เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 146 ทางเลือกการบ่มเพาะ
ซูอัน รู้สึกขบขันกับอารมณ์ร้อนของแม่ยายผู้นี้ กลัวว่าข้าจะขโมยลูกสาวคนรองของนางมากขนาดนี้เลยงั้นเหรอ? ข้าคงดูดีมากสินะ เลยกังวลมากขนาดนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า!
ฉู่ฮวนเจา ลุกขึ้นเดินออกจากข้างเตียงของซูอันด้วยสีหน้าบูดบึ้งปล่อยให้ ฉู่ชูเหยียน เป็นคนสุดท้ายที่เดินออกมาจากห้อง สีหน้าของนางในตอนนี้กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างจนดูเหมือน ไม่สนใจอะไรรอบข้างเลย เมื่อทุกคนไปหมดแล้ว ซูอัน ก็ตรวจสอบคะแนนความโกรธที่เขาได้รับมาทันทีซึ่งตอนนี้มันมีอยู่ 6,929 คะแนน แน่นอนว่าส่วนใหญ่มาจากเสวี่ยเอ๋อร์
เขาไม่ได้รีบร้อนสุ่มรางวัลในตอนนี้ เพราะเรียนรู้จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ว่าด้วยคะแนนเล็กน้อยแค่นี้เขาคงไม่มีทางได้รับอะไรดี ๆ มาแน่นอนมันจะเป็นการดีที่สุดที่เขาจะรอให้คะแนนของตัวเองเยอะมากกว่านี้แล้วค่อยสุ่มรางวัลทีเดียว
แต่แล้วในระหว่างที่เขากำลังคิดถึงเรื่องราวมากมายที่เพิ่งเกิดขึ้นและหาทางรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เส้นใยสุขสันต์ ที่ตอนนี้เขาใช้งานมันได้ยากลำบากขึ้นกว่าเดิมมากเพราะเขาดันเป็นคนรวยไปแล้ว รวมไปถึง สายตา เจ็บ-จน-ทรุด ที่เขาเพิ่งใช้ไปซึ่งมันทำให้เขารู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก จู่ ๆ กลับมีเงาหนึ่งปรากฏขึ้นข้างเตียงของเขา ส่งผลให้ซูอันตกใจสะดุ้งอย่างแรงจนเก็บเสียท่า แต่เมื่อเขามองดูดี ๆ เขาก็พบว่าเป็น มี่เหลียนอิ๋น นี่เองที่มาหา
“ผู้อาวุโส ขืนท่านยังคงปรากฏตัวแบบนี้ต่อไป สักวันข้าคงตายเพราะหัวใจวายแน่ ๆ !” ในขณะที่ ซูอัน บ่นพึมพำ เขาก็เหลือบมองไปที่ด้านนอกประตูด้วยสายตางุนงง ฉู่จงเทียนจัดทหารยามเฝ้าหน้าประตูเอาไว้แล้วนี่นา ทำไม มี่เหลียนอิ๋น ถึงยังสามารถเข้ามาหาเขาได้ง่ายขนาดนี้?
