เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 174 จมูกเป็นเลิศ
บทที่ 174 จมูกเป็นเลิศ
ซูอัน ตกตะลึงอึ้งไปพักใหญ่ นี่น้องภรรยาของเขาเป็นสุนัขหรือไง? ทำไมนางถึงจมูกดีอะไรขนาดนี้?
ด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขายกแขนขึ้นและพยายามดมกลิ่นตัวเอง และนั่นมันก็ทำให้เขาเข้าใจว่าในตอนนี้บนร่างของเขามีกลิ่นหอมจาง ๆ จริง ๆ แต่ผู้หญิงทุกคนก็น่าจะใช้น้ำหอม แบบเดียวกันไม่ใช่หรือ? น้องภรรยาของเขาบอกความแตกต่างของมันได้ยังไงกัน!
ฉู่ฮวนเจา เอื้อมมือไปคว้าหูของ ซูอัน อย่างไม่ลังเล “พูดมา! เมื่อครู่ เจิ้งตาน มาหาท่าน ใช่ไหม? ท่านทำอะไรกับเจิ้งตาน? ท่านทำให้ข้า…แค่ก ๆ ข้าหมายถึงพี่สาวของข้าผิดหวังใช่ไหม!”
“โอ๊ย ๆ ปล่อย ปล่อย!!” มันเจ็บจนแทบน้ำตาจะไหล ซูอัน ที่เคยคิดว่าน้องภรรยาของเขากลายเป็นคนอ่อนโยนและเป็นมิตรมากขึ้นต่อเขาแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่านางยังคงเป็น ทีเร็กซ์เหมือนเดิมซะงั้น! “ข้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย! กลิ่นนี้น่าจะมาจากเมื่อตอนเช้าตอนที่นาง ตกลงมาจากรถม้าแล้วบังเอิญหล่นมาทับตัวข้าต่างหาก!”
เหตุการณ์นี้ของพวกเขาดึงดูดความสนใจของนักศึกษาที่ผ่านไปมาทันที จนฝูงชนเริ่มซุบซิบนินทากันอย่างเมามัน
“โธ่ ข้าก็หลงนึกไปว่าสถานะของ ซูอัน จะดีขึ้นมาเล็กน้อยจากการที่ตอนนี้เขามีตำแหน่ง เป็นอาจารย์ของสถาบัน แต่ดูเหมือนว่าสถานะของเขาก็ยังต่ำที่สุดในตระกูลฉู่อยู่ดีสินะ”
“ก็คงเป็นงั้น ดูสิขนาดโดนบิดหูขนาดนั้นเขายังไม่กล้าตอบโต้ ฉู่ฮวนเจา กลับเลย”
“เฮ้อ…เนี่ยแหละนะชีวิตของเขยที่แต่งเข้าตระกูลใหญ่ น่าอนาถดีจริง ๆ ถ้าเป็นข้า ข้ายอมแต่งกับสาวชาวบ้านดีกว่าหากต้องโดนกดขี่แบบนี้…”
“ถุย! ใครเชื่อเจ้าก็โง่แล้ว ได้มีภรรยาที่งดงามเหมือนคุณหนูฉู่ชูเหยียน แถมยังมีภรรยา ที่น่ารักขนาดนี้ ต่อให้ต้องโดนเฆี่ยนทุกวันข้าก็เชื่อว่าเจ้ายอม!”
“บ้าเอ๊ย! เจ้าไปไกล ๆ ข้าเลยไป อย่ามาทำเป็นรู้ทันสิโว๊ย!”
…
ซูอัน แทบจะน้ำตาไหลเมื่อได้ยินคำนินทาของฝูงชน ชื่อเสียงที่เขาอุตส่าห์สร้างสมมามันพังทลายไปหมดแล้ว บ้าเอ๊ยย!
“ท่านพูดจริงนะ?” ฉู่ฮวนเจา เริ่มรู้สึกลังเลว่าจะปล่อยหูของ ซูอัน ดีหรือไม่ด้วยความลังเลนางโน้มตัวมาข้างหน้าเพื่อดมกลิ่นของเขาอีกครั้ง ซึ่งมันก็ทำให้ความสงสัยในหัวของนางยังไม่หมดไป “ในโลกนี้มีกลิ่นหอมที่ติดทนนานขนาดนี้เลยหรือไง?”
