เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 145 หายเข้ากลีบเมฆ
“เป็นเสวี่ยเอ๋อร์ที่พยายามจะฆ่าข้าก่อนหน้านี้” ซูอัน ตอบกลับทันที
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เขาไม่สามารถบังคับเสวี่ยเอ๋อร์ให้เปิดเผยออกมาว่าเจ้านายของนางเป็นใคร แต่จากการปฏิสัมพันธ์ของเขากับ ฉู่ชูเหยียน และพ่อแม่ของนาง เขาก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะเป็นคนเหล่านี้ที่อยากสังหารเขา ดังนั้นเขาจึงกล้าที่เปิดเผยความจริงออกมาในทันที
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาพูดออกไป ซูอัน ก็ยังไม่ลืมที่จะสังเกตสีหน้าคนที่อยู่ในห้องทุกคนเพื่อจับผิดว่าใครมีปฏิกิริยาที่น่าสงสัยบ้าง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครดูน่าสงสัยเลยสำหรับเขา
ฉู่ฮวนเจา แสดงสีหน้าตื่นตระหนกทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซูอัน “พี่เขย มันจะเป็นไปได้ ยังไงกันที่พี่สาวของข้าจะอยากเอาชีวิตท่านแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้หรอก!”
ซูอัน กลอกตา “เด็กโง่เอ๊ย! ข้าคิดว่าเมื่อครู่ข้าพูดชัดแล้วนะว่าเป็น เสวี่ยเอ๋อร์ ที่พยายามสังหารข้าไม่ใช่พี่สาวของเจ้า!”
ฉู่ฮวนเจา อยากจะโต้แย้งเช่นกันว่า เพราะเสวี่ยเอ๋อร์เป็นสาวใช้ส่วนตัวของพี่สาวนาง ดังนั้นการที่ท่านพูดว่าเสวี่ยเอ๋อร์พยายามฆ่าท่านมันก็ไม่ต่างอะไรกับท่านกล่าวหาพี่สาวของข้าด้วยไม่ใช่หรือไง?
เมื่อเห็นว่าทุกสายตามองมาที่นางกันหมด ฉู่ชูเหยียน ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่ได้เห็นเสวี่ยเอ๋อร์มาสักพักแล้วเช่นกัน”
“ทหาร ไปเอาตัวเสวี่ยเอ๋อร์มาที่นี่เดี๋ยวนี้!” ฉู่จงเทียน ออกคำสั่งทันทีด้วยสีหน้าดุดัน
เขายังไม่ได้ปักใจเชื่อตามคำพูดของ ซูอัน แต่ไม่ว่าจะยังไงเสวี่ยเอ๋อร์เป็นสาวใช้ส่วนตัว ของลูกสาวเขา ดังนั้นจึงยังคงต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดที่สุดอย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าคนของฉู่จงเทียนก็กลับมาและรายงานว่า “เรียนนายท่าน พวกเราหาจนทั่วแล้วแต่ไม่พบร่องรอยของเสวี่ยเอ๋อร์ในคฤหาสน์เลย!”
สีหน้าของ ฉู่จงเทียน เปลี่ยนเป็นมืดหม่นทันที ดูจากรูปการณ์แล้ว ดูเหมือนว่าเสวี่ยเอ๋อร์ จะหนีออกจากคฤหาสน์ไปจริง ๆ เพราะคิดว่านางจะต้องถูกซูอันเปิดโปงแน่นอน
“ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น? เจ้าช่วยอธิบายทุกอย่างให้ชัดเจนสักหน่อยจะได้ไหม?” ฉินว่านหรู นั่งลงข้างเตียงพร้อมกับถามซูอันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ซูอัน อธิบายทุกอย่างแบบคร่าว ๆ ถึงสิ่งที่เขาเคยประสบมาก่อนหน้านี้ และแน่นอนว่าเขา ไม่ลืมที่จะปกปิดรายละเอียดบางอย่างที่เกี่ยวกับความลับของเขาเอง
คิ้วบนหน้าผากของ ฉินว่านหรู ขมวดเข้าหากันแน่นยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ทางด้านของ ฉู่เทียนเซิง เองก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ทำไมเรื่องของเจ้ามันฟังดูไร้สาระแบบนี้ ถ้าเสวี่ยเอ๋อร์ตั้งใจจะฆ่าเจ้าจริง ๆ เจ้าที่เป็นแค่ขย… แค่ก ๆ ข้าหมายถึงเจ้าจะเอาตัวรอดมาได้ยังไง?”
