เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 157 หาพยาน
ซูอัน เหลือบไปมอง เว่ยสั่ว และแอบยกนิ้วโป้งให้ เมื่อครู่เขายังคิดอยู่เลยว่าจะเตือนเว่ยสั่วให้ปฏิเสธข้อกล่าวหาไปทุกอย่าง แต่ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้กลับอ่านสถานการณ์ได้ดี ไอ้เด็กน้อย เจ้านี่ไม่เลวเลย!
“ข้า…” หยางเว่ย โกรธมากจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ ไอ้นักศึกษารุ่นนี้มันช่างนอกคอกกว่า รุ่นที่แล้วซะอีก!
โชคดีที่ หยางเว่ย ได้คิดคำพูดตอบโต้เอาไว้เหมือนกัน เหอะ ก็ได้ ในเมื่อเจ้าปฏิเสธเสียงแข็งนัก งั้นเดี๋ยวข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความแตกต่างระหว่างเรา!
หยางเว่ยสูดหายใจลึกเพื่อสงบอารมณ์และพูดว่า “ก็ได้ ในเมื่อเจ้าอ้างว่าเจ้าตั้งใจฟังบทเรียนของข้า ถ้างั้นเจ้าก็ควรคุ้นเคยกับสิ่งที่ข้าเพิ่งสอนไปใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้นักศึกษาคนอื่น ๆ ต่างขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเพราะคิดว่าคำพูดของ หยางเว่ย ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย เลขคณิตไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่นักศึกษาที่มีพรสวรรค์ทางด้านการคำนวณก็ยังพบว่ายากที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงสิ่งที่อาจารย์เพิ่งสอนไป สำหรับพวกเขา เห็นได้ชัดว่า หยางเว่ย กำลังพุ่งเป้าไปที่ ซูอัน ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
ทางด้านของ ซูอัน ก็ตกตะลึงเหมือนกันกับเหตุผลป่วย ๆ ของฝั่งตรงข้าม แต่เขาก็รับการ ท้าทายนี้โดยไม่ลังเล “แน่นอนว่าข้าเข้าใจมันทั้งหมด จริง ๆ แล้วเนื้อหาที่ท่านกำลังสอนมันไม่ได้ยากอะไรสำหรับข้าเลยแม้แต่น้อย”
ถึงแม้ว่าโลกนี้จะมีวิธีการมากมายที่ทำให้คนธรรมดากลายเป็นยอดมนุษย์ แต่ในด้านเนื้อหาทางวิชาการโลกนี้มันกลับล้าหลังโลกที่ ซูอันจากมามาก
เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร? ข้าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ผ่านการสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับชาติมาแล้ว! คำถามเลขคณิตของเจ้ามันไม่ต่างอะไรกับของเล่นสำหรับข้า!
เมื่อได้ยินซูอันตอบกลับเช่นนี้ หยางเว่ย รู้สึกดีใจจนแทบอยากจะกระโดดไปรอบห้อง
หากเจ้าเลือกที่จะปฏิเสธบอกว่ายังไม่เข้าใจ ข้าคงทำได้แค่ลงโทษเจ้าสถานเบา แต่ตอนนี้ ไอ้ความจองหองของเจ้ามันย้อนมาเล่นงานเจ้าเองแล้วไอ้เด็กเวร!
“ดี! นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นนักศึกษาที่หยิ่งผยองแบบเจ้า! ดีมาก งั้นข้าจะคิดคำถามขึ้นมา20 ข้อ ตราบใดที่เจ้าสามารถตอบข้อใดข้อหนึ่งได้อย่างถูกต้อง… ไม่ ไม่ใช่สิ 3 ข้อ ถ้าเจ้าตอบถูก 3 ข้อ ข้าจะเชื่อว่าเจ้าไม่ได้โกหกแบบนี้เจ้าคิดว่ายุติธรรมพอรึยัง?”