ซูอัน รีบตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ข..ข้า เรื่องนั้นข้าจะรู้ได้ยังไง?”
ฉู่ฮวนเจา ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะปล่อยหูของเขาให้เป็นอิสระและถอยออกมาพร้อมกับสีหน้าอันเยือกเย็น “ฮึ่ม! มันก็เป็นไปได้เหมือนกันที่กลิ่นของนางจิ้งจอกนั่นจะอยู่นานกว่าคนปกติเหมือนกับความไร้ยางอายของหล่อน!”
“…” ซูอัน ขมวดคิ้วกับการเลือกคำศัพท์ของน้องภรรยาตัวเอง “นี่เจ้าไปสรรหาคำพูดหยาบคายแบบนี้มาจากไหน? เจ้ารู้หรือเปล่าว่าการที่เจ้าพูดคำแบบนี้บ่อย ๆ มันทำให้ตัวเจ้าดูไม่ดี ในสายตาของคนอื่น!”
“ทำไม? ท่านเจ็บใจมากนักหรือที่ข้าดูถูกนางจิ้งจอกเจิ้งตานนั่น?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ท่าทีของ ฉู่ฮวนเจา เปลี่ยนจากน้องภรรยาที่แสนใจดีกลายเป็นปีศาจสาวตัวน้อยไปอีกรอบ “พี่สาวของข้า ไม่ค่อยมีเวลามาสถาบันสักเท่าไหร่ ดังนั้นข้าจำเป็นต้องเป็นตัวแทนพี่สาว ของข้าคอยจับตาดูท่านเอาไว้แทน ไม่เช่นนั้นคนอย่างท่านคงมีแต่ทำให้พี่สาวของข้าผิดหวังอยู่ทุกวัน!” “ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ! เจ้าหยุดใส่ร้ายข้าสักทีจะได้ไหม” ตอนนี้ ซูอัน อยากจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ เขาอยากจะตอบโกนตอบกลับไปว่า ต่อให้ข้าต้องการจะนอกลู่นอกทางแค่ไหนก็ตาม แต่สภาพปัจจุบันของข้ามันไม่อำนวยเลยสักนิด ข้าจะทำแบบนั้นได้ยังไง!
บัดซบเอ๊ย! ข้าต้องตามหาไอ้ดอกบัวเวรนั่นให้เจอโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าข้าจะต้องแลกด้วย อะไรก็ตาม!
“เอาเป็นว่ารอบนี้ข้าจะเชื่อท่านไปก่อนก็แล้วกัน!” ฉู่ฮวนเจา พ่นลมหายใจด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนที่นางจะใช้น้ำเสียงตามแบบน้องภรรยาที่แสนดีเหมือนเดิม “พี่เขย ข้าไม่ได้อยากจะทำให้พี่ลำบากใจกับเรื่องนี้จริง ๆ แต่ท่านควรจะรู้ว่าพี่สาวของข้าเป็นนางในฝันของผู้ชายแทบทุกคน ดังนั้นมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้หญิงคนอื่นจะริษยาพี่สาวของข้าและอยากเอาชนะซึ่งเจิ้งตานก็เป็นหนึ่งในนั้น ท่านอย่าได้หลงกลรูปร่างหน้าตาและท่าทีจอมปลอมของนางเด็ดขาด เหตุผลที่นาง เข้าใกล้ท่านคงไม่มีเรื่องอื่นนอกจากเป็นเพราะนางต้องการพิสูจน์ว่านางเหนือกว่าพี่สาวของข้าเท่านั้นด้วยการขโมยท่านไป”
ซูอัน เบะปากรู้สึกไม่ค่อยพอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “เฮ้! มันอาจจะเป็นเพราะว่านางคิดว่าพี่เขยของเจ้าเป็นผู้ชายที่มากเสน่ห์ก็ได้ไม่ใช่หรือไง!”
ฉู่ฮวนเจา มอง ซูอัน ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะส่ายหัวด้วยสีหน้าระอาใจ และตอบกลับ เพียงสั้น ๆ ว่า “นั่นเป็นไปไม่ได้!”
