เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 104 ทวงหนี้ (ปลาย)
บทที่ 104 ทวงหนี้ (ปลาย)
ซูอัน รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยแต่แล้วเขาก็รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็วโยนความคิดอกุศลบางอย่างที่จู่ ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวออกไปและตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้กอบโกยคะแนนความโกรธแทน
“ฮวนเจา จับมือข้าไว้” ซูอัน พูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือซ้ายให้ฉู่ฮวนเจา
ฉู่ฮวนเจา มองพี่เขยของตนอย่างสับสน “ทำไม?”
“เราเป็นครอบครัวเดียวกัน การเดินจับมือกันมันแสดงให้เห็นว่าครอบครัวของเราแน่นแฟ้นกัน
มากขนาดไหน เรื่องนี้เจ้าไม่รู้อย่างนั้นเหรอ?” ซูอัน ตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
“นี่ท่านเห็นข้าเป็นคนไม่มีสมองงั้นเหรอ? ท่านกำลังจะเอาเปรียบข้าอยู่ชัด ๆ ครอบครัวแน่นแฟ้นบ้าบออะไรกัน!” ฉู่ฮวนเจา ตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาลพร้อมกับดึงแส้คร่ำครวญออกมาฟาดใส่ซูอันทันที
“บัดซบเอ๊ย ฮวนเจา! ถ้าเจ้าไม่ต้องการจับมือของข้าก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงแบบนี้!” ซูอัน หลบแส้ของนางอย่างรวดเร็วพร้อมกับตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตาม ฉู่ฮวนเจา ยังคงไล่ตามเขา เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดจะปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่าย ๆ
“ข้าจะฆ่าแก ไอ้โรคจิต!”
ฝูงชนรอบ ๆ รู้สึกเบิกบานใจทันทีที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ พวกเขารู้สึกว่าอย่างน้อย ๆ ความยุติธรรมก็ยังคงมีอยู่ในโลกนี้จริง ๆ
หึ! แมงดาอย่างเจ้ามันต้องโดนแบบนี้นี่แหละถึงจะเหมาะสม! อย่าฝันหวานคิดว่าพวกผู้หญิงรวย ๆ เขาจะยอมเจ้าง่ายขนาดนั้น!
การไล่ล่าระหว่างพวกเขาทั้งสองดำเนินต่อไปจนถึงทางเข้าสถานศึกษาก่อนจะเลิกรากันไปในที่สุด ไม่ใช่เพราะ ฉู่ฮวนเจา รู้สึกสำนึกตัวอะไรแต่มันเป็นเพราะอาจารย์หัวล้าน ลู่เต๋อ ยืนอยู่ตรงหน้าประตูต่างหาก
การปรากฏตัวของอาจารย์เจ้าระเบียบผู้นี้มักทำให้บรรยากาศรอบ ๆ เต็มไปด้วยความอึดอัดจนบรรดานักศึกษาไม่กล้าทำอะไรเสียงดังสักเท่าไหร่ ซึ่งแม้แต่ ฉู่ฮวนเจา ก็ยังกลัวเขาเช่นกัน
นางแลบลิ้นใส่ ซูอัน ก่อนที่จะเก็บแส้ของนางไว้แล้วคว้าแขนเสื้อของ ซูอันดึงเขาออกจากโรงเรียนพร้อมกับนาง “ฮึ่ม! ทีนี่ท่านรู้แล้วใช่ไหมว่าในอนาคตท่านไม่ควรพยายามเอาเปรียบข้าอีกไม่อย่างนั้นล่ะก็ข้าจะคิดบัญชีกับท่านแน่ ๆ เมื่อกลับไปถึงคฤหาสน์!”
ลู่เต๋อ ซึ่งกำลังกวาดสายตาอย่างใจจดใจจ่อพยายามหาผู้ที่อาจจะสร้างปัญหามาได้สักพักแล้ว แต่เมื่อสายตาของเขากลับไปเห็น ซูอัน และ ฉู่ฮวนเจา ที่เดินตีคู่กันมาราวกับควงแขนกัน เขาก็สะดุ้งเล็กน้อย
นี่มันเกิดบ้าอะไรกับตระกูลฉู่? นี่พวกเขาวางแผนที่จะให้คุณหนูของพวกเขาทั้งคู่ลงเอยกับผู้ชายคนเดียวกันงั้นเหรอ?
