เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 125 ข้าคือเทพเจ้าแห่งการพนัน!(ต้น)
บทที่ 125 ข้าคือเทพเจ้าแห่งการพนัน!(ต้น)
นักพนันทุกคนต่างคาดหวังให้ ซูอัน เผชิญกับความอับอายในที่ต่อหน้าประชาชี แต่เมื่อรู้ว่าเหตุการณ์มันกลับพลิกผันไปแบบแปดตลบเช่นนี้ พวกเขายิ่งคาดหวังมากขึ้นกว่าเดิมจนบรรยากาศภายในบ่อนพุ่งไปจนถึงขีดสุด ทุกคนต่างเรียกร้องให้ดอกบ๊วยเจ็ด เปิดโถลูกเต๋าเพื่อเผยผลลัพธ์
ภายใต้การถูกสะกิดจากลูกน้องของตัวเอง ดอกบ๊วยเจ็ด ก็คืนสติมาได้ด้วยความงุนงง เขากลืนน้ำลายหนึ่งเอื้อกพร้อมกับสาปแช่งตัวเองที่โง่เขลาจนทำลูกเต๋าให้มันออกเป็น ‘ตอง’ แบบนี้ ถ้าก่อนหน้านี้เขาทำลูกเต๋าให้มันออกเป็นแบบอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ ‘ตอง’ ต่อให้เขาจะเสีย เขาก็คงไม่ต้องเจ็บหนักเหมือนในตอนนี้
ในเวลานี้เขาพอจะนึกภาพออกเลยว่าชีวิตของเขามันจะต้องพบกับโศกนาฏกรรมที่น่าสลดใจขนาดไหน
นั่นคือ 7,500,000 ตำลึงเงิน! ต่อให้สำนักดอกบ๊วยจะขายกิจการของสำนักทั้งหมด พวกเขาก็ยังได้เงินไม่ถึงเลย!
เจ้าสำนักจะต้องหั่นข้าออกเป็นชิ้น ๆ และโยนเนื้อของข้าให้สุนัขกินแน่นอน!
เพียงแค่คิดถึงชะตากรรมที่น่าสมเพชที่รอเขาอยู่ ดอกบ๊วยเจ็ด ก็สูดหายใจรวบรวม ความกล้าของตัวเองให้เพิ่มมากขึ้นจากนั้นเขาค่อย ๆ สอดมือลงไปใต้โต๊ะซึ่งมีกลไกที่เมื่อผลักแล้วจะสามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ของลูกเต๋าได้
จากสถานการณ์ปัจจุบัน เขาทำได้แค่เดิมพันและภาวนาว่า ฉู่ชูเหยียน จะไม่สังเกตเห็น
น่าเสียดายที่เขาไม่เข้าใจเลยว่าผู้บ่มเพาะระดับ5นั้นทรงพลังเพียงใด ทันทีที่มือของเขาเริ่มเคลื่อนไหว ทันใดนั้นเขาก็พบว่าทั้งร่างของจัวเองถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาว และในวินาทีต่อมา แขนทั้งแขนของเขาก็แข็งค้าง จนไม่สามารถขยับมันได้อีกต่อไป
“เจ้าคิดว่าข้าไม่เห็นงั้นเหรอว่าเจ้ากำลังพยายามทำอะไร? คิดจะใช้กลโกงต่อหน้าข้า งั้นเหรอ?”
ต้องรู้ว่า ฉู่ชูเหยียน คอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางรู้สึกว่าตัวเองมี ‘ส่วนร่วม’ ในการเดิมพันครั้งนี้ด้วย นางไม่อาจยอมให้ใครมาเปลี่ยนผลลัพธ์ของมันได้
ซูอัน ถอนหายใจออกมายาว ๆ และพูดว่า “ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าโกง แต่เจ้าไม่ฟังข้า เฮ้ เจ้าที่อยู่ข้างน่ะ เปิดมันออกสิ!”
เขาชี้ไปที่ลูกน้องของดอกบ๊วยเจ็ดคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ และสั่งขึ้น
“เปิด! เปิด! เปิด!”
ดวงตาของนักพนันรอบ ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น วันนี้พวกเขาจะได้พบเจอกับปาฏิหาริย์งั้นเหรอ?
