เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 144 ล้มเหลว
จากสิ่งที่นางรู้เกี่ยวกับ ซูอัน มันเป็นไปได้อย่างยิ่งที่คนไร้ยางอายผู้นี้จะทำตามที่พูดจริง ๆ แค่ความคิดถึงความอัปยศที่นางจะต้องเผชิญหากนางถูกผู้คนมากมายเห็นร่างอันเปลือยเปล่า จิตใจของนางก็เริ่มระส่ำระสาย
ครั้นจะอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คลื่นความเจ็บปวดระลอกใหม่ก็ถาโถมเข้ามาอีกรอบทำให้คำพูดทั้งหลายหายไปทันทีเหลือแค่เสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
“คิดว่าข้าไม่กล้าเหรอ?” ซูอัน เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา เขาฉีกทึ้งเสื้อผ้าชั้นนอกของนางออกและขู่อีกรอบ “ถ้าอย่างนั้นมาลองดูกัน!”
เขาเคยลองค้นห้องของนางมาก่อนแล้ว แต่สิ่งที่เขาพบนั้นกลับมีแต่เมล็ดแตงโม หลังจากใช้เวลาอยู่ในตระกูลฉู่มาหลายวันเขาก็มั่นใจว่าไม่ใช่ ฉู่จงเทียน, ฉินว่านหรู หรือ ฉู่ชูเหยียน แน่นอน ที่ต้องการชีวิตของเขา และยังมั่นใจได้อีกว่าต้องเป็นคนนอกแน่นอนที่อยู่เบื้องหลังคอยบงการ เสวี่ยเอ๋อร์
การถูกเพ่งเล็งจากศัตรูที่เขาไม่รู้จักนั้นอันตรายเกินไป เพราะขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขา ควรระวังใคร! ดังนั้นเขาจึงตั้งใจแน่วแน่ที่จะค้นหาว่าใครคือผู้บงการในวันนี้ ไม่เช่นนั้นซูอันคง ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มตาได้อีกต่อไป
“ข้าสาบานข้าจะฆ่าเจ้… อ้าาาา~”
ท่านยั่วยุ เฉียวเสวี่ยอิง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +998!
“ยังไม่คิดที่จะพูดอีกใช่ไหม! เจ้ารู้ตัวไหมว่าเสื้อผ้าของเจ้ามันก็ไม่ได้มีมากชิ้นนัก หากข้ากระชากอีกสักสองสามทีมันคง… เอ๊ะเดี๋ยวนะ ที่เจ้าขัดขืนนี่ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังยั่วยวนข้าอยู่หรอกนะใช่ไหม?”
ยั่วยวนบ้านเตี่ยแกสิไอ้สารเลว!
ท่านยั่วยุ เฉียวเสวี่ยอิง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +1024!
เสวี่ยเอ๋อร์ โกรธจนแทบจะเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ ความเจ็บปวดที่ไร้เหตุผลจากท้อง ของนางนั้นก็นับได้ว่าสาหัสอยู่แล้วแต่นี่นางยังต้องมาทนทรมานกับคำพูดยียวนของฝั่งตรงข้ามอีก!
รอให้ข้าฟื้นก่อนเถอะ! ข้าจะฉีกปากเจ้าออกจากหัวแน่นอน!
