เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 778 ความร้อนใจของคุณชายหลิน
ตอนที่ 778 ความร้อนใจของคุณชายหลิน
ทุกคนตกตะลึงไปกับการโต้กลับของหลินเป่ยเฉิน
ไม่มีใครสามารถดูออกเลยว่าหลินเป่ยเฉินกำลังแสดงวิชาใดออกมา
มันเป็นวิชาที่มีพลังโจมตีน่ากลัวเหลือเกิน
เหลียงหยวนเตาผู้ฟื้นคืนชีพกลับมาเป็นครั้งที่สาม ไม่มีโอกาสตอบโต้เลยสักกระบวนท่าเดียว
แม้แต่ความสามารถในการเยียวยาบาดแผลและรักษาอาการบาดเจ็บ ก็ยังไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงเมื่อเผชิญหน้าการโจมตีอย่างต่อเนื่องรุนแรงของเด็กหนุ่ม
เสียงระเบิดปานฟ้าร้อง แสงสว่างปานฟ้าแลบ
มวลอากาศปั่นป่วน
เหลียงหยวนเตาลอยกระเด็นกลับไปด้านหลัง
เนื้อหนังสาดกระจาย ร่างกายตกกระแทกพื้นดินไร้หนทางต่อสู้
“นี่เจ้า…”
เหลียงหยวนเตาระเบิดเสียงคำราม
ตนเองถูกโจมตี
แต่ไม่มีปัญญาตอบโต้
บัดนี้แขนขาดกระจาย
กระดูกหน้าอกยุบตัว
ช่องท้องปรากฏบาดแผลเหวอะหวะ
ขาหักทั้งสองข้าง…
สุดท้าย ชายอ้วนก็ไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป
โครม!
ร่างของเขาล้มลงไปในแอ่งโลหิต ส่งผลให้หยดเลือดสาดกระจายไปรอบทิศทาง
หลินเป่ยเฉินค่อยๆ ลดปืนกลในมือลง
ร่างกายของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสดเช่นกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในสายตาของหลินเป่ยเฉินขณะนี้กลายเป็นสีแดงฉาน
“ไอ้ชิงหมาเกิดเอ๊ย…”
หลินเป่ยเฉินหอบหายใจ ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน
เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ในวันนี้ เด็กหนุ่มจึงยอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อซื้อปืนกลมือมาใช้งาน และการยิงกระสุนแต่ละครั้งก็ต้องใช้ศิลาบูชาถึง 10,000 ก้อน เพื่อให้ปืนกลกระบอกนี้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด
นับเป็นอาวุธที่ผลาญเงินผลาญทองแท้ๆ
แต่ก็แลกมาด้วยอานุภาพการโจมตีระดับสูง
หากไม่ใช่เพราะหลินเป่ยเฉินทำภารกิจจากแอป Keep ได้สำเร็จ เขาก็คงไม่ได้มีร่างกายอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย และถ้ากระดูกในร่างกายของเขาไม่ได้อยู่ในขั้นกระดูกทองคำขาว การใช้งานปืนกลมือในครั้งนี้ ก็คงจะต้องกลายเป็นจุดจบของเขาเองเช่นกัน
แต่หลินเป่ยเฉินก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่เขายังเปิดเพลงเพิ่มพลังให้ตนเองอยู่นี้ ก็เพื่อเป็นการรับประกันว่าร่างกายของเขาจะสามารถทนแรงถีบของปืนกลมือได้อย่างไม่มีปัญหา
โชคดีที่ทุกอย่างดำเนินไปราบรื่น
หลินเป่ยเฉินเก็บปืนกลมือ หอบหายใจหนักหน่วง การใช้งานวิชาโลหิตกระชากวิญญาณทำให้เขาต้องสูญเสียเลือดเป็นจำนวนมาก ประกอบกับต้องเสียเลือดจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ ทำให้ในขณะนี้เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมขึ้นมาแล้ว
เขาเริ่มวิเคราะห์การต่อสู้อย่างจริงจัง
“ถึงเราจะฆ่าเหลียงหยวนเตาได้สำเร็จ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปืนกลมือกระบอกนี้จะสามารถฆ่าผู้มีพลังระดับเซียนคนอื่นๆ ได้เหมือนกัน…”
“เพราะร่างที่สามของเหลียงหยวนเตาไม่ได้มีพลังระดับเซียนของจริง มันแค่ปรับตัวไปกับรูปแบบการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เหลียงหยวนเตาทำความเข้าใจกระบวนท่าการโจมตีของเรา นอกจากจะทำความเข้าใจแล้ว มันยังสามารถขัดขวางการโจมตีได้อีกด้วย”
“และไม่ใช่เพียงขัดขวาง แต่เหลียงหยวนเตาถึงกับสามารถเรียนรู้นำกระบวนท่าเหล่านั้นไปใช้ได้สำเร็จ”
“แต่ที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บของไอ้หมูตอนนรกนี่แหละ ขนาดเทพเจ้ายังไม่น่าทำได้เลยด้วยซ้ำ…”
“แต่ปัญหาใหญ่มากที่สุดในตอนนี้ก็คือ เหลียงหยวนเตาจะสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีกหรือเปล่า?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่แอ่งโลหิตบนพื้นดิน
แล้วดวงตาของเด็กหนุ่มก็เบิกโต
เบิกโตมากขึ้น
มากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากแอ่งโลหิตซึ่งมีรัศมีหลายสิบวาก่อนหน้านี้ เมื่อเหลียงหยวนเตาถูกฆ่าตายเป็นครั้งที่สาม มันก็ขยายรัศมีกว้างมากกว่าหนึ่งร้อยวา ผิวน้ำสีโลหิตราบเรียบสะท้อนภาพก้อนเมฆบนท้องฟ้าราวกับเป็นกระจกขนาดใหญ่บานหนึ่ง
หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ
เขารู้แล้วว่าการตายครั้งที่สามของเหลียงหยวนเตายังไม่ใช่จุดจบ
ไอ้หมูตอนนรกกำลังจะฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง
คงต้องสู้กันต่ออีกแล้วสินะ?