ซูอัน จ้องเขม็งไปที่ ฉู่จงเทียน อย่างรวดเร็วพร้อมกับสงสัยว่า ฉู่เทียนเซิง เป็นผู้บงการเบื้องหลังของ เสวี่ยเอ๋อร์ รึเปล่า? แต่ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ฉู่จงเทียน ก็คงเป็นคน ที่โง่มากที่พูดแทนเสวี่ยเอ๋อร์ในเวลาแบบนี้
ฉู่ฮวนเจา ลุกขึ้นยืนทันทีและพูดแทนซูอันด้วยสีหน้าไม่พอใจ “พี่เขยของข้ามีความสามารถมากกว่าที่พวกท่านทุกคนคิด! เขาสามารถรับแส้คร่ำครวญของข้าได้หลายครั้งโดยไม่มีแม้แต่ จะปริปากร้อง แถมก่อนหน้านี้เขายังสามารถสยบไอ้พวกกลุ่มนักศึกษาที่มีระดับการบ่มเพาะระดับ 3และ 5 ได้ตั้งมากมายที่สถาบัน!”
แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อคำพูดของ ฉู่ฮวนเจา เลยสักคน คำพูดของนางมันฟังดูไร้สาระเกินไป มันอาจดูน่าเชื่อกว่านี้หากนางจะพูดว่า ซูอัน สามารถเอาตัวรอดได้จากผู้บ่มเพาะระดับ 3 แต่เมื่อครู่นางกลับผู้ถึงผู้บ่มเพาะระดับ 5 ด้วย!
ฉู่เยว่พั่ว ผู้นำตระกูลสาขา 3 ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น “หลานเจา เจ้าพูดแทนเขา จนออกนอกหน้ามากเกินไปแล้ว! คนอย่างเขาจะไปมีความสามารถถึงขนาดจัดการกับผู้บ่มเพาะระดับ 5 ได้อย่างไร? เจ้าจะพูดอะไรก็ให้มันน้อย ๆ หน่อยจะดีกว่าไหม?”
ฉู่เทียนเซิง ผู้นำตระกูลสาขา 2 พยักหน้าเห็นด้วย “ถูกต้อง ฮวนเจา ก่อนหน้านี้ข้าสังเกตเห็นว่าเจ้าพูดเพื่อ ซูอัน มาหลายครั้งแล้ว ซึ่งมันทำให้ข้าคิดว่านับจากนี้เจ้าควรจะรักษาระยะห่างจากเขาบ้างสักหน่อย ไม่เช่นนั้นมันอาจจะไปกระตุ้นข่าวลือ ที่ชาวทั่วไปเขาคิดกันว่าเจ้าสองคนร่วมเตียงกันในคืนวิวาห์…”
ฉินว่านหรู จ้องเขม็งไปที่ ฉู่เทียนเซิง ทันทีและตะโกนว่า “ระวังปากของเจ้า! คำพูดเช่นนี้เป็นสิ่งที่ควรออกมาจากปากของผู้ที่อาวุโสกว่าอย่างเจ้าได้ยังไง? นางยังเด็กและการที่นางพูดเพื่อ ซูอัน เช่นนี้ก็เพราะนางเห็นว่าซูอันก็เป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลเหมือนกันเท่านั้น อย่าพยายามบิดเบือนคำพูดของนางด้วยจิตใจที่สกปรกของเจ้า!”
ฉู่เทียนเซิง เบือนหน้าหนีทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจพร้อมกับพึมพำขึ้นเบา ๆ “ข้าแค่กังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงของตระกูลเราก็เท่านั้น…”
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า ฉินว่านหรู จะไม่ชอบคำพูดของ ฉู่เทียนเซิง แต่นางก็ต้องยอมรับว่าคำพูดของเขามันก็มีเหตุผลอยู่บ้างเช่นกัน พักหลัง ๆ มานี้ ฮวนเจา ใกล้ชิดกับ ซูอัน มากเกินไปจริง ๆ
นางคงไม่ได้ตกหลุมรักไอ้คนไร้ค่าพรรค์นี้ใช่ไหม?
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของ ฉินว่านหรู นางก็ส่ายหัวปฏิเสธอย่างรวดเร็ว มันจะเป็น ไปได้อย่างไร? คนอย่าง ซูอัน จะไปมีคุณสมบัติพอที่จะชนะใจผู้หญิงคนไหนได้ยังไง? ไม่ต้องพูดถึง ฮวนเจา ที่เป็นคนหัวดื้อแบบนี้
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า ฉินว่านหรู จะรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองคนจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้ไกลขนาดนั้น นางก็ยังคิดว่านับจากนี้นางควรหาเวลาพูดคุยกับลูกสาวคนรองของนางเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อแยกให้พวกเขาเว้นระยะห่างออกจากกันสักหน่อย “จากสิ่งที่ ซูอัน อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ เสวี่ยเอ๋อร์ น่าจะเป็นผู้บ่มเพาะธาตุไม้ระดับ 5” ฉู่จงเทียน ตรวจสอบรอยบนผนังก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ธาตุไม้?
“ระดับ 5 ?” ผู้คนที่อยู่ในห้องต่างส่งเสียงอื้ออึง
ไม่มีใครเคยนึกว่าสาวใช้ที่บอบบางและชอบกินเมล็ดแตงโมเป็นชีวิตจิตใจแบบนั้น แท้จริงแล้วจะเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 5 !