แม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่ใช่เรื่องแปลกในโลกนี้ แต่ปกติแล้วมันมักจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้ชายคนนั้นโดดเด่นอย่างท่วมท้น อย่างไรก็ตาม ซูอัน นั้นมีแต่ชื่อเสียงที่ท่วมท้นในเรื่องแย่ ๆ ดังนั้นเขาจะคู่ควรกับสิ่งนี้ได้อย่างไร?
ถึงแม้คุณหนูรองตระกูลฉู่จะดูด้อยกว่าพี่สาวของนางก็จริง แต่ซูอันก็ยังไม่มีทางคู่ควรกับนางอยู่ดี
อย่าว่าแต่ได้ครอบครองพี่น้องทั้งคู่พร้อม ๆ กันเลย
โดยไม่แยแสว่า ลู่เต๋อ จะจับตาดูอยู่รึเปล่า ซูอัน เดินออกจากสถาบันอย่างสบายใจและพบว่า
เฉิงโซวผิง มายืนรออยู่แล้วและโบกมืออย่างตื่นเต้นให้กับเขา “นายน้อย นายน้อย~”
“เจ้ารอข้าที่นี่ทั้งวันเลยเหรอ?” ซูอันก็รู้สึกประทับใจเล็กน้อย เฉิงโซวผิง แทบจะไม่ได้นอนหลับเลยตั้งแต่เมื่อวานนี้เพื่อคัดลอกกฎของตระกูลให้เขา แต่เด็กรับใช้ผู้นี้เขาก็ยังเลือกที่จะรอเขาอย่างซื่อสัตย์ที่ทางเข้าสถาบันตลอดทั้งวันนี้
“ไม่ ไม่ นายน้อยข้ากลับไปนอนมางีบหนึ่งก่อนแล้วค่อยกลับมาที่นี่ แหะ ๆ นายน้อย ข้ารู้สึกปลื้มมากเลยนะเนี่ยที่ท่านไถ่ถามข้าด้วยความเป็นห่วงแบบนี้!” เฉิงโซวผิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใส “หืม? คุณหนูรอง ท่านเองก็อยู่ที่นี่ด้วยงั้นเหรอ?”
ฉู่ฮวนเจา พยักหน้าหนึ่งทีและตอบกลับสั้น ๆ “อืม”
ในเวลาเดียวกันบ่าวรับใช้ของนางซึ่งรออยู่ข้างนอกเช่นกัน ก็รีบจูงม้ามาให้นางหนึ่งตัว ซึ่งถึงแม้ว่า
ซูอัน จะดูม้าไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ว่าตัวไหนมันดีอย่างไร แต่สำหรับม้าของ ฉู่ฮวนเจาตัวนี้เขาสามารถบอกได้เลย
จากการดูแค่คร่าว ๆ ว่ามันเป็นม้าพันธุ์ดีแน่นอน
“หืม? ม้าของท่านอยู่ที่ไหน” ฉู่ฮวนเจา มองไปรอบ ๆ ขณะที่นางถามด้วยสีหน้างุนงง
คำถามนั้นทำให้ ซูอัน กระอักกระอ่วนเล็กน้อย เขาสะกิดให้ เฉิงโซวผิง เป็นคนที่ตอบคำถามแทน “เรียนคุณหนูรอง เมื่อเช้านี้นายน้อยและข้าเดินมาที่สถาบันด้วยตัวเอง”
ฉู่ฮวนเจา ขมวดคิ้วแน่น “ทำไม พวกบ่าวไม่มีใครจัดม้าให้ท่านขี่?”
