วเข้ม จมูกงอดั่งตะขอ ดวงตายาวรี เวลาจ้องมองผู้ใดจะให้ความรู้สึกขนลุก คล้ายกับงูพิษที่กำลังจ้องมองเหยื่อ
เมื่อเห็นนักบวชสาวและกลุ่มคุณชายเหล่านี้ ประกายสดใสในดวงตาของนักพรตใหญ่หลงเยว่ก็สลายหายไปทันที
นางขมวดคิ้ว ไม่พูดคำใด กำลังจะหาบถังอุจจาระเดินหนีไป
“ช้าก่อน”
บนใบหน้าของนักบวชสาวปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยาม ก่อนที่นางจะยกมือขึ้นดีดนิ้วเสียงดังป๊อก
พลังศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งออกมา
ครืด!
แล้วตรวนคนบาปที่รัดพันอยู่รอบข้อมือและข้อเท้าของนักพรตใหญ่หลงเยว่ก็สั่นสะเทือน ทำให้หนามแหลมคมของพวกมันทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อหนังของหญิงชรา
โลหิตสีแดงไหลทะลักออกมาจากบาดแผล
ในดวงตาของนักพรตใหญ่หลงเยว่ปรากฏแววแห่งความเจ็บปวดขณะที่ตัวคนซวนเซ
นางจำเป็นต้องวางไม้หาบถังอุจจาระทั้งสองใบลงด้วยใบหน้าเปียกชุ่มเม็ดเหงื่อ
นักบวชสาวยิ้มเย็นชาและถามว่า “รสชาติของตรวนคนบาปเป็นอย่างไร?”
นักพรตใหญ่หลงเยว่ไม่ตอบรับคำใด
นักบวชสาวจึงพูดออกมาอีกครั้ง “ข้าได้รับหน้าที่จากท่านนักพรตสูงสุดให้มาลงโทษคนบาปประจำวิหารของเรา หลงเยว่ เจ้าขี้เกียจและทำงานเชื่องช้าเกินไป หรือว่าเจ้ากำลังคิดโกรธเคืองเทพีกระบี่?”
“หามิได้”
นักพรตใหญ่หลงเยว่ตอบรับกลับไปในที่สุด “ข้าเพียงเสียดายที่วันนั้นใจอ่อนเกินไป ไม่กำจัดเหล่ามารผู้เป็นศัตรูของเทพีกระบี่ให้เด็ดขาดมากกว่านี้ โดยเฉพาะเจ้า ฮัวห่วย”
สีหน้าของนักบวชสาวผู้ถูกเรียกว่าฮัวห่วยเปลี่ยนแปลงไปทันที แต่แล้ว นางก็แค่นหัวเราะออกมาอีกครั้ง “จริงหรือ? แต่น่าเสียดายที่เจ้าคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว ในวิหารแห่งนี้ เจ้าไม่หลงเหลืออำนาจอยู่อีกต่อไป… เหอเหอเหอ ดูสิ คุณชายเฉิน ไม่ทราบว่าท่านพอจะสั่งสอนหญิงชราจอมอวดดีผู้นี้ให้ข้าได้อย่างไรบ้าง?”