คำพูดนี้ทำร้ายจิตใจ ซูอัน อย่างแรงจนแสดงสีหน้าหดหู่
บ้าเอ๊ย อย่างน้อย ๆ ก็โกหกเพื่อทำให้ข้ารู้สึกดีสักหน่อยไม่ได้หรือไง?
“เอาน่า ๆ พี่เขยไม่ต้องเสียความมั่นใจไปหรอก อย่างน้อย ๆ ท่านก็ได้พี่สาวของข้า เป็นภรรยาแค่นี้มันยังไม่พอหรือไงจริงไหม?” ฉู่ฮวนเจา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเวทนาเมื่อเห็นสังเกตเห็น สีหน้าที่มืดหม่นของ ซูอัน นางจึงพยายามพูดให้เขาอารมณ์ดี “ท่านไม่เห็นหรือไงว่าพวกผู้ชาย ในสถาบันอิจฉาท่านมากแค่ไหน มันมีแม้กระทั่งบางคนเคยพูดเอาไว้เลยว่าพวกเขายอมแลกอายุขัยตัวเอง 20 ปีเพื่อแลกกับการที่พวกเขาจะได้มีโอกาสแต่งงานกับพี่สาวของข้า!”
ซูอัน กลอกตาอย่างหน่ายใจและตอบกลับ ฉู่ฮวนเจา เสียงเบา “คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เจ้าควรรู้ดีที่สุดว่าพี่สาวของเจ้ากับข้ามีความสัมพันธ์แบบไหน!”
ฉู่ฮวนเจา ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน นางพอจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดของพวกเขาบ้างอยู่แล้ว “ท่านต้องให้เวลาพี่สาวของข้าบ้างสักหน่อย นางเป็นคนที่ไม่เคยให้ความสนใจ กับชายใดมาก่อน และยิ่งกับท่านที่เป็นคนแบบนี้ด้วยแล้วมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นางคงจะต้องใช้เวลาปรับตัวพักใหญ่เพื่อให้คุ้นเคยกับท่านจริง ๆ”
สีหน้าของ ซูอัน มืดหม่นมากขึ้น “เจ้าแน่ใจนะว่านี่เจ้ากำลังปลอบข้าอยู่ไม่ใช่หลอกด่า? ไอ้คำว่าคนแบบข้านี่มันเป็นคนยังไงในสายตาของเจ้ากันแน่?”
ฉู่ฮวนเจา พยักหน้าด้วยสีหน้าปกติราวกับว่าคำพูดทุกอย่างของนางมันไม่มีอะไรผิดเพี้ยน “เมื่อก่อน แม้แต่ข้าเองก็ไม่อยากเหลียวมองท่านเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นเมื่อข้าได้รู้จักท่านมากขึ้น ข้าถึงได้รู้ว่าท่านแตกต่างจากข่าวลือบ้านั้น ท่านไม่ใช่คนที่ไร้ค่าเหมือนที่ใคร ๆ บอกเลย ดังนั้นข้าเชื่อว่าสักวันพี่สาวของข้าจะเห็นเหมือนกับที่ข้าเห็นเอง และนางจะค่อย ๆ ชอบท่านเมื่อนางรู้ว่าแท้จริงแล้วท่านเป็นคนแบบไหนแน่นอน”
“ขอภาวนาให้มันเป็นอย่างที่เจ้าพูดก็แล้วกัน” ในความเป็นจริง ตอนนี้ ซูอัน ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้คือดอกบัวเร้นลักษณ์ เพราะไม่งั้นต่อให้ ฉู่ชูเหยียน ตกหลุมรักเขาจริง ๆ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
น้ำเสียงที่ดูหดหู่และเป็นกังวลของ ซูอัน ทำให้หัวใจของ ฉู่ฮวนเจา หนักอึ้ง
‘พี่เขยของข้าน่าสงสารจริง ๆ พี่สาวของข้าไม่ชอบเขา พ่อแม่ของข้าดูถูกเขา แม้แต่คนใช้ ก็ไม่แสดงความเคารพเขา ที่ผ่านมาชีวิตในคฤหาสน์ฉู่ของเขามีแต่ช่วงเวลาที่ยากลำบากทั้งนั้น นับจากนี้ข้าต้องปฏิบัติต่อเขาให้ดีขึ้นเพื่อที่เขาจะได้สัมผัสถึงความอบอุ่นของครอบครัวบ้าง!’ เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงก้าวเข้ามาใกล้ ซูอัน อีกครั้งและเรียกเขาด้วยน้ำเสียงไพเราะว่า “พี่เขย~”
ซูอัน ตกใจกับน้ำตาลกับน้ำเสียงของน้องภรรยาตัวเองที่เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังจากเมื่อครู่ ซูอัน ถามกลับด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย “เอ่อ…เจ้ามีอะไรอีกงั้นหรือ?”