“ถ้าเจ้ายังไม่ยอมพูด ข้าจะฉีกเสื้อชั้นในของเจ้าเดี๋ยวนี้!” ซูอัน คว้าคอของนาง แต่เขาก็ยังไม่ได้ลงมือเจตนาของเขาเพียงแค่เพื่อขู่บังคับให้นางเปิดเผยชื่อของผู้บงการก็เท่านั้น
“เจ้าบังคับข้าเองนะ!” ตอนนั้นเองที่แสงสีเขียวส่องออกจากดวงตาของเสวี่ยเอ๋อร์ และจู่ ๆบรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
ซูอัน ขนลุกซู่ทันที โดยไม่ลังเลใด ๆ เขารีบกระโดดตัวออกจากนางและใช้ทักษะจ้าววายุ ถอยห่างออกไปอีกฝั่งของห้องทันที
ในเวลาเดียวกัน จู่ ๆ เส้นผมของเสวี่ยเอ๋อร์ก็งอกยาวขึ้นภายในพริบตาราวกับว่าในที่สุดผนึกของเสวี่ยเอ๋อร์ก็ถูกปลดออก เส้นผมของนางสยายออกและพุ่งแทงไปทั่วบริเวณรอบตัวนางราวกับ มีชีวิต
“บัดซบแล้วไง! นั่นมันอะไรกันวะน่ะ!” ซูอัน รู้สึกหวาดกลัว เขาไม่นึกเลยว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาจู่ ๆ จะกลายเป็นเมดูซ่าไปแบบนี้
แม้แต่ผนังก็ยังถูกแทงจนเป็นรูพรุนจากเส้นผมของนาง หากเขาไม่ใช้ จ้าววายุ ถอยหนีออกมาก่อนป่านนี้เขาคงโดนผมของนางเสียบจนกลายเป็นเม่นไปแล้วแน่ ๆ
ทางด้านของ เสวี่ยเอ๋อร์ ก็ไม่คิดว่า ซูอัน จะถอยหนีไปเร็วขนาดนี้ นางประหลาดใจอยู่ชั่วครู่แต่เมื่อนางได้สติ ก็รีบพุ่งตัวตรงดิ่งไปหาเขาทันที
“ไอ้สารเลวแซ่ซูl ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ… อะ อั่ก อ้ากก~” เป็นอีกครั้งที่ เสวี่ยเอ๋อร์ ทรุดตัว ลงไปกับพื้นพร้อมกับกุมท้องของนางด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ท่านยั่วยุ เฉียวเสวี่ยอิง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +500!
ซูอัน กลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงน่ากลัวขนาดนี้เนี่ย? นี่ถ้าข้าไม่ใช้ สายตา เจ็บ-จน-ทรุด นางอาจจะฆ่าข้าตายไปแล้วก็ได้!
แต่แล้วจู่ ๆ เสียงโหวกเหวกก็ดังขึ้นที่ด้านนอกไม่ไกลจากพวกเขาเท่าไหร่ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าในที่สุดก็มีคนในคฤหาสน์ได้ยินเสียงความโกลาหลที่เรือนของซูอันและรีบวิ่งเข้ามาตรวจสอบ
เสวี่ยเอ๋อร์ หันออกไปมองที่ด้านนอกทันที จากนั้นนางก็หันกลับมาจ้องเขม็ง ซูอัน ด้วยสายตาอาฆาต แต่ในท้ายที่สุดนางก็ตัดสินใจที่จะวิ่งไปที่หน้าต่างอย่างทุลักทุเล แต่ก่อนที่นางจะกระโดดออกไปจากหน้าต่างนางหันกลับมาและจ้องไปที่ ซูอัน อีกครั้งอย่างเกลียดชังและตะโกนว่า “รอบหน้าข้าจะเอาชีวิตเจ้าให้ได้!”
เมื่อพูดจบนางก็กระโดดออกจากหน้าต่างไปและหายตัวไปในความมืดมิดของยามราตรีแค่เพียงไม่กี่อึดใจหลังจากนางจากไป ร่างของหญิงสาวในชุดสีขาวผู้หนึ่งก็พุ่งเข้ามาในห้องของซูอันซึ่งนางก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ฉู่ชูเหยียน
ในทันทีที่มาถึงนางสังเกตเห็นร่างของ ซูอัน ที่เต็มไปด้วยเลือดอย่างรวดเร็ว จนนางต้องรีบวิ่งไปหาเขาทันทีด้วยสีหน้าตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้นทำไมเจ้าถึงมีสภาพแบบนี้?”
ในที่สุด ซูอัน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาส่งรอยยิ้มอ่อนแรงให้กับนางก่อนที่เขา จะล้มตัวสลบไปในอ้อมแขน
ก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสจนแทบยืนไม่ไหวอยู่แล้ว แถมในตอนท้ายเขายังต้องรีดพลังชี่ในร่างเพื่อเปิดใช้งานทักษะจ้าววายุอีกต่างหาก วันนี้ชีวิตของเขาถูกแขวนเอาไว้อยู่บนเส้นด้ายอย่างแท้จริง ดังนั้นเมื่อเขาเห็นการปรากฏตัวขึ้นของ ฉู่ชูเหยียน ความตึงเครียดทั้งในร่างกายและภายในจิตของเขาจึงถูกคลายลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เขาหมดสติไปในทันที
ปฏิกิริยาแรกของ ฉู่ชูเหยียน ที่เห็นว่าจู่ ๆ ซูอัน ก็ล้มลงมาที่นาง ในคราแรกนางตั้งใจจะผลักเขาออกไป แต่แล้วเมื่อนางเห็นสภาพอันน่าอนาถของเขา ท้ายที่สุดนางก็ตัดสินใจไม่ทำเช่นนั้น หญิงสาวรับร่างของชายไร้ยางอายผู้นี้เอาไว้ในอ้อมแขนพลางถอนหายใจ
แต่แล้วเมื่อนางคิดได้ว่าชายคนนี้นั้นมีเล่ห์เหลี่ยมที่มากมายขนาดไหนในอดีตที่ผ่านมา คิ้วของนางก็ขมวดเข้าหากันทันที ถ้าครั้งนี้เจ้าหลอกข้าล่ะก็…ฮึ่ม!