ชายหนุ่มที่มีจมูกงองุ้มราวตะขอฉีกยิ้มอย่างชอบใจ ก่อนยื่นมือออกมาข้างหน้าบีบก้นนักบวชฮัวอย่างแรง และมองหน้านักพรตใหญ่หลงเยว่ด้วยความท้าทาย
“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเจ้าเองนะ นางเฒ่า ก็ใครใช้ให้เจ้าขัดขวางความรักระหว่างข้ากับฮัวห่วยเล่า เจ้าทำให้ข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสาวกเทพีกระบี่ เจ้าทำให้ข้าถูกไล่ออกจากตระกูลและถูกขับออกจากสำนักกระบี่ แล้วดูสิว่าตอนนี้ชีวิตของเจ้าเป็นอย่างไร ฮ่าฮ่าฮ่า อาจารย์ต้องมาขอร้องให้ข้ากลับเข้าสำนักอีกครั้ง และบรรดาท่านผู้อาวุโสก็ขอร้องให้ข้ากลับคืนสู่ตระกูลเฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ข้าใช้วิชากระบี่ทะลวงเมฆาสังหารทุกคนตายหมดสิ้น โดยเฉพาะอาจารย์ของข้าและบรรดาผู้อาวุโสนั้น ข้าถึงกับตัดลิ้น ตัดแขน ตัดขา ตัดใบหูของพวกมันให้ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น… นางเฒ่า เจ้าว่าเรื่องราวเช่นนั้นสามารถเกิดขึ้นกับเจ้าเองได้หรือไม่?”
นักพรตใหญ่หลงเยว่ถอนหายใจออกมา
“เวรกรรม เวรกรรม” ในแววตาของหญิงชราปรากฏความเวทนาขึ้นมาชัดเจน “ข้าไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ข้าทำคือความผิด เพราะฉะนั้น ไม่มีอะไรที่ข้าจะต้องเสียใจ และข้าไม่มีทางถูกลงโทษอย่างที่เจ้าพูดเด็ดขาด”
“เฮอะ เวรกรรมอย่างนั้นหรือ? ไม่ได้ทำความผิดอย่างนั้นหรือ? ไม่เคยเสียใจอย่างนั้นหรือ? งั้นข้าจะทำให้เจ้าได้ชดใช้ก่อนสักเล็กน้อย”
บุรุษหนุ่มหัวเราะในลำคอ และยกแส้ในมือขึ้นมา
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
โบกสะบัดแส้สามครั้ง
หยดเลือดสาดกระจายเต็มใบหน้าหญิงชรา
บุรุษหนุ่มจมูกงอพูดเย้ยหยันว่า “เมื่อสวมตรวนคนบาป เจ้าก็ไม่สามารถใช้พลังของตัวเองได้อีก อิอิ หากข้าบอกว่าต่อให้วันนี้เจ้าตายอยู่ข้างถนน ก็คงไม่มีผู้ใดเหลียวแลแม้แต่น้อย เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”
นักพรตใหญ่หลงเยว่ส่ายหน้าและพูดหนักแน่น “ธรรมะย่อมชนะอธรรมได้เสมอ”
“ไม่จริง”
นักบวชสาวฮัวห่วยสั่นศีรษะด้วยความเหยียดหยาม “ธรรมะย่อมชนะอธรรม ความดีย่อมเอาชนะความชั่ว ประโยคเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เหลวไหล”
ทันใดนั้น ดูเหมือนนางจะคิดอะไรได้บางอย่าง รอยยิ้มร้ายกาจจึงปรากฏขึ้นบนริมฝีปากอีกครั้ง
“ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่วก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกแล้ว แต่ข้ารู้ดีว่าเจ้าหวังให้คนอื่นมาแก้แค้นแทนตนเองเสียมากกว่า ฮ่าฮ่าฮ่า จงรู้ไว้เถิดว่านักพรตชินลูกศิษย์สุดที่รักของเจ้า ก็กลายเป็นคนบาปประจำวิหารไปแล้วเช่นกัน บัดนี้นางถูกไล่ล่าไม่กล้าแสดงตัว ในส่วนของเยว่เว่ยหยางนั้น อย่าว่าแต่นางจะสามารถมาขึ้นรับการไต่สวนได้หรือไม่ ต่อให้รอดพ้นการไต่สวนไปได้ นางก็คงไม่มีชีวิตรอดอีกแล้ว… หลงเยว่ รากฐานอำนาจของเจ้ากำลังจะถูกถอนรากถอนโคนในอีกไม่ช้า เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าจะต้องตกนรกทั้งเป็นมากกว่านี้แน่นอน”
พูดจบ นักบวชฮัวห่วยก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