“คนอย่างเขาจะไปมีชีวิตอยู่ได้ยังไงถ้าผู้บ่มเพาะระดับ 5 ต้องการให้เขาตาย?” ฉู่เทียนเซิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก
ทุกคนในห้องต่างก็มีคำถามเช่นนี้ในใจเช่นกัน เมื่อเห็นว่าสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เขา ซูอันจึงตอบช้า ๆ “มันเป็นเพราะข้าโชคดีต่างหาก ในระหว่างที่นางกำลังจะสังหารข้าจู่ ๆ นางก็ทรุดลงไปที่พื้นพร้อมกับพูดร้องโอดโอยว่าเจ็บท้อง ไม่อย่างนั้นข้าคงตายไปแล้วจริง ๆ ”
เจ็บท้อง!?
ทุกคนตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำอธิบายที่ไร้สาระได้ขนาดนี้ ต้องรู้เอาไว้ว่านั่นคือผู้บ่มเพาะระดับ 5 ซึ่งมีความอดทนเหนือกว่ามนุษย์ปกติทั่วไปหลายพันเท่าดังนั้นมันจะเป็น ไปได้ยังไงอาการปวดท้องจะสามารถส่งผลให้ เสวี่ยวเอ๋อร์ ล้มเหลวในการฆ่าซูอันได้อย่างฉิวเฉียดแบบนี้
สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสงสัย ยกเว้นของ ฉู่ชูเหยียน “ข้าไม่คิดว่าเขาโกหก”
ผู้คนในห้องต่างหันไปจ้องนางทันทีราวกับว่ากำลังมองดูคนเสียสติ
ฉินว่านหรู ขมวดคิ้วสงสัยว่าลูกสาวของนางกำลังมีใจให้กับ ซูอัน หรืออย่างไรถึงได้พูดขึ้นให้เขาแบบนี้?
“อันที่จริงข้ารู้มาได้สักพักแล้วว่า เสวี่ยเอ๋อร์ ไม่ใช่คนธรรมดา ที่ผ่านมาข้าอยู่กับนาง มาตลอดดังนั้นมันคงเลี่ยงไม่ได้ที่นางจะเผลอหลุดอะไรบางอย่างให้ข้าเห็น แต่ข้าเก็บความลับเหล่านั้นมาโดยตลอดเพื่อที่ข้าจะได้ตรวจสอบว่าใครกันที่เป็นคนบงการนางอยู่ แต่สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงต้องมุ่งเป้าไปที่ ซูอัน ขนาดนี้”
เมื่อพูดจบนางหันมามองอย่างสงสัยที่ ซูอัน
“ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” ซูอัน ตอบกลับทันทีด้วยท่าทีไร้เดียงสา
แน่นอนว่าคำพูดของ ฉู่ชูเหยียน ทำให้ทุกคนที่เหลือประหลาดใจ รวมไปถึงพวกเขายังคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวของ ซูอัน ไปด้วยในตัว อย่างไรก็ตามพวกเขาเองก็รู้สึกใจหายว่าที่ผ่านมาพวกเขาถูกเสวี่ยเอ๋อร์ต้มซะเปื่อยและต่างก็สงสัยว่าใครกันที่เป็นผู้บงการเบื้องหลังของนาง
ฉู่จงเทียน ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่พักใหญ่จากนั้นเขาหันไปหาซูอัน “เจ้าควรพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บก่อน ข้าจะส่งทหารมาเฝ้าที่หน้าประตูเอาไว้สองคนเพื่อปกป้องเจ้า เราไม่สามารถปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อีก”
เมื่อพูดจบ ฉู่จงเทียน สั่งการออกไปทันทีให้ทหารยามของตระกูลจัดเวรยามเฝ้าเรือนของ ซูอันเอาไว้ตลอดเวลา จากนั้นเขาพูดปลอบโยนกับซูอันอีกครู่หนึ่งก่อนที่จะพาทุกคนจากไป
อย่างไรก็ตาม ฉู่ฮวนเจา กลับไม่เต็มใจที่จะจากไป นางยังคงอยากอยู่กับ ซูอัน เพื่อพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในบ่อนและรู้สึกเสียใจที่เขาไม่ได้พานางไปด้วยเพื่อดูเรื่องสนุก
ฉินว่านหรู ซึ่งด้าวขาออกไปจากห้องแล้ว แต่เมื่อนางหันกลับมาและยังเห็นว่า ลูกสาวคนรองของนางยังไม่ยอมออกมา นางขมวดคิ้วอย่างหนักและตะโกนขึ้นทันที “ฮวนเจากลับออกมาเดี๋ยวนี้!”
ท่านยั่วยุ ฉินว่านหรู สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +3…+3… +3…!