เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 775 เสแสร้งแกล้งเข้าใจ
ตอนที่ 775 เสแสร้งแกล้งเข้าใจ
หลินเป่ยเฉินมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ว่ามันเป็นศีรษะของเหลียงหยวนเตา
แต่เป็นศีรษะของเหลียงหยวนเตาในแบบฉบับที่ผอมลงมาเล็กน้อย… ชั้นไขมันบนใบหน้าลดลง ใบหูกางมากขึ้น
“มีร่างใหม่จริงๆ สินะ… แม่งเอ๊ย”
หลินเป่ยเฉินไม่รอให้ชายอ้วนได้รวมร่างใหม่เสร็จสมบูรณ์ เขาก็บินโฉบลงไปใช้กระบี่สายฟ้าตวัดเป็นกระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่งและกระบี่ที่สอง
ควับ! ควับ! ควับ! ควับ!
คมกระบี่สาดประกายใส่ศีรษะของเหลียงหยวนเตา
บาดแผลปรากฏขึ้นบนใบหน้าชายอ้วน
แล้วศีรษะก็แบะแยกออกจากกันเป็นสามเสี่ยง
แต่ในลมหายใจต่อมานั้นเอง เศษเลือดเศษเนื้อที่กองอยู่บนพื้นดินก็รวมตัวเข้ามาโปะช่องว่างของศีรษะ… และกลับกลายเป็นหัวของเหลียงหยวนเตาขึ้นมาอีกครั้ง
มิหนำซ้ำ ยังเป็นศีรษะของเหลียงหยวนเตาที่สามารถส่งยิ้มและขยิบตาให้แก่หลินเป่ยเฉินได้อีกด้วย
“ชักจะมากเกินไปแล้วนะโว้ย!”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำราม
ชายอ้วนสามารถฟื้นตัวได้เร็วมากเกินไป
ระดับพลังคงไม่ได้อยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายอีกแล้วกระมัง?
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ในโลกวรยุทธ์แห่งนี้ คงไม่มีมนุษย์ที่ไหนตายแล้วฟื้นคืนกลับขึ้นมาได้เช่นนี้อีก ทั้งๆ ที่ศพก็ถูกสับละเอียดไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว
“ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าไม่ใช่มนุษย์ แต่เจ้าเป็นพวกปีศาจ…”
หลินเป่ยเฉินตะโกนก้อง
ณ เวลานี้ ร่างกายของเหลียงหยวนเตาลอยขึ้นมาอยู่เหนือแอ่งโลหิต เขามีเลือดสีแดงสดปกคลุมทั่วตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า
เห็นได้ชัดว่าเหลียงหยวนเตาน้ำหนักลดลงไปพอสมควร
ประเมินดูด้วยสายตา ก่อนหน้านี้เหลียงหยวนเตาอาจมีน้ำหนักถึง 800 กิโลกรัม แต่ขณะนี้ ชายอ้วนเหลือน้ำหนักเพียง 300 กิโลกรัมเท่านั้น
ถึงจะมีลักษณะอ้วนพีผิดมนุษย์มนาอยู่ดี แต่รูปร่างของเหลียงหยวนเตาในขณะนี้ก็เพรียวบางมากกว่าเดิมหลายเท่า
“คิดไม่ถึงเหมือนกันแฮะ”
เหลียงหยวนเตาพูดน้ำเสียงราบเรียบ พลางจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉิน “ว่าข้าจะกลับมาได้สำเร็จ”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
กระบี่ในมือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ตายซะเถอะ
เขามีแต่ต้องฆ่าเหลียงหยวนเตาให้สำเร็จเท่านั้น
คมกระบี่สาดประกายวูบวาบ
เงาคนเคลื่อนไหวหลบหลีก
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความเร็วและพละกำลังของชายอ้วนเพิ่มมากกว่าเดิมหลังการฟื้นคืนชีวิต
เหลียงหยวนเตามีความแข็งแกร่งมากขึ้น
แม้พลังเหล่านี้จะไม่ได้ส่งผลต่อทักษะการต่อสู้ของเหลียงหยวนเตา แต่มันก็ทำให้จิตใจของหลินเป่ยเฉินเกิดความหวาดหวั่นไม่มั่นคงขึ้นมาเล็กน้อย
สวบ! สวบ!