“ไม่ต้องไปมองไอ้พวกเด็กเหล่านั้นหรอก พวกมันไม่มีทางสัมผัสได้ถึงตัวตนของข้า ได้แน่นอนหากข้าไม่อนุญาต” มี่เหลียนอิ๋น เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยาม
เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของ ซูอัน เปลี่ยนเป็นขมขื่นทันที “ดูเหมือนว่า คฤหาสน์ตระกูลฉู่ไม่ได้วิเศษวิโสเหมือนอย่างที่เขาร่ำลือกันสักเท่าไหร่ ผู้คนข้างนอกต่างพูดกันเสมอว่าทหารยามของ ตระกูลฉู่แต่ละคนล้วนแล้วแต่ถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนว่าทั้งหมดเป็นเพียงคำกล่าวอ้างโอ้อวดเท่านั้น”
มี่เหลียนอิ๋น หัวเราะเบา ๆ กับเสียงบ่นของซูอัน “เจ้าไม่จำเป็นต้องทำหน้าผิดหวัง ขนาดนั้นหรอก แค่พวกเขาไม่สามารถหยุดข้าได้มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญกับผู้บุกรุกคนอื่น ๆ ถ้าเทียบกับทหารปกติทั่วไปแล้ว ทหารยามของตระกูลฉู่นั้นนับได้ว่าเหนือกว่าระดับหนึ่ง ทหารเหล่านี้เพียงพอที่จะรับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับหนึ่งจากภัยคุกคามที่มีอยู่ในเมืองจันทร์กระจ่าง ต่อให้หลังจากนี้ เสวี่ยเอ๋อร์ จะกลับมา นางจะไม่สามารถทำร้ายเจ้าได้ง่าย ๆ แบบนี้อีกแล้วตราบใดเท่าที่เจ้าอยู่ภายใต้การคุ้มครองของทหารยามพวกนี้ อย่างน้อย ๆ ทหารยามพวกนี้ก็เพียงพอที่จะซื้อเวลาให้กำลังเสริมที่มีอยู่ในคฤหาสน์มาถึงได้ทัน”
ซูอัน ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินแบบนี้ อย่างน้อย ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกกับการรั้งที่จะอยู่ในตระกูลฉู่ต่อไป
“เฮ้อ แต่เมื่อวานมันก็เป็นความผิดของข้าเองด้วยเช่นกันที่ประมาทเกินไป ข้าเองไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ข้าจากไป เอาเป็นว่าหลังจากนี้เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่าเดิม อย่าพยายามไปสร้างศัตรูให้มันมากมายนักที่ข้างนอก” มี่เหลียนอิ๋น เอ่ยสั่งขึ้นด้วย สีหน้าจริงจัง
ซูอัน รู้สึกอบอุ่นในหัวใจเล็กน้อยที่เห็นว่า มี่เหลียนอิ๋นกังวลเรื่องความปลอดภัยของเขา “ขอบคุณผู้อาวุโสจริง ๆ ที่เป็นห่วงข้า ข้ารับประกัน ว่าข้าจะระวังให้มากขึ้นในอนาคต”
มี่เหลียนอิ๋นพยักหน้าตอบและยื่นมือมาแตะข้อมือซูอันเพื่อตรวจสอบชีพจรของเขาดู “อาการบาดเจ็บของเจ้านับว่ามีไม่น้อย แต่โชคดีที่เจ้าได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจนไม่มีความเสียหายถาวรใด ๆ เกิดขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าระดับการบ่มเพาะของเจ้าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่ปะทะกับสาวใช้คนนั้นไป”
ก่อนหน้านี้ ซูอัน ลืมเรื่องการตรวจสอบระดับการบ่มเพาะของตัวไปซะสนิท เมื่อได้ยิน มี่เหลียนอิ๋นเอ่ยเช่นนี้เขาจึงรีบตรวจสอบระดับการบ่มเพาะของตัวเองทันทีซึ่งก็พบว่าตอนนี้อักขระตัวที่สองของรูปแบบที่ 3 เต็มไปเรียบร้อยแล้ว และอักขระตัวที่ 3 ก็ถูกของเหลวสีทองเติมไปแล้ว 1 ใน 3 ส่วน ซึ่งมันหมายความว่าระดับการบ่มเพาะของเขาตอนนี้อยู่ในระดับ 3 ขั้น 3
หากเป็นการเพิ่มระดับด้วยการกินผลไม้พลังชี่ เขายังต้องกินผลไม้พลังชี่อีก 58 ลูกเพื่อเติมเต็มอักรขระที่สองให้เต็ม ส่วนอักขระตัวที่ 3 เขาจะต้องใช้อีก 144 ลูก ซึ่งนั่นเท่ากับ 150,000 คะแนนความโกรธหรือมากกว่านั้น