หยางเว่ย มั่นใจว่าซูอันจะไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างถูกต้องแม้แต่ข้อเดียวแน่นอน แต่เมื่อเขานึกถึงเหตุการณ์ที่บ่อนโกยเงิน มันก็ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าบางทีซูอันอาจจะโชคดีตอบถูกได้สัก 1 ข้อ ซึ่งมันคงทำให้เขาไม่สามารถอ้างอะไรได้อีกดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนกฎให้เป็นถูก 3 ข้อแทน
เว่ยสั่ว รู้สึกกังวลเป็นอย่างมากว่าสถานการณ์มันจะดำเนินต่อไปอย่างไร
ชั้นเรียนคณิตของ หยางเว่ย นั้นขึ้นชื่อว่ายากแสนจะยากเพราะถ้าเป็นวิชาอื่น นักศึกษา ยังสามารถท่องจำได้ แต่นี่เป็นคณิตศาสตร์ การท่องจำมันไร้ความหมาย ในการสอบครั้งก่อน หยางเว่ย ได้เพิ่มความยากของคำถามและทุกคนก็ลงเอยด้วยความล้มเหลว ดังนั้นเมื่อตอนนี้ หยางเว่ยจงใจเลือก ซูอัน คำถามที่ออกมามันก็น่าจะเป็นอะไรที่ยากระดับนรกซึ่งมันไม่น่าจะมีใคร ที่ตอบได้สักคน
แต่แล้วในขณะที่ เว่ยสั่ว กำลังจะเอ่ยปากเตือนเขา ซูอันกลับตกปากรับคำของ หยางเว่ย อย่างมั่นใจซะนี่ “ข้ายินดีแก้โจทย์ของท่าน ว่าแต่ถ้าข้าตอบคำถามทุกข้อถูกต้องได้หมดข้าจะได้อะไรตอบแทนล่ะ?”
“ตอบคำถามทุกข้อถูกต้องหมด?” หยางเว่ย ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลก “ถ้าเจ้าสามารถแก้ไขทั้งหมดได้ ข้าจะลาออกจากสถาบันและให้เจ้าเข้ารับตำแหน่งแทน!”
ดวงตาของ ซูอันเป็นประกาย “งั้นก็เป็นอันตกลง!”
“ได้!” หยางเว่ย ยิ้มเยาะพลางแอบสงสัยว่าไอ้เด็กนี่มันเสียสติไปแล้วหรือไง?
เจ้าคิดว่าคำถามที่ข้ากำลังจะตั้งให้มันง่ายงั้นเหรอ? ข้าคือผู้ที่หากินกับคณิตศาสตร์ มาหลายสิบปีแล้ว! จากประสบการณ์ของข้า ข้ามั่นใจว่าในมณฑลนี้ไม่มีใครที่เก่งคณิตศาสตร์ มากไปกว่าข้า!
“แต่เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าถ้าเจ้าตอบคำถามถูกไม่ครบ 3 ข้อ เจ้าจะทำอะไรเพื่อชดใช้ความผิด?” หยางเว่ย พยายามหลอกล่อให้ ซูอัน ติดกับ
“เพื่อความเท่าเทียม ในฐานะที่ท่านเต็มใจเอาตำแหน่งอาจารย์มาเสี่ยงงั้นข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน ถ้าข้าไม่สามารถตอบคำถามสามข้อได้อย่างถูกต้อง ข้าจะออกจากสถาบันแห่งนี้ ด้วยตัวเอง” ซูอัน ตอบกลับอย่างมั่นใจ
หยางเว่ย รู้สึกอิ่มเอิบทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้ากระโดดตรงเข้ามาในกับดักของข้าพอดีเป๊ะเลย! ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าเป็นเช่นนี้เจ้าจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเจ้าเอง!