หลินเป่ยเฉินรับรู้ชะตากรรมแล้วว่าตนเองคงไม่สามารถใช้ปืนกลมือกระบอกเดิมสังหาร ‘ร่างกำเนิดใหม่’ ครั้งที่สี่ของเหลียงหยวนเตาได้อีกแล้ว
ความสามารถในการเรียนรู้และดัดแปลงการโจมตีจากคู่ต่อสู้ของเหลียงหยวนเตา มีความคล้ายคลึงกับตัวละครในเรื่องเซนต์เซย่าอยู่ไม่น้อย นั่นหมายความว่าอาวุธเดิมที่เคยเล่นงานชายอ้วนได้สำเร็จครั้งหนึ่ง จะไม่สามารถเล่นงานได้เป็นครั้งที่สอง
หลินเป่ยเฉินไม่หลงเหลือไพ่ตายในมืออีกแล้ว
เอาไงดีนะ?
นี่เขาจะต้องมาตายที่นี่จริงๆ หรือ?
เด็กหนุ่มได้แต่สวดภาวนา
เขาจ้องมองแอ่งโลหิตที่พื้นผิวเริ่มกลับมามีฟองอากาศอีกครั้ง หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึก ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
‘พี่สาว ได้โปรดช่วยข้าด้วย’
เขาส่งข้อความไปหาเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
บัดนี้ คงต้องรบกวนให้เทพีกระบี่ช่วยแสดงฝีมือแล้ว
‘ต้องขอโทษเจ้าด้วย’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบข้อความกลับมาเร็วไว
นี่มันอะไรกัน?
หลินเป่ยเฉินตัวสั่นเทา
หมายความว่ายังไงต้องขอโทษด้วย?
แสดงว่าจะไม่ช่วยกันใช่ไหม?
‘ท่านเทพียังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ บัดนี้ คงยังไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าได้’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความอธิบายเพิ่มเติม…
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
หลังจากนั้น
เด็กหนุ่มก็ส่งข้อความถามกลับไป
‘ท่านช่วยไปสอบถามให้หน่อยสิว่า เทพีกระบี่จะช่วยแบ่งปันพลังศักดิ์สิทธิ์จากสาวกของนางมาให้ข้าได้บ้างหรือไม่?’
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความด้วยสีหน้าร้อนรน
เขาอุตส่าห์เตรียมการทุกอย่างเป็นอย่างดี แต่ผลก็คือ…
ทุกอย่างกลับมาผิดแผนเพราะเทพีกระบี่เนี่ยนะ?
ทำไมโชคถึงไม่เข้าข้างเขาบ้างเลย
ไม่ว่าเทพีกระบี่จะถูกยาพิษหรือได้รับบาดเจ็บก็ตาม
การแบ่งปันพลังศักดิ์สิทธิ์มาให้เขาสักส่วนหนึ่ง ก็คงไม่ทำให้นางต้องถึงกับตกตายหรอกกระมัง
‘มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้นางแบ่งพลังไปให้เจ้าไม่ได้’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบข้อความกลับมาด้วยความห่างเหิน ‘ความจริงนั้น เทพเจ้าไม่ได้สูงส่งอย่างที่เจ้าเข้าใจหรอกนะ’
หลินเป่ยเฉินยังคงพูดอะไรไม่ออกต่อไป
‘แต่ข้าหาคัมภีร์ที่ช่วยหลอมพลังปราณธาตุทั้งห้ามาให้เจ้าได้แล้วนะ เมื่อเจ้าบรรลุวิชานี้เมื่อไหร่ เจ้าก็จะเลื่อนระดับขึ้นไปอยู่ในขั้นเซียนทันที ไม่แน่คัมภีร์เล่มนี้อาจช่วยแก้วิกฤติของเจ้าในขณะนี้ก็ได้…’
หลังจากพิมพ์ข้อความเสร็จ เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ส่งไฟล์ติดตั้งของแอปพลิเคชั่นหนึ่งมาให้
‘ห้าธาตุหลอมวิญญาณ?’
