เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 659 สั่งสอนคนโฉด
ตอนที่ 659 สั่งสอนคนโฉด
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองหน้าหวังจง
ตาแก่นี่พามาผิดทางหรือเปล่า?
เขามาตามหานักพรตใหญ่หลงเยว่นะ
ไม่ได้มาเป็นสักขีพยานคนรับประทานอุจจาระสักหน่อย
ทำไมเขาถึงต้องมาได้ยินถ้อยคำที่น่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้ด้วย
“พวกเจ้าหยุดยืนอยู่ตรงนั้น”
ฉับพลัน ชายฉกรรจ์สี่คนได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน พวกเขาสวมใส่เสื้อคลุมเหมือนเครื่องแบบนักบวช แต่สำหรับในสายตาของหลินเป่ยเฉิน เหล่าชายฉกรรจ์ที่ออกมาขวางทางนี้ก็เป็นได้เพียง ‘ตัวประกอบ 1’ ‘ตัวประกอบ 2’ ‘ตัวประกอบ 3’ และ ‘ตัวประกอบ 4’ เท่านั้นเอง
หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “คุณชายเฉินกับหัวหน้านักบวชฮัวกำลังลงโทษคนบาปประจำวิหาร ผู้คนภายนอกไม่สามารถรับชมได้ กรุณาถอยกลับไป”
น้ำเสียงที่พูดมาค่อนข้างสุภาพทีเดียว
หลินเป่ยเฉินมองหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์และถามว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงใส่เครื่องแบบนักบวชในวิหารเล่า?”
ชายฉกรรจ์คนที่ส่งเสียงออกมาเป็นคนแรกชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนตอบว่า “พวกเราทั้งสี่เป็นคนของวิหารประจำเมืองเจาฮุย ย่อมต้องสวมใส่ชุดเครื่องแบบของที่นี่เป็นธรรมดา”
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นใบหน้าก็กระตุกด้วยความขุ่นเคืองใจ
“ไม่ได้”
เขาคำรามออกมาเสียงดัง “วิหารเทพีกระบี่สมควรมีแต่นักบวชหญิงหน้าตาดีเท่านั้น ไม่ทราบว่าที่นี่ต้อนรับบุรุษเหม็นคาวอย่างพวกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หลินเป่ยเฉินเคยติดต่อสื่อสารกับบรรดาเทพเจ้าตัวจริงมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
ดังนั้น เขาจึงสามารถมั่นใจได้ 100% ว่าในวิหารประจำเมืองเจาฮุย ไม่สมควรมีนักบวชชายอยู่แน่นอน
ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เด็กหนุ่มคงไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้หรอก
แต่ปัญหาก็คือหลินเป่ยเฉินคิดว่าตนเองเป็นบุคคลที่ได้รับการยกเว้นเป็นพิเศษเสมอ เขาสมควรเป็นหมาป่าหนุ่มหนึ่งเดียวในฝูงหมาป่าสาว และเด็กหนุ่มก็ภูมิใจในเรื่องนี้มาตลอด
เขาจะไม่ยอมให้มีบุรุษหนุ่มคนอื่นๆ มาวุ่นวายอยู่ในวิหารเทพีกระบี่แน่นอน
เพราะนี่คือความภาคภูมิใจของเขา
แล้วชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนนี้เอาอะไรมาพูดว่าตนเองสมควรสวมใส่ชุดเครื่องแบบนักบวชเช่นกัน?
ไม่ได้เด็ดขาด!
ชายฉกรรจ์ผู้พยายามขับไล่หลินเป่ยเฉินมีดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความเดือดดาล แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของคุณชายเฉิน เขาก็ต้องระงับสติอารมณ์และอธิบายด้วยความไม่เต็มใจว่า “หัวหน้านักบวชประจำวิหารท่านใหม่กำลังพยายามขับไล่เหล่ามารร้ายที่แฝงตัวอยู่ที่นี่ออกไปให้หมด ดังนั้น พวกเราเหล่าบุรุษจึงได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการกำจัดในฐานะนักบวชชั่วคราว เพราะฉะนั้นแล้ว…”
“เลิกพูดจาเหลวไหลสักที”
หลินเป่ยเฉินพูดเสียงแข็งกร้าวด้วยความไม่ชอบใจ “ใครขอให้เจ้าอธิบาย? คิดว่าข้าอยากรู้หรือไง?”
ชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนได้แต่หันมองหน้ากันแล้ว
ให้ตายสิ
เด็กหนุ่มคนนี้สมองคงไม่ปกติแน่ๆ
ชายฉกรรจ์คนแรกไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว ใบหน้าของเขากลับมาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นอีกครั้ง เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป ต้องเปิดปากสบถออกมาหลายคำ
หลินเป่ยเฉินในขณะนี้มีความหงุดหงิดและเดือดดาลใจมากยิ่งกว่าฝ่ายตรงข้ามหลายเท่า เขาจึงเอื้อมมือไปจับไหล่ชายฉกรรจ์เขย่าอย่างแรง “รีบสารภาพมาเดี๋ยวนี้ว่าพวกเจ้าเป็นแค่ผู้แอบอ้างเท่านั้น”
เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด
กร๊อบ!
ได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก
ใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้นของชายฉกรรจ์พลันกลับกลายเป็นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
กระดูกหัวไหล่ของเขาหักเป็นหลายท่อนด้วยการบีบมือของเด็กหนุ่มหน้าขาวผู้นี้
“อุ๊ย… ขอโทษที ข้าใจร้อนเกินไปหน่อย”
หลินเป่ยเฉินรีบปล่อยมือของตัวเองออกมาโดยเร็ว
“ผายลม… มารดา… เจ้า…”
สีหน้าที่ตื่นตระหนกของชายฉกรรจ์ค่อยๆ แข็งคาง แล้วโลหิตก็ไหลทะลักออกมาจากปากของเขา ก่อนที่ตัวคนจะล้มโครมลงไปบนพื้นหิน
ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มไม่อยากเชื่อเลยว่าตนเองจะต้องจบชีวิตลงด้วยความน่าอนาถเช่นนี้
เมื่อผู้เป็นบริวารทั้งสามเห็นหัวหน้าของตนเองล้มลงเสียชีวิตอย่างไร้ทางสู้ พวกเขาก็รีบชักกระบี่ออกมาโจมตีหลินเป่ยเฉินด้วยความรวดเร็วทันที
หลินเป่ยเฉินยังไม่ทันได้กระโดดหลบด้วยซ้ำ…
“นายท่านระวัง”
ดวงตาของเฉียนเหมยเป็นประกายวูบวาบด้วยความตื่นเต้น เด็กสาวถลันกายมายืนอยู่ข้างหลินเป่ยเฉิน สีหน้าของนางแสดงความดีใจสุดขีดเหมือนเด็กน้อยติดอินเทอร์เน็ตที่ได้เล่นคอมพิวเตอร์
ผลั่ก!
กำปั้นของเฉียนเหมยกระแทกเข้าไปที่จมูกของชายฉกรรจ์คนหนึ่ง
“โอ๊ย…”
ชายฉกรรจ์ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด จมูกหัก ตัวคนลอยกระเด็นไปกระแทกกับก้อนหินที่อยู่ข้างทาง
ผลั่ก!