ได้ยินเสียงคมกระบี่แทงผ่านเนื้อหนัง
ม่านโลหิตสาดกระจาย
เงาร่างของหลินเป่ยเฉินลอยค้างอยู่กลางอากาศ
กระบี่สายฟ้าในมือของเขาสาดประกายเจิดจ้า โลหิตสีแดงสดพุ่งสาดเป็นเส้นโค้ง ปลายกระบี่ของเขามีเลือดไหลหยดลงมาสู่พื้นดิน เมื่อเลือดเหล่านั้นหลอมรวมกับเศษฝุ่นเศษดินที่อยู่บนพื้น ก็ก่อเกิดเป็นควันสีขาวลอยฟุ้งขึ้นมาสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ห่างออกไปหลายสิบวา บาดแผลจากคมกระบี่ปรากฏขึ้นที่เอวของเหลียงหยวนเตา
ลมหายใจต่อมา ลำตัวของชายอ้วนพลันขาดครึ่งท่อน ร่างกายท่อนบนร่วงหล่นลงกระแทกพื้นดิน หลงเหลือเพียงร่างกายท่อนล่างเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ต่อไปได้อีกครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะล้มลงไปกองอยู่บนพื้นดินข้างๆ กัน
หากนี่เป็นผู้มีพลังขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายคนอื่นๆ โดนกระบี่ฟันขาดครึ่งท่อนเช่นนี้ ก็คงต้องตกตายเป็นแน่แท้
แต่ไม่ใช่สำหรับเหลียงหยวนเตา
ร่างกายท่อนบนของชายอ้วนใช้มือยันพื้นลุกขึ้นมานั่ง ดวงตาแดงก่ำขณะพูดออกมาเสียงแผ่วเบาว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ข้าเข้าใจแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า…”
บัดนี้ ลำตัวท่อนล่างที่ล้มแน่นิ่งอยู่บนพื้นดิน กลับมีเส้นใยกล้ามเนื้องอกออกมาจากช่วงเอวไม่ต่างจากหนวดปลาหมึก เส้นใยกล้ามเนื้อเหล่านั้นคืบคลานเข้ามาหาร่างกายท่อนบนและรากร่างของเหลียงหยวนเตากลับไปต่อติดกันอีกครั้งเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
เพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ร่างกายของชายอ้วนก็กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม
ช่วงเอวไม่มีรอยแผลจากคมกระบี่อีกแล้ว
“ฮ่าฮ่า เอาอีก เอาอีก”
พูดจบ เหลียงหยวนเตาก็โบกสะบัดมือไปทางแอ่งโลหิตบนพื้นดินด้านล่าง
แล้วกระดูกสีขาวชิ้นหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากแอ่งโลหิตเข้าสู่มือของเขากลายเป็นอาวุธใช้แทนกระบี่
วูบ!
เงาร่างคนเคลื่อนไหว
เหลียงหยวนเตาลงมือโจมตีแล้ว
กระบวนท่าที่ชายอ้วนใช้ออกมากับมีความคล้ายคลึงกับกระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่งและกระบวนท่ากระบี่ที่สองของหลินเป่ยเฉินเป็นอย่างยิ่ง
“นี่ไอ้อ้วนมันก๊อปกระบวนท่าของเราไปใช้ต่อหน้าต่อตาเลยเหรอเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินถึงกับชะงักกึก
นี่เรียกว่าการลอกเลียนแบบกันอย่างหน้าด้านๆ
เด็กหนุ่มไม่กล้าเสียเวลาลังเลอีกแล้ว
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินกับเหลียงหยวนเตาก็ต่อสู้กันหลายร้อยกระบวนท่า
หลินเป่ยเฉินค้นพบว่ากระบวนท่าการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขา ไม่สามารถทำอันตรายเหลียงหยวนเตาได้อีกแล้ว
ในทางกลับกัน การโจมตีของเหลียงหยวนเตากลับมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
คลื่นพลังจากร่างกายของพวกเขาแผ่กระจายในอากาศ แสงกระบี่ปรากฏขึ้นและหายวับไป เงาคนปรากฏขึ้นและหายวับไป แทบไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็นการต่อสู้ด้วยตาเปล่าได้อีกแล้ว แม้แต่ยอดฝีมือระดับเจ้าสำนักก็ไม่รู้อีกแล้วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเพียงเบิกตาโต พยายามเฝ้าดูการต่อสู้ด้วยความหมดหวัง…
“อ้า วิเศษ ช่างเป็นกระบวนท่าที่วิเศษนัก”
เจ้าสำนักสุราหมื่นไหเป็นชายหนุ่มวัย 30 ปี ใบหน้าราบเรียบธรรมดา แต่ดวงตากลับทอประกายแปลกประหลาด เขาจ้องมองการต่อสู้พลางส่งเสียงอุทานออกมาเป็นระยะด้วยความประหลาดใจ “คิดไม่ถึงเลยนะว่าหลินเป่ยเฉินจะมีฝีมือกระบี่สูงส่งถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเหลือเกิน… โอ๊ย ยิ่งกระบวนท่าที่เขากำลังแสดงออกมานี้นะ ข้าไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้อีกแล้ว”
กลุ่มผู้คนที่ยืนอยู่รอบกายอดหันไปมองเจ้าสำนักสุราหมื่นไหด้วยความตกตะลึงไม่ได้
ด้วยว่าเจ้าสำนักสุราหมื่นไหมีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับเจ็ดเท่านั้น จัดเป็นมือกระบี่ชั้นกลางค่อนไปทางระดับล่าง และวันนี้เขาไม่ได้รับเทียบเชิญจากท่านเจ้าเมือง แต่กลับพาคนของสำนักตนเองมารับชมการต่อสู้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่เพราะเหตุใดการปะทะฝีมือที่แม้แต่ระดับยอดปรมาจารย์ก็ยังมองไม่เห็น เจ้าสำนักชั้นกลางผู้นี้กลับสามารถมองออกทะลุปรุโปร่ง?
