เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 696 ดินวิเศษ
ตอนที่ 696 ดินวิเศษ
โดยรวมก็คือ เหตุการณ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าน้ำพุในขวดเหล็ก เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์คุณภาพสูงของจริง
นับว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นามทำตามคำสัญญาที่รับปากเอาไว้เป็นอย่างดี
ขวดเหล็กสีฟ้าขนาดเล็กๆ กลับมีพื้นที่ด้านในสามารถบรรจุน้ำได้มากถึง 100 คิวบิกเมตร
คำนวณจากอัตราการเจริญเติบโตของต้นสนเมื่อคืนนี้ ถ้าหลินเป่ยเฉินนำน้ำในขวดมาผสมกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 100 ต่อ 1…
เขาก็จะมีน้ำวิเศษใช้ไปอีกหนึ่งปีเป็นอย่างต่ำ
ด้วยผลของการทดลองที่ไม่คาดคิดเมื่อคืนนี้ แน่นอนว่าหลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องโกหกเพื่อหาคำอธิบายต่อปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น และเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะอาศัยความศรัทธาของชาวเมืองมาเป็นเครื่องมือ คำว่า ‘ศักดิ์สิทธิ์’ ไม่ว่าต่อท้ายกับอะไรก็ตาม มันก็จะทำให้ของสิ่งนั้นหมดสิ้นความน่าสงสัยทันทีในสายตาของผู้ศรัทธา
และผลลัพธ์ของคำโกหกก็เป็นไปอย่างราบรื่น
โดยเฉพาะจากการกระจายข่าวของเถียนเถียนซึ่งวันๆ ไม่ค่อยทำอะไรนอกจากคอยจดคำพูดของหลินเป่ยเฉิน ดังนั้น ทุกคนจึงยอมรับเหตุผลของเด็กหนุ่มโดยไม่ติดใจสงสัยแม้แต่น้อย
เขาเพิ่งเห็นประโยชน์ของเถียนเถียนก็ในวันนี้เอง
หลินเป่ยเฉินรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ขณะนี้ เขากำลังยืนอยู่ใจกลางพื้นที่ก่อสร้างชั่วคราว เตรียมตัวให้คำแนะนำในการก่อสร้างอาคารด้วยปูนซีเมนต์กับบรรดานายช่างและหัวหน้าคนงาน
ในจำนวนคนงานนั้นมีหยางต้าซานรวมอยู่ด้วย
บัดนี้ แววตาของเหล่าผู้อพยพจากเมืองหยินเหยียนที่จ้องมองหลินเป่ยเฉินได้เปลี่ยนแปลงไป จากสายตาที่ใช้จ้องมองคุณชายผู้สูงส่งคนหนึ่ง มันได้กลายเป็นสายตาที่ใช้จ้องมองเทพผู้พิทักษ์เรียบร้อยแล้ว
“ทุกคนฟังให้ดี อะแฮ่ม อะแฮ่ม ข้ากำลังจะให้พวกเจ้าได้เห็นดินวิเศษที่ข้าสร้างขึ้นมาโดยบังเอิญ วิธีการใช้งานไม่ซับซ้อน ถ้านำไปกวนเข้ากับน้ำ มันก็จะกลายเป็นดินเหลวชั่วครู่หนึ่ง หลังจากนั้น ดินวิเศษเหล่านี้ก็จะแข็งตัวกลายเป็นรูปทรงต่างๆ ตามที่เราต้องการ เมื่อมันแห้งและแข็งตัวแล้ว ก็จะมีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากเหล็กกล้า…”
หลินเป่ยเฉินนำปูนซีเมนต์ออกมาถังหนึ่งและสาธิตวิธีการใช้งานด้วยตนเอง
หลังจากนั้นไม่นาน
คณะนายช่างและคนงานที่ยืนดูการสาธิตก็ต้องปากอ้าตาค้างด้วยความตกตะลึง
หยางต้าซานเกือบเผลอทำค้อนเหล็กหลุดมือทับเท้าตัวเองแล้วด้วยซ้ำ
ในโลกนี้มีดินวิเศษอย่างนี้ด้วยหรือ?