จนถึงตอนนี้ จำนวนคะแนนสูงสุดที่เขาได้รับจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งคือประมาณ 60,000 ถึง 70,000 คะแนนความโกรธ และคะแนนระดับนี่คือเขาต้องยั่วยุคนเป็นจำนวนมาก ๆ พร้อมกันอีกต่างหาก ซึ่งโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นมันก็ไม่ได้มีบ่อย ๆ
ในทางกลับกัน แค่การที่เขาสู้กับเสวี่ยเอ๋อร์เพียงแค่ครู่เดียวมันกลับทำให้ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับการกินผลไม้พลังชี่ ไปประมาณ80ผล หรือเทียบเท่ากับคะแนน ความโกรธประมาณ 80,000 คะแนน ซึ่งมันมากกว่าจำนวนคะแนนความโกรธที่เขาได้รับจากเหตุการณ์ใหญ่ก่อหน้านี้ซะอีก
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าการต่อสู้จะทำให้เขาเพิ่มระดับการบ่มเพาะได้รวดเร็วกว่า แต่ก็อันตรายเกินไปอยู่ดี มันไม่ต่างอะไรกับการที่เขาเดินไต่เชือกเส้นบาง ๆ ข้ามหุบเหว มันอันตรายเกินไป! หากเขาประมาทเพียงแค่นิดเดียวมันจะหมายถึงว่าเขาต้องตายในทันที!
นี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่วิดีโอเกม เขาไม่สามารถเซฟและโหลดเกมใหม่ได้หากเขาตายไป การพึ่งพาเคล็ดวิชาวัฏจักรหงส์อมตะเพื่อยกระดับการบ่มเพาะนั้นควรเป็นทางเลือกท้าย ๆ ที่เขาควรจะเลือกใช้
มี่เหลียนอิ๋น ให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับ ซูอัน อีกพักหนึ่งก่อนที่จะเดินหายออกจากห้องไปแบบเป็นปริศนา ซูอัน พยายามจับจ้องชายชราอยู่ตลอดเวลาว่าเขาจะเดินออกไปได้ยังไง แต่แล้วจู่ ๆ พอเขากะพริบตาร่างของมี่เหลียนอิ๋นก็หายไปแล้วอย่างน่าฉงน ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอัน ก็ยิ่งรู้สึกทั้งเลื่อมใสและหวาดกลัวชายชราผู้เป็นปริศนาผู้นี้ในเวลาเดียวกัน
จากนั้นเมื่อ ซูอัน ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในห้องอีกครั้ง เขาก็หันกลับมาให้ความสนใจกับประสบการณ์การต่อสู้ล่าสุดที่เขาเพิ่งเผชิญมา
…
ในขณะเดียวกัน ในห้อง ๆ หนึ่งของเรือนหลังเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้จากคฤหาสน์ตระกูลฉู่ ค่ำคืนอันเงียบสงบก็ถูกทำลายด้วยเสียงของถ้วยน้ำชาที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ บนพื้น
ร่างของหญิงสาวหน้าตาสะสวยนางหนึ่งกำลังกลิ้งไปมาบนเตียงพลางจิกผ้าห่มของตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวดและอาฆาต “ซูอัน ข้าสาบานว่าข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้!”
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเสวี่ยเอ๋อร์
นางไม่กล้ากลับไปที่ห้องของนางในคฤหาสน์ตระกูลฉู่เพราะ รู้ดีว่าการกระทำของนางใน คืนนี้ทำให้สมาชิกของตระกูลฉู่รู้ตัวแล้วแน่ ๆ ว่านางมีจุดประสงค์อื่นในการเข้าไปเป็นสาวใช้ของ ฉู่ชูเหยียน ท้ายที่สุดนางจึงตัดสินใจหนีมาที่พักฉุกเฉินที่นางเคยได้เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแทน
ในตอนแรกนางมั่นใจเป็นอย่างมากว่าการลอบสังหารจะต้องเสร็จสมบูรณ์อย่างราบรื่นแน่นอน ทว่าไอ้ขยะผู้นั้นกลับสามารถเอาชนะนางได้! ไอ้สารเลวนั่นใช้เวทมนตร์อะไรกับข้ากันมันถึงได้เจ็บปวดทรมานจนทนไม่ได้ขนาดนี้!?