หรือว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาปิดบังฝีมือที่แท้จริงของตนเองเอาไว้?
ดังนั้น ยอดฝีมือจำนวนมากจึงต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเจ้าสำนักสุราหมื่นไหแล้ว
“พี่ใหญ่ ท่านสามารถมองเห็นการต่อสู้ของพวกเขาได้จริงๆ หรือ?”
บรรดาศิษย์น้องของสำนักสุราหมื่นไหไถ่ถามออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพเทิดทูน
บุรุษหนุ่มผู้เป็นเจ้าสำนักปรบมือเสียงดัง ก่อนกระซิบตอบ สีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด “ข้าย่อมมองไม่เห็น”
“ถ้าอย่างนั้น…”
“เฮอะ ข้าก็เพียงเสแสร้งแกล้งเป็นเข้าใจไปเท่านั้นเอง อุตส่าห์ได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้ทั้งที พวกเราจะกลับบ้านไปมือเปล่าได้อย่างไร พวกเจ้าจงเล่นละครตามข้ามาเถิด รับรองว่าสำนักสุราหมื่นไหไม่เสียหน้าแน่นอน”
บรรดาศิษย์น้องในสำนักพากันขมวดคิ้วนิ่วหน้าพูดอะไรไม่ออก
ในที่สุด พวกเขาก็มั่นใจแล้วว่าเจ้าสำนักของตนเองสมควรเป็นบริวารติดตามหลินเป่ยเฉินจริงๆ
บนท้องฟ้า
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป
หลินเป่ยเฉินโจมตีสำเร็จหลายครั้ง
แต่เหลียงหยวนเตามีความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บรวดเร็วมากเกินไป
ต่อให้กระดูกแตกหัก ใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวก็รักษาหายแล้ว
การต่อสู้ครั้งนี้ดำเนินไปราวกับไม่มีจุดจบ
แม้แต่หลินเป่ยเฉินผู้มีความสามารถรอบด้าน ก็ไม่รู้อีกแล้วว่าตนเองควรทำอย่างไรดี
ก่อนหน้านี้ เขาเคยมีพลังปราณธาตุน้ำ สามารถใช้วิชาวงแหวนวารีรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่ง เขากลับต้องมาเผชิญคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถคล้ายกับตนเองในอดีต
นับว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย้อนคืนสนองจริงๆ
ในที่สุด เด็กหนุ่มก็ไม่มีทางเลือกนอกจากรับประทานโอสถต้าหลี่ของอานมู่ซี และใช้วิชาโลหิตกระชากวิญญาณ!
พรึบ!
พลังลมปราณในร่างกายของหลินเป่ยเฉินเพิ่มพูนขึ้นมาทันตาเห็น
“ตายซะ”
เขาควงกระบี่สายฟ้าบุกโจมตีอีกครั้ง
วูบ!
“กระบวนท่ากระบี่ที่แปด”
หลินเป่ยเฉินพลันใช้กระบวนท่าโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตนเองออกมาอีกครั้ง
คมกระบี่พุ่งทะลวงผ่านอากาศ
พลังทำลายล้างเพิ่มมากขึ้น
กระบี่ในมือเด็กหนุ่มตวัดกวัดแกว่ง เกิดเป็นแหกระบี่ครอบคลุมผืนฟ้า
เงาคนลอยค้างอยู่กลางอากาศ
กระบี่สายฟ้าปะทะเข้ากับแท่งกระดูกสีขาว
ทันใดนั้น การต่อสู้ยุติลง
แท่งกระดูกแตกกระจายตกลงสู่พื้นดิน
เหลียงหยวนเตาลอยค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนที่ลมหายใจต่อมา บาดแผลจากคมกระบี่จะปรากฏขึ้นบนลำตัวเป็นเส้นกากบาท ก่อนที่ร่างกายของชายอ้วนจะปริแยกแตกออกจากกันเป็นหลายส่วนหลายขนาดร่วงกราวจากท้องฟ้าตกลงสู่แอ่งโลหิตบนพื้นดิน
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
มือหนึ่งของเขายกขึ้นกุมบริเวณหน้าอกฝั่งขวา
ปรากฏว่ามีเศษเสี้ยวหนึ่งจากแท่งกระดูกทิ่มแทงทะลุเข้ามาในช่องอกของหลินเป่ยเฉิน
โลหิตกำลังไหลซึมออกมาทีละเล็กทีละน้อย
บัดนี้ เด็กหนุ่มได้รับบาดเจ็บแล้ว!