ขอแค่เป็นนายช่าง ‘มืออาชีพ’ ทุกคนก็จะดูออกอย่างง่ายดาย ว่าดินวิเศษชนิดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าการก่อสร้างได้ใหญ่หลวงขนาดไหน นอกจากการก่อสร้างจะดำเนินไปได้รวดเร็วมากขึ้นแล้ว วิธีการก่อสร้างอาคารก็จะต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน
หยางต้าซานหัวใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น
ทันใดนั้น เขาพลันเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดหลินเป่ยเฉินถึงออกแบบโครงสร้างอาคารบ้านเรือนด้วยรูปทรงที่แปลกประหลาดพิสดาร
เพราะมันเป็นการออกแบบที่มีขึ้น… เพื่อรองรับการใช้งานดินวิเศษนี่เอง!
คำถามทุกอย่างได้รับคำตอบแล้ว
“พวกเจ้าคงเข้าใจแล้วสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า นี่แหละคือประสิทธิภาพของดินวิเศษ ไม่ต้องมองข้าด้วยความตกตะลึงขนาดนั้นก็ได้ ข้ารู้ว่าข้ามันเป็นอัจฉริยะ หุหุ แต่อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะ ข้าไม่อยากโด่งดังมากไปกว่านี้อีกแล้ว…”
“นายช่างเหลียว ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างการออกแบบ หรือวัสดุที่ต้องใช้ในการก่อสร้าง ทั้งก้อนหิน ก้อนอิฐ หรือแผ่นไม้ ทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว…”
“นับจากนี้ไป คงเป็นช่วงเวลาแห่งการทำงานหนักของทุกคน พวกเราต้องเร่งสร้างอาคารเหล่านี้ให้เสร็จก่อนฤดูหนาวจะมาถึงอย่างเป็นทางการ”
“ข้าได้สั่งให้กลุ่มนายทหารคนงานขุดเหมืองมาเป็นคนงานช่วยเหลือพวกเจ้าอีกแรงแล้ว”
“กำหนดการก่อสร้างจะต้องเสร็จสิ้นภายใน 10 วันข้างหน้า มิฉะนั้น ทุกคนคงจะต้องหนาวตายเป็นแน่แท้”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ในฐานะผู้เป็นหัวหน้านายช่างควบคุมงานก่อสร้างทั้งหมด เหลียวหยงจงจึงรีบรับคำด้วยความตื่นเต้นและกระตือรือร้นว่า “คุณชายหลินไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ต่อให้พวกเราจะไม่ได้กิน ไม่ได้นอน แต่ทุกคนจะต้องสร้างอาคารเหล่านี้ให้เสร็จภายในสิบวันให้จงได้”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าด้วยความพอใจ “ข้าเชื่อในตัวท่านนะ”
ระหว่างที่พูด เขาก็ตบไหล่นายช่างเหลียว “อย่าหักโหมมากเกินไปก็แล้วกัน ดูแลตัวท่านเองด้วย”
จากนั้น เด็กหนุ่มหันมายิ้มให้กับพวกของหยางต้าซาน “ส่วนพวกเจ้าทั้งแปดนับเป็นคนดี บัดนี้มีสถานะไม่ต่างไปจากผู้คนในค่ายที่พักแห่งนี้แล้ว หากในอนาคตข้างหน้า พวกเจ้ามีปัญหาอันใด ให้มาบอกข้าได้ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณคุณชายมากขอรับ ขอบคุณคุณชาย…”
หยางต้าซานประสานมือคำนับด้วยความเคารพ
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าบุคคลที่สูงส่งอย่างคุณชายหลินจะจดจำผู้อพยพอย่างพวกเขาทั้งแปดคนได้ด้วย
เมื่อหลินเป่ยเฉินเดินกลับไปแล้ว กลุ่มของนายช่างเหลียวและพวกของหยางต้าซานก็ต้องหันหน้ากลับมามองหน้ากันด้วยความดีใจสุดขีด
สำหรับพวกเขา การมีดินวิเศษเหล่านี้ให้ใช้งานสำหรับการก่อสร้าง นับเป็นความเมตตาจากสวรรค์อย่างแท้จริง มันช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ไม่แน่ว่าในอนาคตหลังจากนี้ ชื่อเสียงของพวกเขาอาจจะโด่งดังระบือไกลไปทั่วจักรวรรดิก็เป็นได้
“สวรรค์เมตตาพวกเราแล้ว”
“ประเสริฐยิ่งนัก ดินวิเศษนี้มีความร่วนซุยไม่ต่างจากดินเหลว แต่เมื่อมันแข็งตัวแล้ว กลับมีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากก้อนหินผสมเหล็กกล้า”
“บ้านที่สร้างด้วยดินชนิดนี้จะต้องแข็งแรงมากแน่นอน”
“ว่าแต่เราจะเรียกมันว่าดินวิเศษอย่างนี้ไปตลอดเลยหรือ? ข้าว่าเรามาตั้งชื่อใหม่ให้กับมันดีกว่าไหม”
“จริงด้วยสินะ ในเมื่อคุณชายหลินเป็นคนคิดค้นมันขึ้นมา เราก็เอาชื่อเขามาตั้งเป็นชื่อดินกันเถอะ”
“ว่าแต่คุณชายหลินตั้งชื่อมันว่าดินวิเศษไม่ใช่หรือ? หากพวกเรามาเปลี่ยนชื่อเอาเองตามใจชอบ ข้าว่าคงไม่ดีแน่… เกิดคุณชายไม่พอใจขึ้นมา พวกเราจะทำอย่างไร?”