เฉียนเหมยยังคงตามติดเข้าไปโจมตีใส่ชายฉกรรจ์อีกสองคนที่เหลืออยู่ด้วยความบ้าคลั่ง
แล้วชายฉกรรจ์ทั้งสองคนนั้นก็ลอยกระเด็นออกไป
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
นับเป็นการลงมือที่รุนแรงเหลือเกิน
“เฉียนเหมย ใจเย็นก่อนสิ…”
ครั้งนี้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
ถึงมันจะน่าตื่นเต้นที่หญิงรับใช้ประจำตัวของเขามีฝีมือแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม นางยังเป็นเพียงหญิงรับใช้ ไม่สมควรลงมือด้วยความโหดร้ายอำมหิตเกินหน้าเกินตาผู้เป็นเจ้านายถึงขั้นนี้
สิ่งที่เฉียนเหมยทำ ถือว่ารุนแรงมากเกินไป
ต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว
“นายท่าน…”
เฉียนเหมยหันกลับมามองหน้าเด็กหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ
ใบหน้าที่มีรอยยิ้มตื่นเต้นของนางสลายหายไป เด็กสาวเป็นเสมือนแมวน้อยที่ถูกจับได้ว่ากระทำความผิด เฉียนเหมยทำปากยื่น และใช้สายตาหวานเยิ้มมองมาที่หลินเป่ยเฉินด้วยความออดอ้อน พยายามทำให้ตนเองดูน่ารักน่าชังมากที่สุด…
หลินเป่ยเฉินกำลังจะสั่งสอนบทเรียนให้นางได้หลาบจำ
แต่ในทันใดนั้นเอง
“เหอเหอเหอ นางเฒ่าหลงเยว่ ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับประทานอุจจาระทั้งสองถังนี้ ข้าก็จะเป็นคนป้อนมันให้แก่เจ้าเอง”
เสียงที่เย็นชานั้นลอยมาตามสายลมอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินถึงกับตะลึงลานวูบ
เขาหันกลับมามองหน้าหวังจง
พ่อบ้านหวังพยักหน้าเร่งร้อนเป็นการยืนยันความคิดของเด็กหนุ่ม
แย่แล้ว!
ท่านนักพรตใหญ่หลงเยว่กำลังถูกรังแก!
หลินเป่ยเฉินพุ่งปราดออกไปข้างหน้าเหมือนกระต่ายถูกเหยียบหาง
“เฉียนเหมย เจ้าทำได้ดีแล้ว เอาให้พวกมันตายไปเลย”
เสียงของหลินเป่ยเฉินลอยมาตามสายลม
เฉียนเหมยเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ
“รับทราบแล้วเจ้าค่ะ”
นางพูด ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
หลังจากนั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงคำรามของหลินเป่ยเฉินดังขึ้นมาจากขั้นบันไดด้านล่าง
“เจ้าอยากตายใช่ไหม เจ้าตัวบัดซบ?”
พวกของหวังจงสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
ก่อนที่พวกเขาจะติดตามลงไปด้วยความเร็วไว
…
นักพรตใหญ่หลงเยว่ยืนอยู่บนขั้นบันไดหิน
ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากการถูกเฆี่ยนตี
แส้ที่ฟาดลงมามีหนามแหลมเจาะทะลุผิวหนัง ทุกครั้งที่สายแส้สะบัดกลับออกไปก็จะทำให้เลือดสาดกระจาย เสื้อคลุมสีดำของหญิงชราขาดวิ่น บาดแผลเหวอะหวะ ผิวหนังเปิดออก ทำให้มองเห็นเนื้อและกระดูกที่อยู่ด้านใน…
โลหิตสีแดงสดไหลเนืองนองกองอยู่เต็มเท้าของนาง
หลินเป่ยเฉินไม่เข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดหญิงชราถึงไม่ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เยียวยาบาดแผลของตนเอง ทั้งๆ ที่ก็ได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขนาดนี้แล้ว
และเขาก็ไม่เข้าใจอีกเช่นกันว่าต้องเป็นคนชั่วช้าสักแค่ไหน ถึงสามารถทรมานหญิงชราได้หนักหน่วงถึงขนาดนี้
“ท่านป้าขอรับ”
หลินเป่ยเฉินกระโดดเข้าไปประคองร่างนักพรตใหญ่หลงเยว่ก่อนจะช่วยถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปสู่ร่างกายของนาง และพูดว่า “ข้าน้อยขอโทษที่มาช้าเกินไป”
นักพรตใหญ่หลงเยว่มองหน้าเด็กหนุ่มด้วยแววตาเอ็นดู จากนั้นรอยยิ้มอบอุ่นที่เขาคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า นางพูดว่า “หนุ่มน้อย เจ้าไม่ควรมาที่นี่เลย”
หลินเป่ยเฉินหยิบยาลูกกลอนโอสถหกสวรรค์ออกมาและประคองหญิงชราให้นั่งลง พร้อมกับกล่าว “ท่านป้าได้โปรดวางใจ เรื่องราวหลังจากนี้ เดี๋ยวข้าน้อยจัดการเอง”
นักพรตใหญ่หลงเยว่ไม่ได้พูดอะไรอีกแล้ว นางไม่ได้ออกปากห้ามหลินเป่ยเฉิน
ในเมื่อเด็กหนุ่มมาถึงที่นี่แล้ว มันก็สายเกินไปที่จะขับไล่เขาไปไหนอีก
นางมีแต่ต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตาที่สวรรค์กำหนด
“น้องชาย เจ้าเป็นใคร?”