ความขัดแย้งที่ตึงเครียดระหว่าง หยางเว่ย และ ซูอัน ทำให้บรรดานักศึกษาของชั้นเรียน สีเหลืองแสดงสีหน้าตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นโลกไหน ๆ ทุกคนต่างก็ชอบความโกลาหลทั้งนั้น นอกจากนี้แทบไม่มีนักศึกษาในชั้นเรียนสีเหลืองคนไหนที่สนใจเรื่องการศึกษาจริง ๆ สำหรับพวกเขาการพนันและดูเรื่องวุ่นวายนั้นน่าสนุกกว่ามาก
หยางเว่ย รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับบรรยากาศในห้องเรียนตอนนี้ที่มันดูโหวกเหวกโวยวาย ไม่ต่างอะไรกับตลาดสด แต่เมื่อคิดว่าเขาควรให้ความสำคัญกับการจัดการกับซูอันก่อน เป็นอันดับแรก เขาจึงตัดสินใจที่จะอดทนกับมัน “ในเมื่อทั้งเจ้าและข้าตกลงกันได้แบบนี้แล้ว งั้นก็ให้นักศึกษาทั้งหมดที่นี่เป็นพยานก็แล้วกันเผื่อเอาไว้ว่าจะมีใครถอนคำพูดในตอนท้าย”
ซูอัน ส่ายหัวแล้วยกมือขึ้น “ช้าก่อน ๆ ”
“ทำไม? ตอนนี้เจ้ากลัวงั้นเหรอ?” หยางเว่ย ถามขึ้นด้วยสีหน้ามืดหม่น เขากังวลว่า ซูอัน จะพลิกลิ้นไม่เล่นตามเกมของเขา
“กลัว?” ซูอัน ระเบิดเสียงหัวเราะ “เปล่าเลย ๆ ข้าแค่ต้องการหาพยานเพิ่มเติมในการเดิมพันของเรา”
หยางเว่ย ชี้ไปที่นักศึกษารอบ ๆ และถามกลับทันที “คนเหล่านี้ไม่เพียงพอสำหรับเจ้าหรือ?”
“ไม่พอแน่นอน!” ซูอัน ตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “พยานเหล่านี้มันคงเพียงพอหากท่านชนะ แต่ในทางกลับกันถ้าเป็นข้าที่ชนะ ข้าเกรงว่าแค่เสียงของพวกนักศึกษาพวกนี้คงไม่พอที่จะทำให้เจ้าทำตามสัญญาได้ ไม่ว่าจะยังไงข้าก็อยู่ตำแหน่งที่เสียเปรียบกว่าที่นี่”
“เจ้ากำลังบอกว่าข้าจะแพ้งั้นหรือ?” หยางเว่ย ตวาดกลับด้วยความโกรธ
ถึงแม้ว่าเขาเองจะไม่ได้โดดเด่นในเรื่องการบ่มเพาะ แต่ถ้าหากเป็นในด้านคณิตศาสตร์ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาตั้งคำถามถึงความสามารถของเขาในด้านนี้แน่นอน
“ไม่มีอะไรแน่นอนในโลกนี้ แต่ถ้าหากท่านไม่ยอมให้มีพยานคนอื่น ๆ อีก ข้าก็คงไม่อาจพนันกับท่านได้ต่อ” ซูอัน ยักไหล่ก่อนจะลุกขึ้นแสดงท่าทางเตรียมจากไป
หยางเว่ย รู้สึกตื่นตระหนกทันทีเมื่อเขาเห็นว่า ซูอัน กำลังจะถอนตัว มันไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะหลอกล่อให้ฝั่งตรงข้ามหลวมตัวมาถึงจุดนี้ซึ่งใกล้จะตกเป็นเหยื่อของเขาแล้ว มันไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ ซูอัน เดินออกไปแบบง่าย ๆ แน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยางเว่ย จึงรีบตอบตกลงทันที “ก็ได้ ๆ งั้นให้อาจารย์คนอื่นมาเป็นพยาน ในเรื่องระหว่างเราก็ได้ แต่ข้าบอกเอาไว้ก่อนว่า ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครจะเต็มใจสละเวลามาเป็นพยานให้กับเจ้า”