อย่างไรก็ตาม ความคิดเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อนางโคจรพลังชี่ตรวจสอบร่างกายของฝั่งตรงข้าม ก็ต้องตกใจมากเพราะสิ่งที่นางพบก็คือชีวิตของ ซูอัน นั้นแขวนอยู่บนเส้นด้าย เขาบาดเจ็บสาหัสจริง ๆ
…
เมื่อ ซูอัน ฟื้นคืนสติในที่สุด เขาพบว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียง และมีคนมากมายมารวมกันอยู่ในห้อง นอกจาก ฉู่ชูเหยียน แล้ว ยังมี ฉู่จงเทียน, ฉินว่านหรู และคนของตระกูลสาขาที่สองและสาขาที่สาม ส่วนใหญ่กำลังตรวจสอบรอยบนกำแพงที่เกิดขึ้นจากเส้นผมของเสวี่ยเอ๋อร์
โชคดีที่ข้าเก็บ แท่งพิษ กลับเข้ามาในคีย์บอร์ดซะก่อน ไม่อย่างนั้น ข้าคงต้องอธิบาย ยาวเหยียดให้คนพวกนี้ฟังอีกว่ามันคืออะไรกันแน่
จากนั้นเมื่อ ซูอัน สำรวจร่างกายของตัวเองเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผลไปตั้งแต่หัวจรดเท้า
และความรู้สึกหนึ่งก็แล่นเข้ามาเมื่อมีใครบางคนเอาผ้าอุ่น ๆ มาเช็ดใบหน้าของเขาเบา ๆ จนเมื่อเขามองเข้าไปใกล้ ๆ เขาก็เห็นว่าเป็น ฉู่ฮวนเจา นี่เองที่กำลังนั่งอยู่ข้างเตียงคอยดูแลเขาด้วย สีหน้าเป็นกังวล
ซูอัน รู้สึกประทับใจ แต่ก็รู้สึกขัดแย้งในเวลาเดียวกันเพราะเขาสังเกตเห็นว่า ฉู่ชูเหยียน ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก กลับแสดงสีหน้าเฉยเมยราวกับว่านางไม่เป็นห่วงอะไรเขาเลยสักนิด ท่าทีของนางเฉยชาราวกับว่านางไม่ใช่ภรรยาของเขา มันเหมือนกับว่าเขาเป็นแค่คนอื่นสำหรับนาง สุดท้ายคนที่ห่วงใยเขามากที่สุดกลับเป็นน้องสาวของภรรยาเขาแทน
เมื่อ ฉู่ฮวนเจา สังเกตเห็นว่า ซูอัน ฟื้นขึ้นมา นางก็อุทานด้วยความตื่นเต้นทันที “พ่อ แม่ ท่านพี่ เขาตื่นแล้ว!”
ฉู่จงเทียนรีบวิ่งเข้ามาหาและถามทันที “ซูอัน เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
ซูอัน มองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะบ่นว่า “มันเจ็บ~”
ฉู่จงเทียน พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนเสริมว่า “ในตอนแรกที่เจอเจ้า ชูเหยียน ปกป้อง เส้นชีพจรของเจ้าเอาไว้ในทันทีด้วยพลังชี่ของนาง เพื่อพยุงอาการของเจ้าให้หมอประจำตระกูล ของเรามารักษาได้ทันการณ์ ในตอนนั้นมันแทบพูดได้ว่าขาของเจ้าก้าวเข้าไปในยมโลกแล้วข้างหนึ่งรู้ไหม”
ซูอัน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้ยินเช่นนั้น เขามองไปที่ ฉู่ชูเหยียน อีกครั้ง แต่ใบหน้าของนางยังคงนิ่งเฉยเช่นเคย แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านางคือคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ดูเหมือนข้าจะเข้าใจนางผิดไป
ฉินว่านหรู เดินเข้ามาและถามขึ้นต่อทันที “ซูอัน ไหนเจ้าอธิบายหน่อยจะได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? อะไรทำให้เจ้าตกอยู่ในสภาพนี้?”