“ไม่มีอะไรมาก ข้าแค่อยากเรียกท่านเท่านั้น!” ดวงตาของ ฉู่ฮวนเจา ขดเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวซึ่งน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก
ซูอัน รู้สึกว่า ฉู่ฮวนเจา ทำตัวแปลกไปแต่เขาก็ยังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเองจนไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
เมื่อพวกเขาเดินออกจากสถาบัน เฉิงโซวผิง และบรรดาทหารรับใช้ของตระกูลฉู่ ก็รอพวกเขาอยู่ที่ทางเข้าแล้ว
ในทันทีที่ เฉิงโซวผิง เห็น ฉู่ฮวนเจา กระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ ซูอัน ราวกับผีเสื้อ เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าประหลาดใจ
นายน้อยของข้านี่ช่างน่าทึ่งจริง ๆ เขาไม่เพียงแต่สามารถแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ได้เท่านั้น แต่ตอนนี้เขายังสามารถเอาชนะใจคุณหนูรองที่สุดแสนจะเจ้าอารมณ์ได้อีกต่างหาก! สงสัยว่าหลังจากนี้หากมีเวลาว่างเมื่อไหร่ข้าต้องให้นายน้อยสอนเคล็ดลับการมัดใจสาวงามให้ข้าบ้าง สักหน่อยแล้ว!
หลังจากนั้นภายใต้การคุ้มกันของบรรดาทหารรับใช้ตระกูลฉู่ ทุกคนก็เดินทางกลับไปถึงคฤหาสน์อย่างราบรื่น แต่ในทันทีที่เขากลับไปถึง ฉู่จงเทียนก็เรียกทั้งเขาและ ฉู่ฮวนเจาให้เข้าไปหาเพื่อทานอาหารเย็นทันที และน่าแปลกที่ ฉู่ชูเหยียน ก็อยู่ด้วย
ซูอัน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงงเล็กน้อยเมื่อเห็น ฉู่ชูเหยียน เขาอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามในใจ ว่านางก็คือนักศึกษาของสถาบันจันทร์กระจ่างเหมือนกัน แต่มันน่าแปลกจริง ๆ ที่เขาไม่เคยเจอหน้านางเลยในสถาบันตั้งแต่เขาเข้าไปเรียน
นางไม่จำเป็นต้องไปเรียนเหมือนเขางั้นหรือ?
แต่แล้วจู่ ๆ ซูอัน ก็นึกได้ถึงคำพูดของ ฉู่ฮวนเจา ซึ่งมันดูเหมือนว่า ฉู่ชูเหยียน น่าจะไม่ได้ไปที่สถาบันเลยในช่วงสองสามวันนี้
เขาสงสัยว่าช่วงนี้นางมีธุระอะไรมากมายนัก จนมีเหตุผลเพียงพอที่จะหยุดเรียนไปแบบดื้อ ๆ โดยที่ไม่มีใครว่าอะไรเลย?
เมื่อ ฉู่ฮวนเจา เห็น ฉู่ชูเหยียน และพ่อแม่ของนางนั่งพร้อมกับอยู่ที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว นางจึงรีบวิ่งไปหาพวกเขาทันทีด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ พวกท่านต้องไม่เชื่อแน่ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นที่สถาบัน วันนี้พี่เขยเขา…”
ฉินว่านหรู ยกมือขึ้นปรามก่อนจะพูดขัดว่า “เรื่องไม่สำคัญเอาไว้ค่อยพูดกันทีหลัง ตอนนี้ มีบางอย่างที่สำคัญกว่าที่เราจำเป็นต้องพูดคุยกันทันที”