“เรื่องนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร? คุณชายของพวกเราเป็นคนดีถึงขนาดนี้… อีกอย่าง นี่ก็เป็นการตั้งชื่อด้วยความเคารพและสำนึกในบุญคุณของคุณชายหลิน มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเราเห็นคุณค่าดินวิเศษที่คุณชายหลินสร้างขึ้นมาขนาดไหน อีกทั้งมันยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนงานเหนื่อยน้อยลงด้วย เอาเป็นว่าถ้ามีปัญหาหลังจากนี้ เดี๋ยวข้าจะเป็นคนคุยกับคุณชายเขาเอง”
เหลียวหยงจงพูดเสียงดัง
ทุกคนให้ความเคารพต่อนายช่างเหลียว เฉกเช่นคนงานที่ให้ความเคารพต่อหัวหน้าของตนเอง
แม้แต่หยางต้าซานก็ไม่กล้าโต้แย้งอีก “สมแล้วที่นายช่างเหลียวเป็นหนึ่งในบุคคลที่คุณชายหลินเชื่อใจมากที่สุด”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าก็ว่าไป”
เหลียวหยงจงยิ้มกว้างด้วยความพอใจ ก่อนกล่าวว่า “พูดถึงเรื่องนี้ บุคคลที่คุณชายหลินเชื่อใจมากที่สุดก็คือพ่อบ้านหวังจง พวกเจ้าต้องดูเขาเป็นแบบอย่างเอาไว้ให้ดี ข้าเองก็เรียนรู้ทุกอย่างมาจากพ่อบ้านหวังจงเช่นกัน…”
พูดมาถึงตรงนี้ นายช่างใหญ่ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้า พูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “คำว่าจงในชื่อเหลียวหยงจงของข้านั้น มาจากคำว่าจงรักภักดี เช่นเดียวกับคำว่าเหลียวที่มาจากคำว่าไม่เหลียวมองผู้ใดอีกแล้ว เมื่อนำคำเหล่านี้มารวมกัน ก็จะแปลความหมายได้ว่าเหลียวหยงจง ผู้จงรักภักดีต่อคุณชายหลินในชนิดที่ไม่มีวันเหลียวมองผู้ใดไปจนวันตาย”
เหล่าคนงานยืนนิ่ง
หยางต้าซานยืนกะพริบตาปริบๆ
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่านายช่างเหลียวจะเลียนแบบพ่อบ้านหวังจงได้ดีเยี่ยมถึงเพียงนี้
ในเวลาเดียวกันนั้น ทุกคนล้วนคิดเป็นอย่างเดียวกันว่า… นายช่างใหญ่เก่งกาจเกินไปแล้ว
หลังจากนี้ พวกเขาคงต้องเรียนรู้จากนายช่างเหลียวไม่ใช่น้อย
ไม่ใช่เพียงเรียนรู้วิธีการควบคุมงานก่อสร้างเท่านั้น แต่ยังหมายถึงเรียนรู้วิธีการประจบเอาใจเจ้านายอีกด้วย