เฉินจินขมวดคิ้วใบหน้าบึ้งตึง จ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความพิศวง “กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางการลงโทษคนบาปของวิหาร…”
การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของหลินเป่ยเฉินทำให้เฉินจินเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย
แต่เสียงพูดของชายหนุ่มยังไม่ทันขาดหายลง
“ข้าคือพ่อเจ้า”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยจิตสังหาร เมื่อเขาขยับตัวอีกครั้ง เด็กหนุ่มก็เข้าประชิดกายเฉินจินได้เรียบร้อยแล้ว
คุณชายเฉินรู้สึกว่าข้อมือของตนเองถูกกระตุกวูบ
แล้วแส้หนามก็ตกไปอยู่ในมือของหลินเป่ยเฉินอย่างง่ายดาย
เพี๊ยะ!
เสียงสะบัดสายแส้ดังขึ้นในอากาศ
เฉินจินรู้สึกเหมือนมีอะไรมากระทบร่างกาย
ก่อนที่ความเจ็บปวดจะพุ่งขึ้นมาจากขาซ้าย
เขาก้มหน้ามองขาของตัวเองด้วยสีหน้าหวาดวิตก
“อ๊าก ข้า…โอ๊ย…”
ปรากฏว่าขาซ้ายตั้งแต่หัวเข่าลงไปถูกตัดขาดไปแล้วด้วยแส้หนามของเขาเอง
บาดแผลที่เกิดขึ้น ไม่ต่างจากขาของคุณชายเฉินจินถูกตัดด้วยมีดหั่นเนื้อคมกริบ กระดูกถูกตัดเสมอข้อ เห็นเส้นเอ็นสีขาวห้อยระโยงระยางออกมาจากปากแผลเล็กน้อย
“อ๊ากกก…”
เฉินจินร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดในขณะที่ตัวคนล้มลงไป
นักบวชสาวฮัวห่วยเบิกตาโตด้วยความตกตะลึงยิ่งกว่าเห็นผีกลางวันแสกๆ นางจ้องมองเด็กหนุ่มพร้อมกับกรีดร้องออกมา “เจ้า… เจ้าคือหลินเป่ยเฉิน… เด็กหนุ่มที่อยู่ในคำทำนาย…”
ในฐานะที่เป็นนักบวชของวิหารเทพีกระบี่ นางย่อมรู้ว่าหลินเป่ยเฉินเป็นผู้ใด
ความหวาดกลัวจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่สวยงามนั้น
“เจ้ากล้ารังแกท่านป้าของข้า ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินมีความร้อนแรงยิ่งกว่าเปลวไฟนรก เขาสะบัดมือของตนเองอีกครั้ง
นักบวชสาวฮัวห่วยเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความหวาดผวา นางหันหลังกลับพยายามหลบหนี แต่ก็ถูกสายแส้รัดพันเอาไว้ได้ทันเวลา ร่างอรชรของนักบวชสาวหมุนวน 360 องศากลางอากาศ ก่อนที่นางจะตกลงไปในถังอุจจาระซึ่งเปิดฝาตั้งอยู่ข้างทางเดิน
ของเหลวที่อยู่ในถังสาดกระเซ็นออกมาเพียงเล็กน้อย แม้นักบวชสาวจะตกลงไปในถังไม้อย่างแรงก็ตาม
หากนี่เป็นการแข่งขันกระโดดน้ำโอลิมปิก
นักบวชสาวฮัวห่วยก็จะต้องเป็นผู้ชนะได้รับเหรียญทองอย่างแน่นอน!