นี่ท่านไม่รู้เหตุผลนี้อยู่แก่ใจเลยงั้นเหรอ? เฉิงโซวผิง โต้กลับในใจของเขา อย่างไรก็ตาม เขายังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่านายน้อยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณหนูรอง
ฉู่ฮวนเจา ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ส่งม้ากลับให้บ่าวรับใช้ของนางและพูดกับ ซูอัน ว่า “ข้าจะเดินไปกับเจ้า นาน ๆ ครั้งการได้เดินบ้างมันก็เป็นเรื่องไม่เลวเท่าไหร่”
“อันที่จริง ข้าไม่รังเกียจที่จะร่วมอานม้าเดียวกับเจ้า” ซูอัน ตอบกลับทันควัน
ใบหน้าของเฉิงโซวผิงเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ คุณหนูรองเป็นที่รู้จักกันดีว่านางเป็นคนอารมณ์ร้ายมาก มันง่ายมากที่ใครก็ตามจะโดนแส้คร่ำครวญหวดเข้าเพียงเพราะแค่พูดจาไม่เข้าหูนางเพียงเล็กน้อย
“ไอ้คนโรคจิต!” โดยไม่คาดคิดสิ่งที่ ฉู่ฮวนเจา ทำมีเพียงแค่อย่างเดียวคือตะโกนด่าสั้น ๆ แต่จากนั้นนางก็ไม่ได้ทำอะไร ซูอัน ต่อ
เฉิงโซวผิง กระพริบตาปริบ ๆ นี่ข้าฝันไปหรือเปล่า ทำไมรู้สึกเหมือนว่ามันมีบางอย่างผิดปกติที่นี่?
แต่แล้วในเวลาเดียวกันนี้เองที่เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นว่า “โอ้ ในที่สุดเจ้าก็ออกมาแล้ว”
ซูอัน หันไปมองและเห็นชายคนหนึ่งที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขากำลังพิงต้นไม้อยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขาอยู่ แน่นอนว่าชายผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่น เขาคือดอกบ๊วยสิบสาม!
“ไม่มีใครบอกเจ้าเหรอว่าปากเจ้าเบี้ยวนิดหน่อยเวลาเจ้ายิ้ม”
ท่านยั่วยุ ดอกบ๊วยสิบสาม สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +178!
รอยยิ้มของ ดอกบ๊วยสิบสาม หยุดนิ่งก่อนจะถ่มน้ำลายออกมาอย่างเย็นชา “ฮึ่ม! ลิ้นของเจ้านี่มันน่าตัดออกไปให้หมากินจริง ๆ ! ซูอัน ข้ามาที่นี่เพื่อเตือนเจ้าว่าผ่านไปอีกวันแล้ว และใกล้ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องใช้หนี้คืนให้กับข้า หากเจ้าไม่สามารถหาเงินมาได้ ข้าจะตัดมือทั้งสองข้างของเจ้า!”
“เจ้าเป็นหนี้เขางั้นเหรอ?” ฉู่ฮวนเจา มองไปที่ ซูอัน ด้วยสีหน้าตกตะลึง
ซูอัน พยักหน้าตอบกลับในขณะเดียวกับที่เขากำลังก่นด่าไอ้เจ้าของร่างเดิมที่มันทำให้เขาต้องมีปัญหายุ่งยากไร้สาระแบบนี้
ฉู่ฮวนเจา หยิบถุงเงินของนางออกมาพร้อมกับถามว่า “เขาเป็นหนี้เจ้าเท่าไหร่? ข้าจะชำระหนี้
ของเขาให้”
ดอกบ๊วยสิบสามประหลาดใจทันที ไอ้ขยะตัวนี้มันดีมากซะจนแม้แต่สาวน้อยคนสวยผู้นี้ อยากจะใช้หนี้แทนให้เลยงั้นเหรอ นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้น?
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงตอบกลับไป “เขาเป็นหนี้ข้า 1,000 ตำลึงเงิน”
ฉู่ฮวนเจา อ้าปากค้างพร้อมกับเก็บถุงเงินของนางลงไปในเสื้อคลุมของนางทันที จากนั้นนางค่อย ๆ ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วพูดว่า “เอ่อ…คิดซะว่าข้าไม่เคยพูดอะไรเลยก็แล้วกัน”
ซูอัน มอง ฉู่ฮวนเจา ด้วยความหงุดหงิด หญิงสาวคนนี้พยายามอวดอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายแล้ว นางกลับไม่มีปัญญาพอที่จะทำได้อย่างที่อวดเอาไว้นี่มันไม่ต่างอะไรกับที่โรงอาหารเมื่อตอนกลางวันเลย
แม้แต่น้อย!