ในทางกลับกัน ดอกบ๊วยเจ็ด ตื่นตระหนกไปแล้วจนถึงขีดสุด เขาพยายามอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วจู่ ๆ มันกลับมีแรงกดดันบางอย่างทำให้เขาไม่สามารถเค้นคำพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว
ลูกน้องของดอกบ๊วยเจ็ดที่ถูก ซูอัน ชี้เมื่อสักครู่แสดงสีหน้าลังเลไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ เขามองไปรอบ ๆ อย่างหวาดกลัว แต่ก็ไม่มีใครที่นี่ให้เขาพึ่งพาได้ จนท้ายที่สุด เขาก็ยื่นมือที่สั่นเทา ไปข้างหน้าเพื่อเปิดฝาครอบออกจากโถซึ่งมันเผยให้เห็นจุดสีแดงสุกใสหนึ่งจุดปรากฏขึ้นบนลูกเต๋าทั้งสามลูก
ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งบ่อนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ความโกลาหลจะปะทุขึ้น
แม้แต่การหายใจของ ฉู่ชูเหยียน ก็เปลี่ยนเป็นรัวแรงเช่นกัน!
ด้วยอัตราการจ่าย 1:150 นั้นมันหมายความว่าตอนนี้ ซูอัน ทำเงินได้มากถึง 7,500,000 ตำลึงเงิน!
ถึงแม้ว่าตระกูลฉู่ จะขึ้นชื่อในเรื่องความมั่งคั่งมหาศาลที่จากกิจการค้าเกลือและอาวุธ ซึ่งมีรายได้ที่สามารถแข่งขันกับอาณาจักรได้ แต่ถึงกระนั้น ผลกำไรต่อปีของตระกูลมันก็ยัง ไม่ใกล้เคียงกับจำนวนเงินนี้ เงินมากขนาดนี้มันเท่ากับผลกำไรถึง3ปีรวมกันของพวกเขา!
ซูอัน มองไปที่ ดอกบ๊วยเจ็ด อย่างมีความสุขพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณเจ้ามากจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหยุดข้าก่อนหน้านี้ ข้าคงเดินออกไปด้วยเงินเพียง 50,000 ตำลึงเงินเท่านั้น ข้าไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะจบลงด้วยเงินรางวัลถึง 7,500,000 ตำลึงเงินที่นี่ ข้าต้องขอยอมรับจริง ๆ ว่าความสำเร็จของข้าในวันนี้มันมาจากปากของเจ้าจริง ๆ ! เอาล่ะข้าขอมอบ 10 ตำลึงเงินนี้ให้กับเจ้าเพื่อตอบแทนที่เจ้านำโชคมาให้ข้ามากถึงขนาดนี้ เจ้าสามารถเอามันไปซื้อเหล้าสักไหหรือชาดี ๆ สักเหยือกเพื่อดับกระหายของเจ้า”
คำพูดนี้ทำให้ ดอกบ๊วยเจ็ด กระอักเลือดออกมาทันทีและทรุดลงไปกับพื้นเพราะโกรธจัด ในตอนแรกหลงคิดว่าแผนของเขามันสมบูรณ์แบบแล้วแท้ ๆ เขาไม่นึกเลยว่าท้ายที่สุดมันจะกลายเป็นว่าเขาคือผู้จุดชนวนให้เกิดความพินาศซะเอง!
ท่านยั่วยุ ดอกบ๊วยเจ็ด สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +1024!
สภาพของดอกบ๊วยเจ็ดที่จู่ ๆ ก็ทรุดตัวลงไปทำให้สีหน้าของซุอันเปลี่ยนเป็นไม่พอใจทันที “เฮ้ เฮ้ เฮ้
อย่าคิดว่าเจ้าจะรอดจากตรงนี้เพียงเพราะเจ้ากำลังจะหมดสติ เร็วเข้ารีบเอาเงินของข้าออกมาได้แล้ว!”
…
ในขณะเดียวกัน ที่สาขาใหญ่ของสำนักดอกบ๊วย เหมยเชาฟง กำลังหัวเราะอย่างสนุกสนาน พร้อมกับพูดว่า “แม่นางเฉียว ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรให้มันมากมายนักหรอก ตั้งแต่วินาทีที่ ไอ้เจ้าขยะนั่นตัดสินใจเข้าไปในบ่อนของข้า ชีวิตของเขาก็ตกอยู่ในกำมือของข้าแล้ว! มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีอะไรผิดพลาด! เมื่อไหร่ที่เขาเป็นหนี้ข้าหลายหมื่นตำลึง เงิน ท่านมั่นใจได้ว่าตระกูลฉู่จะต้องขับไล่เขาออกจากตระกูลแน่นอน และเมื่อนั้นเราจะฆ่าเขาหรือว่าทรมานเขามันก็เป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก!”