หยางเว่ย ตั้งใจที่จะนำอาจารย์บางคนที่เขาสนิทด้วยมาเป้นพยาน แต่ในขณะนั้นเองเสียง ที่ฟังแล้วสามารถหลอมใจชายหนุ่มได้ทุกคนก็ดังขึ้นที่ประตู “ข้ายินดีที่จะเป็นพยานในการเดิมพันครั้งนี้”
เสียงที่ไพเราะจับความสนใจของฝูงชนในทันที และทุกคนก็หันไปมองที่ประตูอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ห้องเรียนที่มีแต่เสียงโหวกเหวกเมื่อครู่เงียบลงราวกับป่าช้า
ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเอนกายอย่างเกียจคร้านพิงข้างประตู ผิวของนางเรียบเนียนราวกับหยก ทั้งใบหน้าและริมฝีปากดูเข้ากันราวกับผลงานชิ้นเอกของพระเจ้า ชุดของนางพลิ้วไหวไปตาม สายลมอ่อน ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันถูกถักขึ้นมาจากไหมราคาสูงลิ่ว ทรวดทรงของนางไร้ที่ติราวกับเทพธิดาในนิยาย ความสมบูรณ์แบบทุกอย่างของนางมันทำให้แม้เพียงท่าทางเอนกายพิงประตูอย่างสบาย ๆ นางก็ยังดูสวยงามไม่แพ้ใครในปฐพี
“อ… อาจารย์ซาง!”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ นักศึกษาคนหนึ่งก็อุทานขึ้นทำลายบรรยากาศที่เงียบเชียบและต่อมาเสียงโห่ร้องก็ดังก้องไปทั่วห้อง
แม้แต่ หยางเว่ย ก็ยังหายใจถี่แรงเมื่อได้เจอสุดยอดสาวงามอันดับ 3 !
อันที่จริง เขาไม่เต็มใจที่จะสอนที่สถาบันตั้งแต่เริ่มต้น แค่งานของเขาที่กรมกิจการพลเรือน ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขายุ่งจนแทบไม่มีส่วนตัว ถ้าไม่ใช่เพราะกฎของราชสำนักที่กำหนดให้เขาต้องเป็นอาจารย์ด้วย เขาก็คงไม่มีทางรับงานสอนเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมพวกนี้
ถึงกระนั้นครั้งแรกที่เขามาถึงสถาบันเขาก็ได้เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ และในทันใดเขาก็รู้สึกว่างานนี้ไม่แย่อีกต่อไป เขากลับกลายเป็นคนที่อยากอยู่สอนที่นี่ไปตลอดเพื่อที่จะได้มีโอกาสเห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้ไปเรื่อย ๆ
ในเวลาเดียวกัน ซูอัน ก็รู้สึกประหลาดใจกับการที่จู่ ๆ ซางหลิวอวี้ ปรากฏตัวขึ้น เขาเคยพบผู้หญิงคนนี้มาก่อนจริง ๆ ซึ่งนางก็คือคนเดียวกับที่เขาเคยเจอที่ศาลาด้านนอกสถาบัน
ในตอนนั้นเขาถามชื่อผู้หญิงคนนั้นเช่นกัน แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธที่จะบอกเขา โดยบอกว่าพวกเขาจะได้พบกันอีกหากโชคชะตานำพา
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เขาคิดว่านางแค่ปฏิเสธเขา คนแปลกหน้าสองคนจะพบกันอีกครั้ง ในโลกอันกว้างใหญ่นี้ง่าย ๆ ได้อย่างไร? แต่เมื่อทบทวนดี ๆ แล้ว เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งคงน่าจะ รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นนักศึกษาของสถาบันจันทร์กระจ่าง และพวกเขาจะได้พบกันอีกอย่างแน่นอน