อันที่จริงอีกครึ่งหนึ่งนางก็ยังสงสัยว่า อาการเจ็บปวดที่นางเผชิญอยู่ตอนนี้มันเป็นไปได้ไหมว่ามันเกิดขึ้นจากอาการบาดเจ็บแอบแฝงเรื้อรังที่อยู่ในร่างกายของนางมานานแล้ว แล้วเพิ่งปะทุเอาตอนนี้? มันยากที่จะเชื่อว่า ไอ้ขยะนั้นจะมีความสามารถถึงขนาดในการทำให้นางเจ็บปวด ถึงระดับนี้ได้
แต่ถึงอย่างนั้น มันยังมีอีกอย่างที่ทำให้นางรู้สึกทรมานมากกว่าอาการเจ็บปวดในตอนนี้ ที่นางได้รับซึ่งก็คือความจริงที่ว่าตอนนี้นางล้มเหลวในภารกิจอย่างสิ้นเชิง นางมั่นใจว่าตอนนี้ตัวตนของนางในฐานะสายลับ ถูกเปิดเผยเรียบร้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้นางใช้ความพยายามอย่างเหลือเชื่อกว่าจะแทรกซึมเข้าไปในตระกูลฉู่ได้ แต่ตอนนี้นางกลับล้มเหลวในภารกิจของนางเพียงเพราะมดเพียงตัวเดียว ความคับข้องใจกับเหตุการณ์ที่พลิกผันเช่นนี้มันทำให้นางรู้สึกอยากจะคลั่ง
แต่แล้วหลังจากดิ้นทุรนทุรายบนเตียงไปอีกไม่นานนัก ความเจ็บปวดรวดร้าวที่แทบจะทนไม่ได้จู่ ๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ความเจ็บปวดที่หายไปไม่ใช่การลดลงทีละน้อย แต่กลับหายเป็นปลิดทิ้งในคราเดียว
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เสวี่ยเอ๋อร์กำลังบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด แต่ในวินาทีต่อมา ความเจ็บปวดทั้งหมดนั้นก็หายไปจนน่าอัศจรรย์
ตอนแรกนางคิดว่ามันเป็นเพียงอาการหลอนจากความเจ็บปวดเหลือคณา แต่เมื่อความเจ็บปวดนั้นไม่หวนกลับมาหลังจากเวลาผ่านไป นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
ว่าแต่นั่นมันบ้าอะไรกัน?
เสวี่ยเอ๋อร์ลุกขึ้นจากเตียงของนางและเช็ดเหงื่อที่ไหลอาบหน้าของนาง นางรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างไม่น่าเชื่อ และเสื้อผ้าของตนก็เปียกโชกไปหมด
หญิงสาวรีบเดินไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาเปลี่ยนและตั้งเป้าเอาไว้ว่าพรุ่งนี้เช้านางจะต้องรีบไปหาหมอทันทีเพื่อตรวจร่างกายอย่างถี่ถ้วน เผื่อเอาไว้ในกรณีที่นางอาจป่วยด้วยโรคแปลก ๆ ขึ้นมาจริง ๆ
หญิงสาวยังคงไม่เข้านอนเพราะตอนนี้นางยังมีอีกเรื่องสำคัญที่ต้องดูแล ดังนั้นหลังจากนางเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงรีบรุดออกจากที่พักทันที
…
ในสาขาใหญ่ของสำนักดอกบ๊วย ดวงตาของ เหมยเชาฟง เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงหลังจากฟังเรื่องราวของเสวี่ยเอ๋อร์ “อะไรนะ!? การลอบสังหารล้มเหลวทั้ง ๆ ที่เจ้าเป็นคน ลงมือเอง???”