“อืม มันก็จริงอย่างที่เจ้าว่า ตระกูลฉู่มีกฎที่เข้มงวดอย่างมากกับสมาชิกตระกูลในเรื่องของการพนัน และนี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ฮูหยินฉู่ เกลียดขี้หน้าซูอันมาโดยตลอด ต่อให้ไอ้ขยะนั่นจะไม่ได้เป็นหนี้ถึงหลักหมื่น แค่เขาเป็นหนี้แค่หลักพัน มันก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ฮูหยินฉู่ทำทุกอย่างเพื่อขับไล่เขาออกจากตระกูลไปให้ได้แน่นอน!” เสวี่ยเอ๋อร์พยักหน้าเห็นด้วย
“ปัญหาเดียวที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้คือ คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ น่าจะไม่ยอมให้เขาเป็น หนี้ก้อนโตขนาดนั้น แม่นางเฉียว ข้ารบกวนให้เจ้าไปที่นั่นสักหน่อยจะได้ไหมเพื่อพยายามล่อคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ออกไป ไม่เช่นนั้นคนของข้าอาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่ในการจัดการกับซูอัน” เหมยเชาฟง พูดขึ้น
เสวี่ยเอ๋อร์ ส่ายหัวเป็นคำตอบ “มันเสี่ยงเกินไป คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ มีความสงสัยในตัวข้าอยู่แล้ว ถ้าข้าล่อนางออกไปในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ มันจะเป็นการเปิดเผยตัวตนของข้าอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นการที่จะจัดการกับ ซูอัน มันจะยิ่งเป็นเรื่องที่ยากมากกว่าเดิม”
เหมยเชาฟงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมา “ก็จริง ๆ หากตัวตนของแม่นางเฉียวถูกเปิดโปง มันก็คงไม่มีใครคอยจับตาดู คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ อีกต่อไปและนั่นคงจะเป็นผลเสียของ นายน้อย ที่คงไม่อาจวางใจได้ว่าจะมีใครมาแตะต้องคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ก่อนที่แผนทุกอย่างจะสำเร็จหรือเปล่า”
สีหน้าของเสวี่ยเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เมื่อได้ยินเช่นนี้ “อย่านินทานายน้อยลับหลัง!”
“ข้าแค่ล้อเล่น ข้าแค่ล้อเล่น!” เหมยเชาฟงตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะ อย่างไรก็ตาม ข้างในเขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่เสวี่ยเอ๋อร์พูดจาไม่เคยให้เกียรติเขาเลย
เด็กสาวอย่างเจ้ากล้าที่จะดูหมิ่นข้าเพียงเพราะเจ้ามีนายน้อยหนุนหลังงั้นเหรอ! ฮึ่ม! คอยดูเถอะอีกไม่นานข้าจะให้นายน้อยหมั้นหมายเจ้าให้กับข้า และเมื่อถึงตอนนั้นข้าจะให้เจ้ารู้ผลของการกล้าท้าทายข้ามันเป็นยังไง!
เสวี่ยเอ๋อร์ยืนขึ้นและมองไปที่ทิศทางของบ่อนการพนัน นางนึกถึงการทะเลาะวิวาทกับ ซูอัน ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และความกังวลก็แวบผ่านดวงตาของนาง “ทำไมข้าถึงมีลางสังหรณ์ ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เกี่ยวกับเรื่องนี้?”
“เฮ้อ ท่านกังวลเกินไปอีกแล้ว! มดตัวนั้นไม่สามารถทำอะไรเราได้หรอกโปรดวางใจเถอะ!” เหมยเชาฟง ตอบอย่างไม่ใส่ใจ โดยคิดกับตัวเองว่า ทำไมพวกผู้หญิงถึงชอบกังวลอะไรไร้สาระ นักนะ? “แม่นางเฉียว เท่าที่ข้าคำนวณไม่ผิดตอนนี้มันน่าใกล้จะถึงเวลาที่พวกเรารู้ผลทุกอย่างแล้ว ท่านใจเย็น ๆ และนั่งลงรอเถอะ”