เพียงเห็นชื่อแอปพลิเคชันเท่านั้น หลินเป่ยเฉินก็เข้าใจทุกอย่างทันที
เทพีกระบี่หิมะไร้นามพบเจอคัมภีร์ที่ช่วยหลอมรวมพลังปราณธาตุทั้งห้าแล้วจริงๆ
ครั้งนี้ถือว่านางไม่ได้หลอกลวงเขา
แต่กว่าจะบรรลุวิชานั้น หลินเป่ยเฉินก็คงตายก่อนพอดี
แอ่งโลหิตเริ่มมีฟองอากาศผุดพราวมากขึ้นและมากขึ้น พื้นผิวของมันไม่ต่างจากน้ำเดือด แต่ที่น่ากลัวก็คือเริ่มมีกลิ่นไอปีศาจค่อยๆ ลอยขึ้นมาแล้วเช่นกัน…
เห็นดังนั้น หัวใจของหลินเป่ยเฉินก็เริ่มร้อนรนมากขึ้น
ตอนนี้คว้าอะไรได้ก็ต้องคว้าไว้ก่อนนั่นแหละนะ
หลินเป่ยเฉินกดเซฟไฟล์ติดตั้งแอปพลิเคชันห้าธาตุหลอมวิญญาณลงสู่โทรศัพท์มือถือโดยไม่ลังเล
แถบสถานะสีเขียวแสดงขึ้นมาบนหน้าจอ
“1%…5%…12%…30%…”
แถบสถานะวิ่งไปข้างหน้าไม่เชื่องช้า
และมันก็ยังไม่ได้ดูดสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปจากโทรศัพท์มือถือ
แสดงว่านี่เป็นแค่การส่งไฟล์เบื้องต้น ยังไม่ใช่การดาวน์โหลด
แต่แล้วในทันใดนั้นเอง…
“ฮ่าฮ่า กลับมาแล้วจ้า”
พลัน ใบหน้าที่หล่อเหลาปกคลุมด้วยผมดกหนาค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากแอ่งโลหิต
หยดเลือดจำนวนมากไหลย้อยลงมาจากเส้นผม ใบหน้าของชายผู้นี้มีเค้าโครงใบหน้าของเหลียงหยวนเตาอยู่พอสมควร เพียงแต่มันเป็นใบหน้าของเหลียงหยวนเตาในแบบฉบับเรียวยาว คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบ ดูหล่อเหล่าเอาเรื่องทีเดียว
แต่หากไม่เคยพบเจอเหลียงหยวนเตามาก่อน ย่อมไม่มีทางนึกได้เลยว่าเขาจะเป็นคนคนเดียวกับชายอ้วนวิปลาส
“อ๊ะ…”
ขุนนางใหญ่ผู้สูงวัยท่านหนึ่งดวงตาเบิกโต ร่างกายสั่นเทาจนองครักษ์ต้องรีบเข้ามาประคองขณะชายชราอุทานออกมาด้วยเสียงสั่นเครือว่า “นี่มัน… นี่มัน… ท่านเจ้าเมืองเหลียงตัวจริง เขาคือท่านเจ้าเมืองเหลียงตอนที่ยังหนุ่มแน่น”
เมื่อได้ยินดังนั้น บรรดาขุนนางใหญ่ที่มีวัยไล่เลี่ยกันก็แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมา คล้ายกับหมอกขาวในความทรงจำจางหายไป และพวกเขาได้ค้นพบเหตุการณ์บางอย่างที่ตนเองลืมเลือนไปนานแล้ว
จริงด้วยสินะ
ใบหน้าที่หล่อเหลาของชายหนุ่มผู้โผล่หัวขึ้นมาจากแอ่งโลหิตขณะนี้ คือท่านเจ้าเมืองเหลียงหยวนเตาในวัยหนุ่มที่อยู่ในความทรงจำของพวกเขา
เดิมทีตระกูลเหลียงเป็นตระกูลขุนนางประจำนครเจาฮุยมาแต่ไหนแต่ไร เหลียงหยวนเตาถือเป็นอัจฉริยะประจำตระกูล เขามีความสามารถทั้งด้านบุ๋นด้านบู๊ แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังเคยกล่าวคำชมเชย สมัยนั้นไม่มีผู้ใดรู้เลยว่ามีสตรีมากมายเพียงใดรอคอยที่จะได้แต่งงานกับเหลียงหยวนเตาและใช้ชีวิตอยู่กับเขาอย่างมีความสุข
เหลียงหยวนเตาขึ้นรับตำแหน่งผู้ปกครองมณฑลเฟิงอวี่ด้วยความสง่างาม
แต่ทุกคนไม่ทราบเลยว่าเหลียงหยวนเตาเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าจะรู้ตัวอีกที ท่านเจ้าเมืองในความทรงจำของชาวบ้านก็กลับกลายเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมแปลกประหลาด ร่างกายขยายใหญ่อ้วนพียิ่งกว่าสุกร จิตใจโหดร้ายอำมหิต วิปริตยากหาผู้ใดเทียบเทียม